บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ทำตามคำสั่ง

การแต่งงานระหว่างอินทัชและเมษาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าชายหนุ่มจะตามหาตัวสาวคนรักเจอ ส่วนหวานยี่หวาตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เธอต้องทำงานทุกอย่างไม่ต่างจากคนใช้คนหนึ่ง

หญิงสาวมักจะโดนสาวใช้ด้วยกันรังแกเพราะคำสั่งของอินทัชต้องการทำให้เธอเจ็บปวดและไม่มีความสุข

“อ้าวมาแล้วเหรอ” เสียงของพิกุลสาวใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างบอบบางสวมใส่ชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในห้องครัว

“สวัสดีค่ะพี่พิกุล พี่สาลี่ พี่บังอร” มือเรียวยกขึ้นไหว้คนที่มีอายุมากกว่าอย่างไม่ถือตัว

“แล้วนั่นจะไปไหน” สาลี่ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“วันนี้ยี่หวามีเรียนค่ะ ช่วงบ่ายยี่หวากลับมาช่วยงานบ้านนะคะ”

“แล้วจะยืนทำเซ่ออีกนานไหมรีบมาช่วยยกอาหารไปสิ คุณผู้หญิงกับคุณอินใกล้ลงมาแล้ว” บังอรแทรกขึ้นเธอคือสาวใช้ที่ไม่ชอบหน้าหวานยี่หวามากที่สุด

“ค่ะพี่บังอร” หวานยี่หวาวางหนังสือลงบนโต๊ะและรีบเข้าไปช่วยถือถาดข้าวต้มจากมือของพิกุลแต่ไม่วายโดนสาลี่ชนเข้า กระทั่งข้าวต้มกระเด็นโดนมือเรียว หญิงสาวเผลอปล่อยถาดอาหารร่วงหล่นพื้น

“ว้าย! ทำอะไรยี่หวาเห็นไหมข้าวต้มหกหมดเลย” บังอรเอ็ดหวานยี่หวาเสียงดัง

“นั่นสิแค่นี้ก็มือไม้อ่อน” สาลี่เบะปากใส่หวานยี่หวา ทั้งแอบทำหน้าทำตาด้วยความสะใจ

“ยี่หวาไม่ได้ทำนะคะพี่สาลี่นั่นแหละชนยี่หวาจนข้าวต้มหกหมดเลย”

“ฉันชนเธอตอนไหน มีใครเห็นไหม” สาลี่หันไปถามความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ บริเวณนั้น แต่คำตอบที่ได้รับคือไม่มีใครเห็นการกระทำของสาลี่ก่อนทุกคนจะโยนความผิดไปให้หวานยี่หวา

“พวกพี่โกหก พี่พิกุลก็เห็นว่าพี่สาลี่ชนยี่หวาจนข้าวต้มหก”

“ฉันไม่รู้” พิกุลทำไขสือ

“โอ๊ย! มัวแต่หาตัวคนผิดนั่นแหละรีบทำความสะอาดได้แล้วยี่หวาและยกอาหารออกไปให้เจ้านายทั้งสองด้วย ไปกันเถอะพวกเราปล่อยให้เด็กนี่ทำคนเดียว” บังอรออกคำสั่งกับหวานยี่หวาเสร็จก็ชวนเหล่าสาวใช้ออกจากห้องครัว ทิ้งหญิงสาวเพียงลำพัง

“ใจร้าย” เสียงหวานบ่นอุบอิบพลางยกมือเรียวปาดน้ำตาข้างแก้มนุ่ม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาร้องไห้เธอต้องรีบทำความสะอาดและนำอาหารออกจากห้องครัว

ร่างเล็กถือถาดอาหารอย่างทุลักทุเลเพราะปวดแสบปวดร้อนบริเวณโดนข้าวต้มลวกมือเมื่อสักครู่

“ชักช้า” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อคนตัวเล็กวางอาหารตรงหน้าตัวเอง

“ขอโทษค่ะ”

“เอาเถอะน่าอิน น้องยังไม่คุ้นชินกับที่นี่” ซ่อนกลิ่นพูดปกป้องหวานยี่หวาแต่จะให้มากกว่านี้คงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้มีปัญหากับลูกชายให้ปวดหัวเปล่า ๆ

“แล้วใครใช้ให้อวดเก่งล่ะครับ อยากทำตัวเป็นแม่พระอาสายกอาหารออกมาคนเดียว เห็นไหมผมกับคุณแม่ต้องรอนาน”

คำพูดของอินทัชทำหวานยี่หวาปรายตามองเหล่าสาวใช้ที่รังแกเธอก่อนหน้านี้ซึ่งยืนอยู่มุมหนึ่งของห้องอาหารทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนเธอต้องเม้มปากแน่นเกือบเป็นเส้นตรง

“ช่างมันเถอะ แม่ว่าเรากินกันได้แล้ว” ซ่อนกลิ่นตัดบท

“นั่นจะไปไหนใส่ชุดนักศึกษาทำไม” สายตาคมกริบปะทะร่างอ้อนแอ้นในชุดนักศึกษาที่ก่อนหน้านี้ไม่ทันสังเกต เพราะมัวแต่หาเรื่องชวนทะเลาะ

“ยี่หวาต้องไปเรียนค่ะ” ตอบเสียงเรียบแต่ในใจกลับหวาดกลัว เนื่องจากกลัวจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปมหาวิทยาลัย

“เรียนปีไหนแล้วล่ะหนูยี่หวา” ซ่อนกลิ่นถามอย่างสนใจ

“ปีสี่แล้วค่ะ” ส่งยิ้มหวานแก่หญิงวัยกลางคน ท่าทางของท่านใจดีเหลือเกินแตกต่างกับอีกคนชอบทำหน้ายักษ์ปานจะฉีกเนื้อเธอเป็นชิ้น ๆ

“ใกล้จบแล้วสิ ว่าแต่สวย ๆ แบบนี้มีหนุ่ม ๆ มาจีบเยอะเลยใช่ไหม”

“แต่งตัวสั้นขนาดนั้นก็ไม่แปลกถ้าจะมีผู้ชายมาชอบ” อินทัชบอกด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ จนหวานยี่หวาต้องก้มหน้าสำรวจตนเองซึ่งไม่ได้เป็นอย่างที่ชายหนุ่มกล่าวสักนิด ชุดนักศึกษาของเธอก็หลวมไม่รัดเลย มิหนำซ้ำกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่า

“แม่เบื่อจะพูดกับอินแล้ว” ซ่อนกลิ่นส่ายหน้าไปมาด้วยความเอือมระอากับลูกชาย ไม่รู้จะจงเกลียดจงชังหวานยี่หวาอะไรขนาดนั้น ทั้งที่คนหนีงานแต่งคือเมษาแต่ชายหนุ่มไม่ได้โกรธเคืองสักนิด แถมยังให้คนออกตามหา

“รีบไปเรียนเถอะหนูยี่หวาให้คนขับรถไปส่งที่มหาลัยนะ”

“ค่ะ”

“ไม่อนุญาตถ้าจะไปเรียนก็นั่งรถเมล์ไปเอง อย่ามายุ่งวุ่นวายกับคนบ้านนี้”

“อิน!!”

“คุณป้าคะ ไม่เป็นไรค่ะยี่หวาไปเองได้ ขอตัวก่อนนะคะ” หวานยี่หวายกมือไหว้อินทัชและซ่อนกลิ่นก่อนจะรีบแจ้นออกจากห้องอาหารทันที ขืนชักช้ามีหวังไม่ได้ไปเรียนแน่

“แม่ไม่รู้จะพูดยังไงกับอินแล้วนะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นหลังพ้นร่างหวานยี่หวาไม่กี่นาที

“คุณแม่ครับ ผมคือผู้ถูกกระทำนะครับ คุณแม่จะไม่ให้ผมรู้สึกอะไรเลยเหรอ”

“แล้วอินไปโกรธเกลียดหนูยี่หวาทำไม คนที่หนีงานแต่งคือหนูเมษา”

“ก็ยี่หวาเป็นคนของตระกูลนั้น” เถียงแบบข้างๆ คู ๆ

“แล้วหนูเมษาไม่ใช่เหรอ คนที่ลูกควรเกลียดและโกรธคือหนูเมษาต่างหากไม่ใช่หนูยี่หวา”

“ผมรักเมษาจะให้ผมเกลียดเมษาได้ไง”

“แม่ไม่คิดเลยว่าลูกของแม่จะเป็นคนแบบนี้ ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย” พูดจบ ซ่อนกลิ่นลุกขึ้นจากเก้าอี้

“คุณผู้หญิงอิ่มแล้วเหรอคะ” ป้าเพ็ญหญิงสูงวัยทำงานที่นี่มานานตั้งแต่อินทัชยังเด็กและยังเป็นแม่นมของชายหนุ่มถามขึ้นทันทีที่เห็นซ่อนกลิ่นลุกขึ้นออกจากโต๊ะอาหาร

