บท
ตั้งค่า

2.1 ผู้ชายมีตำหนิ

ตื่นมากลางดึกวราลีก็พบว่าเหลือเธออยู่คนเดียวในเพนท์เฮาส์ เท่าที่นับได้ทิวากรจัดหนักเธอไปหลายยก กัดเธอจนเป็นรอยฟันแดงเป็นจ้ำ ๆ ไปทั้งตัว ทั้งที่คอ ที่อก หน้าท้อง ง่ามขาหนีบเขายังซุกหน้าเข้ามากัด! ไม่รู้ว่าชาติก่อนเป็นหมาหรือยังไงกัน คิดแล้วก็หงุดหงิด พรุ่งนี้ไปทำงานคงต้องโบกรองพื้นทับรอยที่คอ ใครเห็นจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอโดนแฟนดูดคอ ที่ไหนได้…โดนลูกค้ากัดค่ะ! หงุดหงิดกับการเจ็บตัวไม่ทันจะหาย รอยยิ้มก็ต้องผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อเหลือบไปเห็นเงินบนโต๊ะหัวเตียง รีบคว้ามันมานับทันที สิบใบก็แล้ว…สิบห้าใบก็แล้ว…

“สองหมื่น!” แววตาคู่เศร้าหมองสุกสกาวขึ้นมาในทันใด เมื่อได้เงินใบเทายี่สิบใบมาอยู่ในมือ ก็ไม่คิดเหมือนกันว่ายอมโดนกัดแล้วจะได้ในสิ่งที่ต้องการ แบบนี้แหละที่เธอชอบ “ไหนว่าจะให้แค่หมื่นสอง? แต่โดนกัดก็ดีกว่าถูกซ้อมละวะ!”

กุลีกุจอลงจากเตียง วิ่งเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตกับกระโปรงทรงสอบสีชมพูอ่อน เป็นชุดที่เธอใส่ไปทำงาน ใส่ไปข้างนอก เวลาที่ต้องไปทำงานเสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอใส่ชุดแบบนี้ไปทุกหนทุกแห่ง ถามว่าเสื้อผ้าสวย ๆ เหมือนคนอื่นน่ะมีไหม บอกเลยว่าไม่มี เงินมีไว้สำหรับใช้หนี้ จ่ายค่ารักษาและค่าพยาบาลให้พี่ชายที่ป่วยติดเตียงเท่านั้น

วราลีอาศัยอยู่บ้านในเช่าเล็กในหมู่บ้านจัดสรรชานเมือง การโดยสารในชีวิตประวันของเธอคือเดิน ต่อรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้าแล้วก็เดิน ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็เลือกที่จะเดิน ไม่ยอมเสียค่าวินมอเตอร์ไซค์แพง ๆ เด็ดขาด สิบบาทยี่สิบบาทก็มีค่าสำหรับเธอ พอมาถึงบ้านก็เปลี่ยนมาสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น หันมองดูนาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งเธอก็เตรียมจะเข้านอน มีเวลานอนแค่ห้าชั่วโมงเท่านั้น หกโมงเธอต้องตื่นเตรียมตัวออกไปทำงานที่ห้างโมเมนตัม ทำงานที่นั่นมาสองปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็เป็นได้แค่พนักงานชั่วคราว เดิมทีเธอผ่านช่วงทดลองงานมาแล้ว แต่เพราะไม่มีใบปริญญาตรีเลยเป็นได้แค่นี้

ทั้งที่เธอเรียนจบครบตามหลักสูตรทุกอย่าง แต่เพราะไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมปีสุดท้าย อีกทั้งยังไม่ได้เข้าสอบวิทยานิพนธ์ ก็เลยไม่ได้ใบปริญญา อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาทำงานช่วยพี่ชายหาเงิน สองพี่น้องช่วยกันอย่างสามัคคีหวังให้น้องสาวได้เรียนจบปริญญาตรี แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเสียเหลือเกิน…วันสุดท้ายที่จะได้กลายเป็นนิสิตจบใหม่ ดันเกิดเรื่องกับวริศพี่ชายที่คลานตามกันมาของเธอ วันนั้นเธอเลือกที่จะไม่ไปสอบเพื่อไปหาพี่ชายที่พยายามกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่ไปไม่ทัน…ไปถึงที่เกิดเหตุก็เห็นคนมาออรุมดูพี่ชายที่นอนจมกองเลือด วินาทีที่คิดว่าคงได้เสียพี่ชายให้กับโลกทุนนิยม วราลีคิดว่าชีวิตเธอมาถึงทางตันแล้ว ครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอคิดตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วจากไป แต่ไม่รู้ว่าเพราะบุญหรือกรรมที่ทำมา หมอช่วยวริศไว้ได้ทัน ทว่าเขากลับมาได้เพียงร่างกาย ไร้ซึ่งจิตวิญญาณใด ๆ พี่ชายของวราลีกลายเป็นเจ้าชายนิทรานับแต่นั้นจนถึงเวลานี้ก็ร่วมเจ็ดปีแล้ว

วราลีรักพี่ชายมาก เพราะเขาคือคนเดียวที่ดูแลเธอนับตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปตั้งแต่เด็ก เพราะแบบนั้นเธอจึงทำทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อดูแลเขา ไม่ว่าจะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลมากแค่ไหนก็ดิ้นรนกัดฟันสู้ หวังว่าสักวันพี่ชายของเธอจะกลับมา และหวังว่าจะได้ลากผู้หญิงคนนั้นมาคุกเข่าต่อหน้าเขา แล้วเอ่ยคำขอโทษออกมา ผู้หญิงที่มาพร้อมกับโลกทุนนิยม ต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายของเธอต้องมาอยู่ในสภาพนี้ หนี้ก้อนโตที่วราลีบากหน้าไปกู้เงินจากพวกเจ้าหนี้นอกระบบเพื่อมารักษาวริศ นับวันดอกเบี้ยยิ่งบานมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ต้องจ่ายหนึ่งหมื่นห้าพันบาทอยู่ทุกอาทิตย์นั้นมันแค่ดอกเบี้ย เพราะเงินต้นสองล้านบาทนั้นยังไม่มีปัญญาหามาจ่าย ซึ่งหนึ่งหมื่นห้าพันบาทที่ว่านั้นก็มาจากงานเสริมบนเตียงกับทิวากรนั่นแหละ ก็อย่างว่า…ชีวิตยังไม่สิ้น มันก็ต้องดิ้นกันต่อไป

เจ็ดโมงเช้าเป็นเวลาที่วราลีต้องออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน วันไหนโชคดีหน่อยก็จะได้ติดรถรสา เพื่อนบ้านที่อยู่หลังติดกันไปทำงาน รสาคนนี้เองที่เป็นคนช่วยให้วราลีได้เข้าไปทำงานที่ห้างโมเมนตัม อีกทั้งยังเป็นคนที่ทำให้เธอได้รับงานบนเตียง เรื่องมีอยู่ว่ารสาเป็นเลขาส่วนตัวของทิวากร ทำงานให้เขามาหลายปี วันหนึ่งไม่รู้ว่าคุณเจ้านายนึกครึ้มอะไรขึ้นมา ออกคำสั่งให้เลขาไปหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติครบตามที่เขาต้องการมานอนด้วย รสาปวดหัวอยู่หลายวัน เพราะไอ้คุณสมบัติที่เจ้านายต้องการมันหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งต้องเป็นผู้หญิงหน้าตาดี ต้องรักษาความสะอาด ต้องไม่พูดมาก ไม่ขี้สงสัย ต้องห้ามมีสามีหรือแฟน และต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำงานขายบริการเป็นอาชีพ จะให้ดีขอคนที่ไม่ได้ต้องการจะจับผู้ชายรวยมาทำสามี

ก็แล้วใครที่มีคุณสมบัติอย่างที่เขาว่าจะมาขายตัว ตอนนั้นรสาได้แต่คิดว่าเธอจนปัญญาจะทำตามคำสั่งของเจ้านาย วันหยุดที่มีโอกาสได้เลี้ยงลูกอยู่บ้านเพื่อให้สามีที่เป็นพ่อบ้านได้หยุดพัก วันนั้นก็ได้มาปลดทุกข์ให้วราลีฟัง ไม่คิดว่าพอเล่าจบเพื่อนบ้านคนนี้จะเสนอตัวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร แน่นอนว่าทีแรกรสาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของวราลี รสามองว่าวราลีก็เป็นน้องสาวคนหนึ่งที่เธอรัก ใครจะอยากให้น้องสาวมาทำงานแบบนี้ ต่อให้รายได้จะดีมากก็ตาม แต่พอนึกไปนึกมา…รสาเองก็รับรู้ว่าวราลีมีภาระมากมาย มีหนี้ที่ต้องใช้ และหลายครั้งที่ได้เห็นว่าพวกตามทวงหนี้ทำร้ายให้ต้องเจ็บตัว สุดท้ายก็ต้องยอมให้มันเป็นไป

“ลี…ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอ?” นับว่าเป็นโชคดีของวราลี ที่วันนี้รสาไปทำงานเช้ากว่าปกติ “ดีเลย งั้นไปกับพี่นะ มีเรื่องอยากคุยด้วยอยู่พอดี”

“พี่สามีอะไรเรื่องอะไรจะคุยกับลีเหรอ?” วราลีเปิดประตูรถขึ้นมานั่งที่ข้างคนขับ เอ่ยถามกับพี่สาวคนสนิทขณะเดียวกันก็เปิดกระจกหน้ารถขึ้นมาตรวจเช็กรองพื้นที่เธอทาทับรอยกัดตรงลำคอว่ามันยังอยู่ปกติดีไหม เกิดมันหลุดลอกขึ้นมาตอนเผลอ แล้วเพื่อนร่วมงานถามจะต้องมานั่งปั้นเรื่องโกหกอีก

“พี่ลองคุยกับคุณวิโรจน์ฝ่ายบุคคลแล้วนะ” พูดเรื่องนี้ขึ้นมารสาก็นึกเห็นใจวราลี ทั้งที่เป็นคนขยันตั้งใจทำงานแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้ขึ้นเป็นพนักงานประจำ เพียงเพราะไม่มีใบปริญญา “เขาบอกว่าให้ลีบรรจุไม่ได้ว่ะ พี่ก็เซ็งนะที่มันเป็นแบบนี้ ลีทำงานมาตั้งสองปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นแค่พนักงานชั่วคราว เอาจริงมันไม่แฟร์…พี่อยากให้ลีลองหาที่อื่นทำดู พี่ช่วยดูให้ก็ได้ ที่จริงมีหลายที่ที่พี่พอจะฝากให้ได้เลยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่สา แค่นี้ลีก็ขอบคุณพี่สามากแล้ว ลีทำได้ค่ะ ไม่ได้อยากจะเป็นพนักงานประจำหรอก…ถ้าเงินเดือนยังดีแบบนี้เหมือนเดิม ลีทนได้” วราลีฉีกยิ้มให้รสา ไม่อยากทำหน้านอยด์ให้พี่สาวข้างบ้านต้องหม่นหมองไปด้วย

“แต่เรื่องสวัสดิการไง พนักงานประจำอาจได้เงินเดือนดีกว่าไม่มาก แต่มันมีสวัสดิการที่ดีกว่านะ”

“ที่อื่นก็อาจไม่รับลีเข้าทำงาน ถ้ารู้ว่าลีไม่มีใบปริญญา เชื่อเถอะว่าลีโอเคจริง ๆ”

“แน่นะ?”

“แน่สิ…ยังไงลีก็ได้เงินพิเศษจากเจ้านายพี่อยู่แล้ว” ถึงจะไม่รู้ว่าเขาจะเบื่อและเลิกใช้งานเธอเมื่อไหร่ก็ตาม เพราะยังไงก็ได้ทำสัญญาอะไรกันเอาไว้ “ถ้าเจ้านายพี่ไม่เบื่อลีก่อนอะนะ”

“เขาไม่เบื่อหรอก” รสาตอบทันที “คุณทิวากรไม่ใช่คนที่จะเบื่อง่าย ๆ อะไรก็ตามที่เขาเลือกมาด้วยตัวเอง เลือกแล้วก็เลือกเลย”

“แต่แปลกใจอยู่นะ ที่เขาทั้งหล่อแล้วก็รวยมากขนาดนี้ เขาดูเพอร์เฟคไปซะทุกอย่างแต่ทำไมหย่ามาแล้วตั้งสามครั้ง?” ได้โอกาสวราลีก็เข้าเรื่องที่อยากรู้ เป็นเรื่องที่พยายามถามรสามาตลอดแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ รสาคนนี้เป็นลูกน้องที่ดีเยี่ยม หากข้อมูลไหนที่รู้ว่าเจ้านายไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ ไม่มีทางหลุดออกจากปากเธอเป็นอันขาด ยิ่งโดยเฉพาะกับเรื่องที่ทิวากรเคยแต่งงานมาแล้วถึงสามครั้งด้วยกัน “ถ้าไม่ใช่เพราะขี้เบื่อแล้วมันเหตุผลอะไรเหรอพี่สา?”

“แน่ะ! จะหลอกถามพี่อีกแล้วสิ บอกแล้วไงว่าเรื่องเจ้านายพี่ไม่อยากพูด” รสาแกล้งทำเป็นหันมามองค้อนใส่วราลี “ช่วงนี้ที่เลาจน์เป็นยังไงบ้าง?”

“ก็เรื่อย ๆ นะ เหนื่อยมากเรื่อย ๆ เหมือนเดิม”

“ลีอย่าลืมที่พี่บอกนะ ห้ามให้คุณทิวากรรู้เด็ดขาดว่าลีทำงานที่นั่น ไม่งั้นพี่โดนยับแน่”

“ค่ะ ลีหนีทันตลอดเวลาที่บังเอิญเจอเขาในห้าง อีกอย่างคุณทิวาของพี่สา เขาไม่เคยลงมาที่เลาจน์เลยสักครั้งตั้งแต่ลีทำงาน”

“ก็อย่างว่า เขาไม่ชอบที่ที่มีคนพลุกพล่าน ยิ่งถ้าไปไหนแล้วมีคนจ้องมอง เขาจะอึดอัดมากเลยล่ะ”

“เขาป่วยหรือเปล่า? แบบว่า…ทางจิตน่ะ” วราลีอดสงสัยไม่ได้ “ถ้าป่วยจริงก็พอจะเข้าใจได้อยู่นะ”

“ไม่ถึงกับป่วยหรอก”

“แค่โคตรยิ่งแล้วก็ถือตัวสุด ๆ ใช่ไหม?”

“แบบนั้นเลย” สองสาวมองตาแบบรู้กันพร้อมเสียงหัวเราะ ทำงานเป็นเลขาให้ทิวากรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่ใช่เพราะรสาเป็นผู้หญิงทำงานที่กระฉับกระเฉงและฉลาดรอบด้าน เก่งแถมยังถึกทนไม่แพ้วราลี ก็คงไม่อดทนมาได้ถึงขนาดนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel