บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ตัวแทนของพี่สาว

“คุณแม่ขา…” เสียงหวานตะโกนดังลั่นคฤหาสน์ขณะวิ่งลงจากบันไดด้วยท่าทางรีบร้อนเพื่อมุ่งหน้าไปหามารดาในห้องนั่งเล่นซึ่งกำลังจัดดอกไม้ใส่แจกันอย่างอารมณ์ดี

เสียงของลูกสาวคนเล็กทำกันตาหญิงวัยห้าสิบหกถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนส่ายหน้าไปมา ตวัดสายตามองหน้างดงามของหวานยี่หวาบุตรสาววัยยี่สิบเอ็ดปี

“มานั่งข้างแม่แล้วค่อย ๆ เล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น” มือเหี่ยวตบที่นั่งข้าง ๆ ตนเองเรียกหวานยี่หวามานั่งด้วยกัน

“ค่ะ” ตอบเสียงอ่อน เท้าเล็กก้าวเดินไปนั่งข้างมารดา

“มีอะไรเหรอลูก ดูสิเหงื่อเต็มหน้าเชียว” ถามเสียงอ่อนโยนพลางช่วยเช็ดคราบเหงื่อบนหน้าผากกลมกลึง

“พี่เมษาไม่อยู่ในห้องค่ะ”

“ไปไหน” หน้าของกันตาเริ่มซีดเผือด เธอรู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างจะเกิดขึ้น

“ไม่รู้ค่ะ ข้าวของของพี่เมษาก็ไม่อยู่ในห้อง”

“ลูกมั่นใจแล้วเหรอยี่หวา”

“ค่ะ” พูดพร้อมกับพยักหน้ายืนยันคำตอบ “เราจะทำยังไงดีคะ เดี๋ยวพี่อินจะมารับพี่เมษาแล้ว” มือเรียวเอื้อมไปกุมมือเหี่ยวของมารดา

“คุณนายคะ คุณอินมารอรับคุณหนูเมษาแล้วค่ะ ตอนนี้รออยู่ในห้องรับรองแขก” ไม่ทันกันตาจะพูดอะไรมากมายกับหวานยี่หวา เสียงของสาวใช้แทรกขึ้น

“เดี๋ยวฉันตามไป”

“ค่ะคุณนาย”

“คุณแม่คะ เราจะทำยังไงดีถ้าพี่อินรู้ว่าพี่เมษาไม่อยู่ เขาต้องโกรธแน่เลย” หวานยี่หวากล่าวขึ้นหลังจากพ้นร่างสาวใช้

“อย่าเพิ่งพูดอะไรก่อนตอนนี้ แม่ว่าเราไปพบพี่อินก่อนเถอะ”

“ค่ะ”

“สวัสดีครับคุณน้า” อินทัชเจ้าของผับหรูชื่อดัง วัยยี่สิบเก้าปียกมือไหว้กันตาทันทีที่มานั่งตรงข้ามตัวเอง

“สวัสดีค่ะพี่อิน” หวานยี่หวากล่าวขึ้นพร้อมกับพนมมือไหว้คนที่มีอายุมากกว่า

“ครับ” ส่งยิ้มบาง ๆ แก่หญิงสาวตรงหน้าก่อนกวาดสายตามองหาร่างอรชรของว่าที่ภรรยา

ครอบครัวของกันตาเป็นหนี้อินทัชหลายสิบล้านบาท เนื่องจากกันตายืมเงินมาบริหารธุรกิจโรงแรมที่เข้าสู่ขั้นวิกฤต โดยมีข้อเสนอว่าจะให้ชายหนุ่มแต่งงานกับเมษาลูกสาวคนโต

“เอ่อ แล้วเมษาอยู่ไหนครับ” เขามารับเมษาตามสัญญาที่ว่าต้องให้หญิงสาวไปอยู่ด้วยกันก่อนเข้าพิธีแต่งงานเดือนหน้า

“น้องไม่ค่อยสบาย อินค่อยมารับน้องวันหลังได้ไหม”

“เมษาเป็นอะไรมากไหมครับ ขอผมขึ้นไปดูเมษาหน่อยได้ไหม” ว่าแล้วเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นั่งหมายจะก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยความคุ้นเคยกับที่นี่ แต่หวานยี่หวาดันเข้ามาขวาง

“พี่อินคะ เอาไว้วันหลังเถอะวันนี้พี่เมษาอยากพักผ่อน”

“ใช่ ๆ อินกลับไปก่อนเถอะ” กันตาเสริมขึ้น

อินทัชมองคนตัวเล็กตรงหน้าและชำเลืองมองกันตา เขารู้สึกถึงสิ่งไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ก่อนถามขึ้นทำคนฟังถึงกับหน้าซีดเผือด

“เมษาอยู่ไหนกันแน่ อย่าบอกนะว่าเมษาหนีไปแล้ว” คนฉลาดอย่างเขามองปราดเดียวพอเดาออกทันที

“พี่เมษาไม่สบายไง” หวานยี่หวาพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติที่สุดทั้งที่ใจเต้นระรัวด้วยความกลัว

“โกหก!!”

“อินอย่าเพิ่งโมโหเลยเอาเป็นว่ากลับไปก่อนเถอะ”

“บอกผมมาเมษาอยู่ไหน” เขาไม่ยอมไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะได้คำตอบจากคนบ้านนี้ เขาอุตส่าห์ช่วยเหลือธุรกิจของกันตาแต่คิดไม่ถึงจะทำกันอย่างนี้

“เอ่อ คือ...”

“ถ้าตอบไม่ได้ผมจะเอาตัวยี่หวาไป” มือใหญ่คว้าเข้าที่แขนเรียวของหญิงสาว

“ไม่ได้นะอิน ยี่หวายังเด็กอยู่” กันตาปกป้องลูกสาวคนสุดท้องสุดฤทธิ์

“เด็กเหรอ” มองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ใบหน้างดงาม คิ้วโก่งสวย แพนตางอน จมูกโด่ง ริมฝีปากอมชมพู รูปร่างบอบบาง หน้าอกอวบอั๋น ตรงไหนกันที่บอกหวานยี่หวาเป็นเด็ก

“พี่อินคะ ยี่หวาเจ็บ” เสียงหวานร้องขึ้นเมื่อเขาเพิ่มแรงบีบมากกว่าเดิม

“ปล่อยยี่หวาเถอะ น้าขอร้อง”

“คุณน้าบอกมาก่อนเมษาไปไหน”

“น้าไม่รู้” บอกเสียงอ่อน

“ดีจังเลยนะครับ ผมช่วยเหลือคุณน้าทุกอย่างแต่ดูสิ่งที่คุณน้าทำสิ” เขารู้สึกผิดหวังเหลือเกินกับคำตอบที่ได้รับจากกันตา

“น้าขอโทษ”

“งั้นผมต้องเอาตัวยี่หวาไปก่อนนะครับ ถ้าเมษากลับมาเมื่อไรค่อยมาคุยกัน เจ้าสาวผมหายไปทั้งคนแต่ไม่มีใครให้คำตอบผมได้เลย” พูดจบ อินทัชเตรียมจะลากร่างเล็กไปพร้อมตัวเอง

“ไม่ได้นะอิน” กันตาเดินมาหยุดตรงหน้าคนทั้งสอง

“อย่าพายี่หวาไปเลยนะอิน น้าขอร้องละเห็นแก่ที่น้าเป็นเพื่อนกับแม่ของอินด้วยเถอะ”

“เพราะผมเห็นแก่ที่คุณน้าเป็นเพื่อนของคุณแม่ไง ผมถึงยอมช่วยเหลือทุกอย่างแต่ไม่คิดว่าจะหักหลังกัน”

“น้าขอโทษอย่าพายี่หวาไปเลย น้าขอร้องละอินให้น้าไหว้ก็ได้”

“คุณแม่อย่านะคะ” หวานยี่หวาส่ายหน้าไปมา “พี่อินจะทำอะไรยี่หวาก็ได้แต่อย่าทำอะไรคุณแม่เลย” นัยน์ตาคู่สวยมองหน้าคมคายหวังขอความเห็นใจ

“ยี่หวาลูก”

“คุณแม่คะ ยี่หวาไม่เป็นไรค่ะ” ส่งยิ้มอ่อน ๆ แก่มารดา

“รีบขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น” อินทัชยอมปล่อยแขนเรียวเป็นอิสระ จากนั้นเดินกลับไปนั่งคอยหวานยี่หวา

“อิน น้าขอร้องละอย่าพายี่หวาไปได้ไหม” กันตานั่งตรงข้ามอินทัชดั้งเดิม พยายามจะเกลี้ยกล่อมหนุ่มรุ่นลูกให้ปล่อยตัวลูกสาวคนเล็ก

“คงไม่ได้ครับ”

“ทำไมล่ะ อินรักเมษาไม่ใช่เหรอ”

“ครับ ผมรักเมษามาก”

“แล้วอินจะพาตัวยี่หวาไปทำไม คงไม่ได้จะ...”

“ไม่ใช่อย่างที่คุณน้าคิดครับ ผมแค่จะเอาตัวยี่หวาไปเป็นตัวประกันระหว่างตามหาเมษา” เขาไม่มีทางรักใครทั้งนั้นนอกจากเมษาเพียงคนเดียว ไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้แต่งงานกับเธอ

“คุณน้าไม่รู้จริงเหรอครับ เมษาหายไปไหน”

“น้าไม่รู้จริง ๆ” เธอก็คิดไม่ถึงลูกสาวคนโตจะหนีไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำและไม่รู้ด้วยซ้ำเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งที่ผ่านมาเมษาดูเหมือนจะรักและชอบอินทัช

“คุณแม่คะ” เสียงหวานของหวานยี่หวาแทรกขึ้น

“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณน้า” เมื่อร่างบอบบางปรากฏไม่รอช้าย่างกรายไปหาหญิงสาว

“อิน น้าฝากยี่หวาด้วยนะอย่าทำอะไรน้องเลย”

“ผมไม่รับปากอะไรทั้งนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการกระทำของยี่หวาคนเดียว” เอี้ยวหน้าไปตอบกันตาก่อนจ้องคนตัวเล็กสูงแค่ 155 เซนติเมตร แตกต่างกับเขาสิ้นเชิงสูงถึง 180 เซนติเมตร

“คุณแม่คะ ยี่หวาไปก่อนนะคะ” หวานยี่หวาสวมกอดแม่เกือบห้านาทีแล้วผละออก จากนั้นเดินตามหลังคนตัวโตนับจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพร้อมยอมรับเพื่อปกป้องคนในครอบครัว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำทำไมพี่สาวถึงหนีไป

รถคันหรูแล่นจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่โตและงดงาม ร่างสูงใหญ่ของอินทัชก้าวลงจากรถก่อนหวานยี่หวาจะเดินตามแผ่นหลังของชายหนุ่มพร้อมกระเป๋าเข้าข้างใน

“มากันแล้วเหรอลูก” ซ่อนกลิ่นมารดาของอินทัชเอ่ยขึ้นแต่ต้องแปลกใจเมื่อคนที่มาพร้อมบุตรชายไม่ใช่เมษาแต่เป็นหวานยี่หวา

“ไหนบอกแม่ว่าจะไปรับหนูเมษาทำไมถึงเป็นหนูยี่หวาล่ะ” ใบหน้าของซ่อนกลิ่นฉายความฉงน เหลือบมองหวานยี่หวามีท่าทีหวาดกลัวเล็กน้อย

“นั่งพื้น” อินทัชออกคำสั่งกับคนตัวเล็กซึ่งทำท่าจะนั่งบนโซฟาหรูตรงข้ามเขา

“ค่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นอิน”

“นี่แหละครับที่ผมโมโห ผมตั้งใจจะไปรับเมษาแต่บ้านโน้นบอกว่าเมษาหายตัวไปแต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน” เขาพูดกับผู้เป็นแม่ทว่าสายตาจ้องเขม็งร่างอ้อนแอ้นนั่งก้มหน้างุด

“แล้วลูกไปเอาตัวหนูยี่หวามาทำไมไม่ได้จะเอามาแต่งงานด้วยใช่ไหม”

“ใครบอกว่าผมจะแต่งงานกับยี่หวา ผมแค่เอาตัวเธอมาเป็นตัวประกัน เผื่อทางโน้นเล่นตุกติกอะไรเราจะได้จัดการเธอทันที”

“เฮ้อ เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้ หนูยี่หวามาหาป้าสิลูก”

“ค่ะ” หวานยี่หวายอมคลานเข่าไปทางหญิงวัยกลางคน เธอก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองซ่อนกลิ่น

“ไหนป้าดูหน้าหน่อยสิ” พูดเสียงอ่อนโยนพลางเชยคางมนขึ้นพิจารณาหน้าตาของหญิงสาว “หน้าตาหน้าเอ็นดูจังเลย ไม่เจอตั้งนานโตเป็นสาวแล้ว สวยด้วย”

“ค่ะ” เผยยิ้มบาง ๆ

“คุณแม่ไปพูดดีกับยี่หวาทำไม”

“แล้วทำไมจะพูดดีไม่ได้ น้องไม่ได้ทำอะไรแม่สักหน่อย”

“แต่ผมเกลียด!!”

คำพูดของอินทัชทำหวานยี่หวาปวดใจไม่น้อย

“แม่ไม่อยากพูดกับอินแล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเถอะหนูยี่หวาเดี๋ยวป้าให้คนพาไปบนห้อง”

“ยี่หวาต้องอยู่เรือนคนใช้” อินทัชเอ่ย

“อะไรนะ!” ซ่อนกลิ่นตกใจกับคำพูดของลูกชาย

“ผมบอกว่ายี่หวาต้องไปอยู่เรือนคนใช้ ผมพาเธอมาที่นี่ไม่ได้ให้อยู่ในฐานะของแขกแต่ต้องอยู่ในฐานะคนใช้และทำทุกอย่างตามคำสั่งของผม” อินทัชบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว

“อินมันจะมากเกินไปแล้วนะ”

“ไม่มากหรอกครับ ครอบครัวของเธอทำผมขนาดนี้จะให้ผมใจดีได้ยังไง”

“แต่...”

“คุณป้าคะ ยี่หวาไม่เป็นไร” เธอไม่อยากให้สองแม่ลูกทะเลาะกันเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ

“เห็นไหมครับคุณแม่ หนูยี่หวาของคุณแม่บอกว่าไม่เป็นไร”

“แม่ไม่อยากพูดกับลูกแล้ว” ซ่อนกลิ่นรีบลุกขึ้นไปอย่างไว ขืนอยู่นานมีหวังอารมณ์เสียใส่บุตรชายแน่นอน

อินทัชมองตามหลังมารดาจนลับหายก่อนเดินไปหาหวานยี่หวา

“อย่าคิดที่จะมาใช้มารยากับคุณแม่ของฉัน”

“ค่ะ ยี่หวารู้แล้ว”

“งั้นก็ดี พี่สาลี่ช่วยพาคนใช้คนใหม่ไปห้องพักด้วยแล้วหางานให้ทำทันทีอย่าปล่อยให้ว่าง” สั่งเสร็จ เขาก็เดินจากไปด้วยความสบายใจ

“เชิญลุกแล้วตามฉันมา” สาวใช้นามว่าสาลี่เอ่ยกับหวานยี่หวาอย่างไม่เป็นมิตร

“ค่ะ” ตอนนี้ใครจะพูดหรือสั่งอะไรต้องยอมไปก่อนจนกว่าจะตามหาพี่สาวเจอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel