บท
ตั้งค่า

5.2 งานหยาบ

วราลีชำระค่ารักษาที่คงค้างเอาไว้จนเสร็จสิ้น แต่พอทำเรื่องขอย้ายพี่ชายไปพักที่ห้องผู้ป่วยในซึ่งเป็นห้องพิเศษ ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มขึ้นมา ยังดีที่พอมีเวลาให้หาเงิน จัดการเรื่องพี่ชายเสร็จก็กลับมาทำงานต่อ ทว่าเธอไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว วันนี้กลับบ้านไปก็ต้องไปเจอกับคนทวงหนี้ แล้วเธอจะทำยังไง…เธอไม่มีเงินไปจ่ายดอกเบี้ย ตอนนี้ทั้งตัวเหลืออยู่แค่สามพันบาท จะให้บากหน้าไปขอยืมจากรสาก็ไม่กล้า เพราะที่ผ่านมาพี่สาวข้างบ้านก็ช่วยเธอมาจนนับครั้งไม่ได้แล้ว

ก็คงต้องยอมโดนซ้อมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เวลาที่หาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยไม่ทัน…สิ่งเดียวที่ทำได้คือยอมให้พวกลูกน้องของไอ้ชาติซ้อมเธอจนน่วม พอจะไปรับงานกับทิวากรก็แค่หาเครื่องสำอางกับรองพื้นมาโบกทับเข้าไป ไม่มีใครอยากนอนกับคนที่ช้ำไปทั้งตัวหรอก ถ้าเขาเห็นรอยช้ำก็คงหมดอารมณ์เอาเธอไม่ลง แบบนั้นก็เท่ากับว่าเธอเสียรายได้ไป ไม่ได้เด็ดขาด ยังไงก็จะพลาดโอกาสได้ซื้อขายกับทิวากรไปไม่ได้

“คุณลี” เสียงหนึ่งเรียกปลุกให้วราลีหลุดออกจากภวังค์แห่งความคิด หันไปทางต้นเสียงก็ได้เห็นปรีติ ลูกค้าวีไอพีของห้างที่ชอบมานั่งรอเวลาที่เลาจน์ และเขาก็ชอบคุยกับเธออย่างเป็นมิตร

“คุณปลื้ม สวัสดีค่ะ” ยกมือไหว้ลูกค้าก่อนจะรีบเข้าไปบริการ “วันนี้อยากดื่มอะไรคะ? อเมริกาโน่ใส่เลมอนกับน้ำผึ้งเหมือนเดิมไหมคะ?”

“บอกกี่ครั้งแล้วครับว่าไม่ต้องไหว้ผม มันดูเหมือนผมแก่แล้ว ไม่ค่อยชอบเลย” ปรีติเป็นหนุ่มอัธยาศัยดี ติดไปทางขี้เล่นและอบอุ่น เขามักจะคุยดีกับทุกคน ปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยความทัดเทียมเสมอ แบบนั้นยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิมไปหลายขุม ทั้งที่จริงแล้วก็เป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดีมากอยู่แล้ว

“ขอโทษค่ะ ลีคิดอะไรเพลิน ๆ ก็เลยลืมตัว”

“ผมว่าคุณลีไม่ได้คิดอะไรเพลิน ๆ หรอก ผมนั่งมองพักใหญ่แล้ว…ดูเหมือนมีเรื่องให้ไม่สบายใจใช่ไหม?” ปรีติเข้ามาใช้บริการเดอะ ไดมอนด์มานาน พอได้เจอกับวราลีที่เข้ามาทำงานที่นี่ เขาก็ถูกชะตากับเธอ มาทีไรก็มักจะชวนเธอคุยเสมอ เป็นเช่นนี้มาสองปีแล้วเลยทำให้ทั้งคู่สนิทกันอยู่ไม่น้อย

“ก็นิดหน่อยค่ะ คนเราก็มีเรื่องให้ต้องคิดบ้าง ว่าแต่คุณปลื้มจะรับอเมริกาโน่เหมือนเดิมไหมคะ? ลีจะไปจัดการให้”

“ครับ แต่เสร็จแล้วถ้าไม่มีลูกค้าคนอื่นให้ต้องดูแล มานั่งคุยเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”

“ได้ค่ะ” ส่งรอยยิ้มหวานให้ลูกค้าก่อนจะหันกลับมา แวบหนึ่งในห้วงความคิดนั้น…วราลีก็ได้คำตอบว่าหากเธอไม่อยากโดยซ้อม ก็ต้องหาเงินมาให้ได้…แล้วทำไมเธอถึงต้องไปหาที่ไหนไกลล่ะ ทำไมไม่หาเอาจากคนที่มีส่วนต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้โดยตรงอย่าง…ปานชีวา!

“ตอนนี้นักลงทุนกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของเราอยู่ครับ เพราะเราได้ประกาศออกไปพักใหญ่แล้วว่าเปิดตัว นิว เอรา แต่กลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย” หนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดบริหารของเครืออนันต์กำลังตั้งคำถามทางอ้อมกับทิวากรกลางที่ประชุม นิว เอรา ที่พูดถึงก็คือคอมมูนิตี้ มอล์ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ สวนน้ำ ร้านอาหารระดับภัตตาคารและโรงแรมห้าดาว เป็นโปรเจคใหญ่ระดับมหึมาที่จะทำให้จันทบุรีซึ่งเป็นเมืองรองนั้นกลายเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ทว่ามันกลับมีเพียงกระดาษ ไร้ความเป็นรูปเป็นร่าง

“ที่มันไม่คืบหน้าก็เพราะเรามีปัญหาเรื่องการขอเช่าที่ดินไม่ใช่เหรอครับ?” พอมีคนเปิดก็มีคนเสริมขึ้นมาทันที

“จากที่ผมมอง ถ้าเราดีลไม่ได้ ก็หาทำเลอื่น…เมืองจันท์มีที่ออกตั้งมากมาย”

“นิว เอราต้องติดทะเล ต้องเป็นผืนที่ดีที่สุดและไม่ใช่ว่าดีลกับเจ้าของที่ดินไม่ได้…แต่เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา พูดเหมือนพวกคุณไม่เคยต่อรองเวลากับผมเลยนะ” ทิวากรทำเสียงแข็ง สบตากับพวกบอร์ดใจร้อน หิวยอดหุ้น ก้มหน้าก้มตาง้อพวกนักลงทุนราวกับว่าตัวเองจะตายห่าตายโหงหากขาดคนเหล่านั้นไป และไม่ใช่ว่าทิวากรดีลกับเจ้าของที่ไม่ได้ เพียงแต่ว่าเขายังไม่ได้ดีลก็เท่านั้น ใช่ว่าไม่พยายาม…พยายามแล้ว หลายครั้งแล้วด้วย แต่แม่คนนั้นเอาแต่เล่นตัวใส่เขาไม่เลิก คิดแล้วก็หงุดหงิด!

“แต่ว่าเราช้าเกินไปแล้วนะครับคุณทิวากร ต่อให้เรารอได้…แต่คุณก็รู้ว่านักทุนเขาไม่รอ ถ้าหากมีโปรเจกต์อื่นที่น่าสนใจกว่ามาล่อใจพวกเขา…”

“รอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ! อนันต์ กรุ๊ปไม่เคยต้องง้อนักลงทุน! ต่อให้ไม่มีคนมาร่วมหุ้น…เราก็รับความเสี่ยงนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว!” ถ้าหากว่าการตัดสินใจทุกอย่างไม่ต้องการบอร์ดบริหาร ป่านนี้ทิวากรคงนอนหลับสบายไม่ต้องมานั่งปวดกบาลคอยตอบคำถามคนพวกนี้ เหนื่อยกับงานบริหารก็เหนื่อย ยังต้องมานั่งตอบสนองความต้องการจากพวกนักลงทุนอีก

“แต่ผู้ถือหุ้น…”

“แต่! แต่! แต่! จะแต่อะไรนักหนา! ผู้ถือหุ้นต่อให้อยากได้โน่นนี่แล้วยังไง?! สิทธิ์การตัดสินเด็ดขาดที่สุดมันอยู่ที่ผม! ผมคือซีอีโอ! ผมถือหุ้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ซึ่งมากที่สุด และผม! คือทายาท! พวกคุณคิดว่าผมจะช้าจนเราพลาดโอกาสดี ๆ ไปอย่างนั้นเหรอ?! ที่ผ่านมา…ผมเลยพลาดสักครั้งหรือยัง?! ไอ้ที่พลาดจนนับครั้งไม่ได้! มันคือพวกคุณ! คุณ! คุณ! แล้วก็คุณ!” ทิวากรลุกขึ้นยืนชี้หน้าเรียงตัว ไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำ เขาชี้หมด หากเป็นเรื่องงานแล้วล่ะก็…ผิดคือผิด พลาดคือพลาด และเขาจะไม่แคร์ว่าใครจะคิดอะไร

“…” กลายเป็นว่าเงียบกันหมดทั้งที่ประชุม

“ฟังนะ…ผมจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย นิว เอรา สุดท้ายหากจะไม่มีใครหน้าไหนมาร่วมลงทุน ผมนี่แหละที่จะสร้างมันขึ้นมาเอง! จบประชุม!” ทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นซีอีโอหนุ่มเลือดร้อนก็เดินออกมาจากห้องประชุมในทันที พอเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองก็หันไปหารสาที่เดิมตามมาติด ๆ “วันนี้ตารางผมมีอะไรอีกไหมรสา?”

“คุณทิวากรมีนัดกับคุณปรีติค่ะ เขาแจ้งมาว่ารออยู่ที่เลาจน์ แต่รสาคิดว่าให้เขาขึ้นมาเจอคุณที่นี่ดีกว่าไหมคะ?” รสาเริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ปรีติ ซึ่งเป็นญาติฝ่ายแม่ของทิวากรนัดมาเจอ แล้วเลือกไปรอที่เลาจน์ แต่เธอก็เปลี่ยนสถานที่นัดเจอมาโดยตลอด อ้างว่าเจ้านายไม่ชอบไปที่เลาจน์เพราะไม่อยากเจอคนเยอะ มันก็จริงอยู่ที่เขาไม่ชอบ แต่เหตุผลแท้จริงมันเป็นเพราะเลขาคนเก่งไม่อยากให้เจ้านายไปเจอวราลีที่นั่น หากเจอขึ้นมาล่ะก็…เป็นเรื่องแน่

“ไม่ต้อง…ไปที่เลาจน์นั่นแหละ ผมอยากดื่ม”

“คะ?!”

“ผมบอกว่าจะไปที่เลาจน์ แล้วก็…ยกเลิกตารางหลังจากนี้ให้หมด ติดต่อหาปานชีวา…บอกเธอว่าผมอยากกินข้าวด้วย แล้วถ้าเธอยังปฏิเสธอยู่อีกก็ส่งของขวัญไป เอาที่คุณคิดว่าเห็นแล้วจะยอมมาเจอผม คิดว่าทำได้ไหมรสา?”

“เอ่อ…” แล้วรสาก็ต้องมาเจอกับเรื่องยากอีกแล้ว

“ต้องทำได้สิ ก็ผมจ้างคุณมาเพื่อทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายนี่” ว่าแล้วทิวากรก็เดินออกไปจากห้องทำงาน ทิ้งให้รสายืนเลิ่กลั่กอยู่ตรงนั้น

“เวรแล้ว! ลีเอ๊ย…งานนี้ซวยกันยกแก๊งแน่!” แก๊งที่มีกันอยู่สองคน รสาพูดไปก็ควานหาโทรศัพท์มือถือไป พอเจอก็รีบกดโทรออกหาวราลี อยากจะบอกว่าภัยร้ายกำลังจะไปเยือนถึงที่ ทว่าโทรเท่าไรน้องสาวข้างบ้านก็ไม่รับสาย มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว…เพราะเวลาทำงานวราลีใช้โทรศัพท์ไม่ได้ “เจองานหยาบแล้วไหมล่ะ! ฉิบหายแน่งานนี้! เตรียมตัวหางานใหม่ได้เลยกู!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel