บท
ตั้งค่า

๒ เธอคือดวงใจ (๒)

“หนูชื่นชอบอาฉัตรมาก ติดตามผลงานของอาฉัตรมาตลอด...ขอ ขอจับมือสักครั้งได้ไหมคะ” ตอนแรกหมายจะขอกอดแต่รู้ว่ามันมากเกินไป จึงเปลี่ยนเป็นจับมือแทน สบตาท่านเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง

แต่แล้วกลับถูกตัดบทเสียงขรึมด้วยหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์ มองเจตนาของหญิงอายุน้อยได้ทันทีว่าต้องการอะไร จึงอยากขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจน

“ฟังนะ ฉันมีภรรยาและลูกอีกสามคน ไม่สนใจจะเลี้ยงเด็กอายุน้อยกว่า ไปสนใจคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเถอะ” พูดจบก็เดินเข้าไปในงานปล่อยร่างบางไว้เพียงลำพัง เธอทำได้แค่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ รู้ทันทีว่าท่านกำลังเข้าใจตัวเองผิด

เธอไม่ได้ต้องการเป็นน้อยใคร...ยิ่งกับคุณฉัตรชยายิ่งเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“ไม่ใช่นะคะ...เฮ้อ ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย” ยืนพึมพำกับตัวเองแล้วคิดจะเดินเข้างาน แต่เห็นร่างสูงที่ลุกจากโต๊ะแล้วเดินไปทางโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ก็เปลี่ยนใจ ยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเขา ขอไปตั้งหลักหน่อยแล้วกัน

นิราเลือกจะมาเดินเล่นริมหาดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปตามคลื่นที่สาดซัด ถอดรองเท้าออกเลือกจะถือมันไว้ ให้เท้าของตัวเองได้สัมผัสน้ำเย็นเผื่อมันจะทำให้หัวใจได้เย็นชื่นขึ้นมาบ้าง

เลือกจะทำงานที่นี่เป็นการชั่วคราวเพราะอยากใกล้ชิดคุณฉัตรชยา แต่เหมือนว่าท่านกลับยิ่งห่างไกลออกไปทุกที อยากเดินเข้าไปบอกความจริงแต่ก็เหมือนคนน้ำท่วมปากไม่รู้ควรเริ่มจากตรงไหน หล่อนควรตายจากชีวิตของท่านไปนานแล้ว

“แม่จ๋า พ่อหนูอยู่ไหนเหรอ” จำประโยคตอนเด็กที่มักเอ่ยถามมารดาได้ไม่ลืม

“พ่อของหนู...อยู่ในที่ห่างไกล ไกลจากพวกเรามากๆ จนพบกันไม่ได้” ตอนนั้นยังเด็กก็เลยคิดว่าท่านคงอยู่บนฟ้าไม่อาจได้เจอกันอีก ทว่าพอโตขึ้นก็เริ่มสืบค้นเรื่องของบิดาอย่างลับๆ จนรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร

แล้วตนก็ไม่อาจเข้าไปหาพ่อหรือบอกความจริงกับท่านได้แม้จะอยู่ต่อหน้า...

“ทำไมมาเดินเล่นคนเดียวล่ะ” สะดุ้งกับเสียงที่ดังด้านหลัง หล่อนจึงรีบหมุนกายกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองหลบหน้าออกมาเดินเล่นข้างนอก ไม่คิดว่าพระเอกหนุ่มจะเดินตามออกมาสีหน้าจึงแสดงออกถึงความตกใจ เผลอเรียกชื่อเขาแล้วเบิกตาโตมองให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

หรือคิดเข้าข้างตัวเองว่ามีผู้ชายระดับพระเอกมาชอบ เพราะเธอยังอ่อนต่อโลกในเรื่องความรัก เกิดมายี่สิบเอ็ดปีจนจบปริญญาตรียังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน

พอมีคนเข้าหาก็เป็นถึงระดับซุปเปอร์สตาร์ นิราถึงกับไปไม่ถูก อยากโทรปรึกษาเพื่อนสนิทเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ทำไม่ได้

“คุณธาม”

“ว่ายังไงครับ ทำไมถึงมาเดินเล่นคนเดียวไม่เข้าไปสนุกด้วยกันข้างใน มีเรื่องอะไรให้คิดอย่างนั้นเหรอ” ขยับเข้ามาใกล้แล้วหยุดยืนตรงหน้าเธอ แสงไฟจากโรงแรมส่องมาถึงริมหาดแต่ก็ไม่ได้สว่างมากนัก ไม่อาจเห็นหน้าเธอชัดอย่างใจต้องการ จึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เล่นเอาคนไม่ทันตั้งตัวต้องรีบถอยห่าง

“เปล่าหรอกค่ะ นิแค่ไม่ชอบเสียงดัง” ส่ายหน้าแล้วหาข้ออ้างบอกเขา เผลอแทนตัวเองด้วยชื่อจนคนฟังยิ้มกริ่ม พูดชมให้เธอเขินอายทันที

“น่ารักดีนะครับ”

“คะ...” เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ย เขากำลังชมบรรยากาศรอบข้างหรือว่าอย่างอื่น เธอก็ไม่แน่ใจ

กลิ่นหอมจากกายหนาโชยเข้าจมูกจนเผลอกลั้นหายใจ ยอมรับกับตัวเองว่ากลิ่นตัวเขาทำให้ใจของเธอวูบไหว ชอบความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของธามนิธิเหลือเกิน เหมือนอยู่ท่ามกลางแมกไม้และธารน้ำ เย็นสบายค่อนข้างสงบ

แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ที่หัวใจของเธอกำลังอ่อนไหวยามถูกร่างสูงเข้าหา

“ตอนคุณแทนตัวเองว่านิ ผมว่าน่ารักดี...เรียกแบบนี้เรื่อยๆ นะ ผมชอบ” พอรู้ความหมายของประโยคข้างต้น ก็เรียกเลือดให้มารวมกันที่ใบหน้าหวานในทันที โชคดีที่จุดซึ่งพวกเรายืนคุยกันไม่ได้มีแสงสว่างขนาดนั้น

เขาคงไม่เห็นหรอกว่าแก้มหล่อนแดงแค่ไหน...แม้ไม่ส่องกระจกเจ้าตัวก็ทราบเพราะรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าราวมีคนเอาเหล็กร้อนมานาบไว้

“ออกมาไกลแล้ว เรากลับกันดีกว่าค่ะ” พยายามหลีกหนีจากสถานการณ์ชวนขวยเขิน ก้าวเท้าหมายจะเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ทว่าแขนเรียวกลับถูกคว้าเอาไว้ พร้อมกับร่างสูงที่เดินมายืนตรงหน้าเธออีกรอบ

เขาไม่มีทางปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือโดยเด็ดขาด อุตส่าห์อยู่ด้วยกันในสองคนในบรรยากาศแสนเป็นใจ ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สถานะแฟน ต่อให้เธอจะไม่เต็มใจก็ตาม

“เดี๋ยวครับ...ผมมีเรื่องอยากบอกคุณ” เข้าเรื่องรวดเร็ว เปลี่ยนจากคว้าแขนเรียวมาจับไหล่เล็กเอาไว้ จากนั้นจึงใช้สายตาหวานล้ำของตัวเองให้เป็นประโยชน์ งัดเอาวิชาการแสดงที่ร่ำเรียนมาหลายปีออกมาใช้ คิดเสียว่ามันคือละครฉากหนึ่งที่มีค่าตอบแทนมหาศาล

“เอาไว้วันหลัง...” หล่อนไม่กล้าสบตาเขา รั้นจะเดินออกจากที่ตรงนี้แต่ไม่ทันจะได้หนีไปไหน กลับได้ประโยคที่สั่นคลอนหัวใจดวงน้อยในวินาทีต่อมา ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ เผลอปล่อยรองเท้าที่ถือไว้ให้ตกลงบนหาดทราย เงยหน้าสบดวงตาคมราวกับจะมองให้แน่ใจว่าเขาคือธามนิธิตัวจริง

“ผมชอบคุณ”

เพียงแค่สามพยางค์สั้นๆ กลับมีผลต่อจิตใจของหล่อนอย่างมหาศาล ราวเขาดึงวิญญาณของเธอออกไปเหลือเพียงกายหยาบที่เบิกตาค้างพลางเผยอปากไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง หูตัวเองฝาดไปหรือเปล่า

หลายครั้งที่มีผู้ชายมาสารภาพรัก ซึ่งเธอก็ปฏิเสธตลอดโดยให้เหตุผลอยากสนใจการเรียน ไม่ต้องการไขว้เขวกับความรู้สึกฉาบฉวย ทว่าพอเป็นหนุ่มหล่อระดับประเทศมาพูดต่อหน้า ในบรรยากาศที่ต่างออกไปจากทุกครั้ง กลับทำให้หัวใจดวงนี้สั่นไหว

ดวงหน้าหล่อเหลากับแววตาหวานล้ำ พร้อมคำพูดที่ดูจริงใจจนเธอหยุดหายใจไปเพียงครู่เดียว ก่อนที่หัวใจจะกลับมาทำงานอย่างหนัก เต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมานอกอก ขนาดเจ้าตัวเองยังตกใจว่าอัตราการเต้นของมันจะเร็วได้ขนาดนี้เชียวหรือ

หล่อนจะไม่หัวใจวายก่อนใช่ไหม...

“มันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อและคงเร็วเกินไปสำหรับเรื่องของเรา แต่ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้นี่ครับ ผมชอบตอนที่ได้อยู่กับคุณ อยากเห็นรอยยิ้มของคุณ ชอบเสียงหวานของคุณ ชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ...พี่ชอบนินะครับ”

ความรู้สึกทั้งหมดที่เขาร่ายมายิ่งทำให้แก้มนุ่มแดงปลั่ง กระทั่งถึงประโยคสุดท้ายที่ทำลายทุกอย่างกระทั่งความยับยั้งชั่งใจของเธอเอง

นิราอยากตอบตกลงเสียเดี๋ยวนั้น...พร้อมเข้าประตูวิวาห์กับเขาในทันที

แต่เธอไม่อาจทำตามอย่างที่ใจคิดได้เพราะความจริงเรื่องของเรามันเร็วเกินไป หล่อนยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของเขาดี อีกทั้งสถานะก็แตกต่าง หากจะคบใครก็อยากคบให้ยาวไม่ใช่ประเดี๋ยวประด๋าว ครอบครัวของเขาก็สำคัญ

ไม่รู้ว่าตนจะเป็นที่ต้อนรับหรือเปล่า...

แฟนคลับของชายหนุ่มก็สำคัญ คงมีทั้งคนยินดีและไม่ยินดีกับรักครั้งนี้ของเรา หญิงสาวคิดไปไกลถึงอนาคตเมื่อตอบตกลงจนแสดงออกทางสีหน้า เธอเงียบไม่พูดโต้ตอบจนคนที่พูดจบไปสักพักถึงกับเสียความมั่นใจ

หากเป็นคนอื่นคงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด ทว่าหล่อนกลับแตกต่างออกไป

“นิ...จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”

“มัน...มันไม่น่าเชื่อนี่คะ คุณธามเป็นคนดัง เป็นดารา เป็นคนที่จับต้องไม่ได้...” เธอยังไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ร่างสูงได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก ปล่อยมือจากไหล่บ้างแล้วคว้ามือนิ่มมาประคองที่ใบหน้าของตน แล้วจ้องตากับเธอพร้อมพูดด้วยเสียงนุ่มทุ้ม หมายจะละลายใจคนตรงหน้าให้เหลวเป็นน้ำ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel