๒ เธอคือดวงใจ (๓)
“พี่จับได้นะ นิลองจับพี่ดูสิ” หัวใจเธอเต้นแรงอีกครั้ง เขาพุ่งหมัดมาที่เธอไม่หยัด หมายจะน็อคเอาท์เลยหรือไง หล่อนแทบไม่มีเวลาได้คิดไตร่ตรอง เพียงแค่สบดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นก็เหมือนลอยเข้าไปในวังวนที่มีเพียงใบหน้าของธามนิธิ
แพ้อย่างราบคาบโดยที่ชายหนุ่มแทบไม่ได้ทำอะไร หล่อนไม่อาจเอาชนะเขาได้เลย เพียงแค่ดวงหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้ ก็หายใจติดขัดไปโดยปริยาย มวนท้องอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
อาการเหล่านี้หล่อนทราบดีว่ามันหมายความอย่างไร...เธอกำลังตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว
แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นก็ตาม ความรู้สึกของคนเราห้ามกันได้เสียที่ไหน
“นิ...ฉัน เอ่อ เรา...” ถึงกับไปไม่เป็น รีบชักมือตัวเองกลับมาไพล่หลัง ยืนก้มหน้านิ่งมองทรายอย่างไม่รู้ว่าควรพูดอะไร สมองขาวโพลนพร้อมใบหน้าที่ร้อนผ่าว เขาไม่ให้โอกาสเธอได้คิดเลยสักนิด พุ่งตรงเพื่อทำตามเป้าหมายอย่างมุ่งมั่น
“เป็นแฟนพี่นะครับ” ทอดเสียงอ่อนพร้อมกับเชยปลายคางมนให้เงยขึ้นสบตา เอื้อมคว้ามือบางมากุมไว้ทั้งสองข้าง ไม่คิดให้ลูกกระต่ายที่กำลังจะตกลงมาในหลุมที่เขาพรางไว้ได้หนีรอดไปไหน
คนอย่างธามนิธิหากได้ลงมือทำสิ่งใดแล้วต้องสำเร็จเท่านั้น หล่อนเองก็ไม่รอดมือเขาหรอก อย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้ยอมสิโรราบ
“คะ?!” ตกใจกับคำขอ ถึงกับมือสั่นหมายจะดึงมือตัวเองออกแต่เขาก็จับไว้มั่น เธอจึงเม้มปากแน่นพลางเหลือบมองทะเลมากกว่าจะสบดวงตาคมตรงหน้า ยิ่งมองเขาใจก็ยิ่งสั่นไหว ยังต้องการเวลาได้คิดและทบทวน
“มันเร็วไปนะคะ”
“ไม่เห็นเร็วเลย คบกันก็ทำความรู้จักกันไปด้วย พี่ไม่อยากปล่อยเวลาเอาไว้แล้วเป็นแค่พี่น้อง เพราะพี่รู้ว่าพี่รู้สึกกับนิมากกว่านั้น...” เขาไม่ปล่อยให้ข้ออ้างของเธอขัดขวางความต้องการของตัวเอง ยังใช้เหตุผลในการหว่านล้อมร่างบางจนเธอต้องขบคิดตาม
นั่นสินะ...คบกันไปก็ทำความรู้จักไปด้วย
ถ้าไปกันไม่ได้ก็แค่แยกทางเท่านั้น...
ทว่าหัวใจของหล่อนล่ะ หากคบกันไปแล้วคบที่รู้สึกมากกว่าคือเธอ ขณะที่เขารักน้อยลงเรื่อยๆ ความรักที่สวนทางกันมันจะไม่นำมาซึ่งความเจ็บปวดหรือ
นิราอยากใช้เวลาในการขบคิดมากกว่านี้ แต่เหมือนร่างสูงจะไม่ยอมให้เวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว เพราะเขารุกให้เธอตอบ และเหมือนจะล็อคไว้แค่คำว่าตกลงเท่านั้น หากปฏิเสธก็คงถูกต้อนจนต้องตอบตกลงเหมือนเดิม
“คบกับพี่นะ” ยังคงย้ำประโยคนั้นขณะที่เธอก็เขินจนอยากมุดแผ่นดินหนี แต่ไม่อาจทำได้ดั่งใจเพราะเขาจับมือตนไว้แน่นไม่ยอมปล่อยสักที
“นะครับ...พี่ชอบนิมากจริงๆ”
คราวนี้หล่อนไม่อาจใจแข็งบอกปฏิเสธได้เหมือนคนอื่น ลึกลงไปแล้วนิรารู้ดีว่าตนเองก็ต้องการความรักเช่นเดียวกัน พอมีคนมาแสดงออกถึงความสนใจ อีกทั้งเขายังหล่อเหลานิสัยดีมีจิตใจโอบอ้อมอารี ที่สำคัญเธอรู้สึกว่าตนก็คิดเช่นเดียวกับชายหนุ่ม
แล้วทำไมจะต้องปฏิเสธหัวใจตัวเองด้วยล่ะ
ระยะเวลาที่พบกันอาจจะไม่นาน แต่เราสามารถทำความรู้จักและรักไปพร้อมกันได้ ปลายทางอาจไม่สมหวังหรือบอบช้ำกับความสัมพันธ์ครั้งนี้
แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ลองรักไม่ใช่หรือ...
“ค่ะ ได้ค่ะ” สูดลมหายใจแล้วเรียกพลังใจให้ตัวเองก่อนจะสบตาเขา ตอบเสียงหนักแน่นเมื่อใช้เวลาเสี้ยววินาทีตัดสินใจ การลองคบเขาก็ไม่มีอะไรที่จะเสียหายสักหน่อย ถ้าไม่รักก็แค่บอกเลิก แต่ถ้ารักก็ไปกันต่อ
อนาคตจะเป็นอย่างไรหล่อนไม่รู้ เพียงแค่ตอนนี้มีอีกคนหนึ่งที่รักตนก็พอแล้ว
“ขอบคุณครับ!” เขายิ้มกว้างพลางตะโกนเสียงดังราวกับการที่เธอยอมตอบตกลงเป็นเรื่องที่น่ายินดีนักหนา ก่อนที่ธามนิธิจะคว้าร่างแบบบางมากอดจนจมอก ยิ้มกว้างพลางมองไปที่ทะเลกว้าง เหมือนเห็นดาวกับเดือนลอยลงมาอยู่ในมือของตน
ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างมันจะง่ายเช่นนี้ ต้องขอบคุณอัทธ์ที่เลือกหญิงสาวคนนี้ให้เขา เธอเป็นคนใจอ่อนเพียงแค่พูดนิดหน่อยก็ยอมศิโรราบโดยง่าย
“พี่ธามคะ หายใจไม่ออก” ผ่านไปสักพักก็บอกเขาเพราะจมูกติดอยู่กับแผงอกหนา
“ขอโทษครับ พี่ดีใจมากไปหน่อย” ยอมปล่อยร่างบางเป็นอิสระแต่ปากก็ยังคงยิ้มกว้างแสดงถึงความดีใจ จนเธอเองก็ยิ้มไปกับเขาด้วย
นิราไม่เคยมีแฟนมาก่อนจึงค่อนข้างทำตัวไม่ถูกเมื่อเราเลื่อนสถานะ หล่อนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรยามอยู่ด้วยกัน ตอนนี้ได้แค่มองใบหน้าหล่อไม่วางตา ขณะที่เขาเองก็ประคองดวงหน้าหวานให้เงยมองตน พลางย้ำชัดถึงความสัมพันธ์ของเรา
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
“ค่ะ” ยิ้มจนตาปิด เขาเห็นอย่างนั้นจึงก้มมาจุมพิตที่หน้าผากมนโดยไม่ทันให้เธอตั้งตัว ก่อนใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มนุ่ม พลางชมไม่หยุดปากทำเอาหัวใจดวงน้อยสั่นไหวไปกับความใกล้ชิดของเรา เผลอยกมือวางที่เอวสอบ
“แฟนพี่น่ารักจัง”
ไม่น่าเชื่อว่าผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเดือนกับการเข้ามาทำงานที่กองถ่ายเพื่อต้องการใกล้ชิดกับใครบางคน กลับทำให้หัวใจที่อ้างว้างของเธอถูกเติมเต็มจากชายหนุ่มผู้อ่อนโยน
ธามนิธิ...แฟนคนแรกของเธอ
ถึงเวลาเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้าน นักแสดงแต่ละคนมีรถเป็นของตัวเอง ยกเว้นทีมงานที่นั่งรถตู้มาด้วยกัน แต่บางคนก็กลับก่อนและบางคนก็อยู่เที่ยวต่อเพราะอย่างไรทางผู้จัดละครก็ให้เวลาพักผ่อนถึงสองวันก่อนกลับมาทำงาน
ใครบ้างจะไม่อยากใช้เวลาให้คุ้มค่า อยู่เที่ยวต่อสร้างสีสันให้ชีวิตดีกว่ากลับไปนอนอุดอู้อยู่ที่ห้อง
ทว่านิราไม่คิดเช่นนั้น เธออยากกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอยู่ห้องพัก มาทำงานหลายวันคิดถึงห้องนอนของตัวเองจะแย่
ก้าวเท้าขึ้นรถตู้พร้อมพี่ฝ่ายเสื้อผ้า เลือกนั่งด้านหน้าที่มีสามเบาะ โดยเลือกนั่งข้างในสุดจะได้มองวิวด้านนอกถนัด ทุกคนจับจองที่กันหมดแล้วซึ่งส่วนมากนั่งข้างหลัง เบาะข้างหล่อนจึงว่างอีกสองที่ ซึ่งดีเหมือนกันตนจะได้ไม่ต้องนั่งเบียดกับใคร
“อ้าวน้องธาม มาทำอะไรที่รถพวกพี่คะ” ประตูรถไม่ทันจะปิด ร่างสูงของพระเอกรูปหล่อก็เดินเข้ามาเสียก่อน เพียงแค่ได้ยินชื่อของแฟนหนุ่มก็ทำเอาเธอหูผึ่ง ค่อยหันมามองเขาก่อนที่เราจะสบตากัน นิรากลัวจะหลุดพิรุธจึงรีบหันหน้าหลบไปทางอื่น
“พอดีรถผมเสียครับ ขอกลับด้วยได้หรือเปล่า” เขารู้ดีว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง รถของตนไม่ได้เสียและยังขับได้ปกติ แต่คนอื่นทราบด้วยเสียที่ไหน
“ว้าย ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ มาๆ ขึ้นมาเลยค่ะ” รีบบอกอย่างใจดี ธามนิธิจึงคว้าโอกาสไว้ด้วยการขึ้นมานั่งเบาะข้างเธอ ไม่ลืมหันไปหาพี่ๆ ที่นั่งอยู่ข้างหลังแล้วทำหน้าอ้อนอย่างที่เคยใช้ได้ผลมาตลอด เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยในความสัมพันธ์ของเรา
“ขอบคุณนะครับที่ให้ติดรถไปด้วย เกรงใจแย่เลยที่ทำให้ทุกคนต้องนั่งเบียดกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนพี่ก็กลับก่อนแล้วสองสามคน รถคันนี้เลยว่างไม่เบียดหรอก ตามสบายเลยนะน้องธาม” ความจริงคนควรจะแน่นรถ แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่กลับก่อนและอยู่เที่ยวต่อ รถคันนี้จึงค่อนข้างโล่งกว่าคันอื่น
โชคดีของเขาเหลือเกิน...
“ครับ”
ไม่นานรถทุกคันก็เคลื่อนตัวออกจากโรงแรมไปตามกัน สองหนุ่มสาวที่นั่งเคียงกันพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ทว่าเขาก็เลื่อนมือไปกุมมือบางเอาไว้โดยที่ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่เธอหันมามองเขาตาโตพลางดุเสียงเบา แทบจะกลายเป็นพูดในลำคออยู่แล้ว กลัวคนอื่นจะเห็นสิ่งที่เรากำลังทำ
แม้มันจะเป็นแค่การจับมือก็ตาม
“พี่ธาม...” พยายามชักมือออกแต่เขาก็จับแน่น
“อยู่เฉยๆ สิ” ทำตาดุใส่แล้วบอกเสียงเบา เหลือบมองข้างหลังที่พากันหลับสนิทใส่หูฟังแทบทุกคน คงไม่ได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูดหรอก
ไม้ตายที่น็อคทุกอย่างและทำให้เธอยอมทอดกายเพื่อตนจะได้เชยชมโดยเร็วที่สุด
“รักนะครับ” หล่อนเม้มปากแน่นกลัวว่าจะเผลอยิ้มเมื่อได้ยินคำบอกรัก เลือกจะหันหน้าไปทางอื่นแล้วพึมพำเสียงเบา โดยไม่ยอมปล่อยมือหนาอย่างที่คิดจะทำในตอนแรก
“คนบ้า”
การมีความรัก...หัวใจมันพองโตแบบนี้เองเหรอ