“กินไม่ลงแล้ว รบกวนป้าช่วยพาฉันออกไปจากห้องนี้ด้วย” หันมองลูกชายแวบหนึ่ง

“ได้ค่ะคุณผู้หญิง” ไม่รอช้าจะประคองเจ้านาย

“ยี่หวา!!” มือหนากำหมัดแน่นเพราะเธอเป็นต้นเหตุทำให้เขาทะเลาะกับแม่ เขาต้องเอาคืนเธอให้สาสม

มุมหนึ่งของมหาวิทยาลัยหลังจากเรียนเสร็จ หวานยี่หวาและเพื่อนทั้งสองกำลังเดินไปนั่งยังม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ หลังจากนั่งลงลูกหว้าสาวจอมแก่นถามขึ้นอย่างไวในเรื่องค้างคาเมื่อเช้า

“จริงเหรอยี่หวา พี่เมษาหนีไปแล้วพี่อินก็เลยพายี่หวาไปอยู่ด้วยในฐานะตัวประกันและยังต้องทำงานทุกอย่างตามคำสั่ง”

“อืม” พยักหน้าเล็กน้อย

“แล้วยี่หวาเป็นไงบ้าง โอเคใช่ไหม”

“ตอนนี้ยี่หวายังทนไหว” เอ่ยขึ้นขณะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง อย่าบอกนะมีใครทำอะไร”

“ก็ไม่เชิงหรอก” บอกอย่างยิ้มอ่อน ๆ

“เอ๊ะ มือยี่หวาไปโดนอะไรมา” อันดาสาวเรียบร้อยของกลุ่มพูดขึ้นพลางเอื้อมมือไปสัมผัสมือเล็กของหวานยี่หวาบริเวณรอยแดง

“ไม่มีอะไรหรอก” หวานยี่หวารีบชักมือกลับเธอไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองต้องคอยเป็นห่วง

“เกิดอะไรขึ้นยี่หวา ใครทำอะไรแก” ลูกหว้าจับไหล่บอบบางทั้งสองข้างของเพื่อนอย่างเค้นคำตอบ

“นั่นสิยี่หวาพวกเราเป็นห่วง” อันดาเสริมขึ้น

“เอ่อ คือ”

“พูดมายี่หวา” ลูกหว้าเค้นถามพลางจ้องริมฝีปากอวบอิ่มของหวานยี่หวา

“ก็ได้” หวานยี่หวาเล่าเหตุการณ์เมื่อเช้าให้เพื่อนทั้งสองฟังตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไม่ปิดบังเนื่องจากถ้าเพื่อนรู้ทีหลังจะโกรธไม่น้อย

“แย่จังเลยทำไมคนพวกนั้นถึงทำแบบนี้กับยี่หวา” อันดาพูดขึ้น เธอสงสารเพื่อนจับใจต้องมาเจออะไรเช่นนี้

“อย่าไปว่าพวกเขาเลย ถ้าเจ้านายไม่สั่งมีเหรอลูกน้องจะกล้า”

“หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าพี่อินอะไรนั่นเป็นคนสั่งให้พวกนั้นรังแกยี่หวา” ลูกหว้าเริ่มเดือด

“ประมาณนั้นแหละ”

“พี่อินนี้ใช่พี่ชายที่แสนดีของยี่หวาในวัยเด็กใช่ไหม แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงได้ร้ายล่ะ” อันดาถามอย่างสงสัย

“คงโมโหที่พี่เมษาหนีไปละมั้งก็เลยเอาความเกลียดชังมาลงที่ยี่หวา” นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้นเธอยังไม่รู้คำตอบแน่ชัดจากเขา

“ทำไมเป็นคนแบบนี้ เขาควรเกลียดพี่เมษาไม่ใช่เหรอ” ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ ลูกหว้าเริ่มมีสีหน้าตึงเครียด

“ช่างมันเถอะ ถ้าพี่เมษากลับมาทุกอย่างก็ดีขึ้นเองแหละ” เผยยิ้มอ่อนแก่เพื่อนทั้งสองในใจภาวนาขอให้เป็นอย่างที่พูด

“ถ้ามีอะไรหรืออยากให้พวกเราสองคนช่วยเหลือก็บอกได้นะยี่หวา อันดากับลูกหว้ายินดี”

“ขอบใจนะ”

“ไปกินข้าวเถอะ ลูกหว้าหิวแล้ว” พูดพลางนำมือลูบหน้าท้องแบนเรียบ

“ไปสิ” เมื่อเช้าเธอไม่ได้ทานอะไรมาเหมือนกัน ตอนนี้ค่อนข้างหิวมากเหลือเกินจนไส้กิ่ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel