ฝันร้าย
พาฝัน...
"ฮือออ ฮือออ "
"ฝัน ฝัน เป็นอะไรลูกฝัน"
"ฮือออ คุณพ่อคุณแม่ ฝันขอโทษ ฮืออออ"
"ฝันหนูเป็นอะไร ลืมตาสิลูก ฝัน ฝัน"
เธอได้ยินเสียงของแม่ เธอจำเสียงของท่านได้เธอจึงรีบลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นแม่กำลังลูบศรีษะของเธออยู่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอรีบลุกขึ้นและกอดท่านไว้แน่น
" คุณแม่ ฮืออออ ฝันขอโทษนะคะ ฮือออ ถ้าไม่ใช่เพราะฝันคุณพ่อคงไม่...ไม่"
"ไม่อะไรลูก...."
"ไม่จากไป ฮืออออ"
"หืมมมม???? คุณพ่อจากไป??? ไปไหนลูก คุณพ่อก็อยู่ตรงนี้ไงคะ ดูสิ"
เธอเงยหน้าขึ้นมอง ปรากฏว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเตียงของเธอตอนนี้มีคุณพ่อและน่านฟ้าที่ยืนเอามือกอดอกจ้องมองเธอด้วยแววตาเบื่อหน่ายปนรำคาญ
"คุณพ่อ...."
"ว่าไงลูก พ่ออยู่ตรงนี้ไง"
เมื่อเธอเพ่งมองดูใบหน้าของท่านที่ส่งรอยยิ้มอบอุ่นกลับมาให้กับเธอเธอรีบลุกจากที่นอนเดินไปกอดท่านทันที
"คุณพ่อ ฮือออ คุณพ่อจริงๆด้วย คุณพ่อไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ"
"เป็นอะไรลูกหื้มมม"
"ฮืออออ คุณพ่อขา ฝัน ฝันดีใจที่ได้กอดคุณพ่อ ฮืออออ เมื่อคืนฝันฝันร้ายค่ะ ฝันว่า....คุณพ่อกับคุณแม่ ประสบอุบัติเหตุแล้ว....คุณพ่อก็...ก็จากฝันไป ฮือออออออ"
"มันเป็นเพียงความฝันลูก พ่อกับแม่ยังอยู่ตรงนี้ไม่ได้เป็นอะไร นี่พ่อกับแม่ก็เพิ่งลงจากเครื่องแล้วก็เพิ่งกลับมาถึงบ้านนี่เอง"
"ใช่จ๊ะลูก พ่อกับแม่กำลังจะเข้าห้องก็ได้ยินเสียงฝันร้องไห้แม่กับพ่อแล้วก็น่านฟ้าเลยรีบเข้ามาดูก็เห็นฝันนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนที่นอน"
"งั้นก็แปลว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ยคะ ฝัน ฝันดีใจที่สุดเลยค่ะ"
"แม่กับพ่อจะยังอยู่ดูความสำเร็จของฝันกับน่านฟ้า ไม่ยอมเป็นอะไรง่ายๆหรอกลูก^^ ใช่มั้ยคะคุณชรินทร์"
"ใช่แล้วล่ะ พ่อกับแม่จะอยู่ดูแลฝันกับน่านฟ้าอย่างนี้ตลอดไป"
"ฝันรักพ่อกับแม่นะคะ รักมากที่สุดในชีวิต"
"พ่อกับแม่ก็รักฝันลูก^^"
"ฮือออออ"
"เลิกร้องไห้นะลูกมันไม่ได้มีอะไร นอนต่อเถอะก่อนนอนก็ไหว้พระซะ"
"ค่ะ" เธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ในที่สุดแล้วเรื่องราวร้ายๆมันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้น เธอคิดว่าพรุ่งนี้เธอจะไปทำบุญ
"นึกว่าเป็นอะไรนักหนาที่แท้ฝันร้าย เสียเวลาหลับเวลานอนจริงๆ"
คำพูดนี้ไม่ต้องเดาก็คงจะรู้ว่าใคร คือตอนแรกเธอก็อยากขอบใจเขาที่เข้ามาดูเธอแต่พอได้ยินแบบนี้เธอเลือกที่จะเงียบดีกว่า
จากที่เธอต้องเสียน้ำตาให้กับความฝันซึ่งมันเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ มันเริ่มทำให้เธอกลับมาคิดถึงการตัดสินที่เธอเคยขอคุณพ่อคุณแม่ไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ตอนนี้เธอคิดว่าเธออาจจะไม่ไปเรียนต่อที่นั่นแล้วเธอขอเรียนอยู่ที่นี่เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดท่านทั้งสอง แต่เรื่องที่จะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเธอยังยืนยันคำเดิมเพียงแต่ตอนนี้เธอต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมเพราะเธอเกรงว่าท่านทั้งสองอาจจะไม่ยอมให้เธอไปอยู่ข้างนอกเพียงลำพังอย่างแน่นอนเธแมั่นใจแบบนั้นแต่จะให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปเธอก็คงไม่สามารถอยู่ได้เพราะเธอได้ให้คำสัญญาที่เคยพูดไว้กับน่านฟ้าว่าเธอจะไปจากที่นี่หลังจากที่เธอเรียนจบ
หลายวันต่อมา....
"สรุปฝันจะไม่ไปเรียนต่อที่เชียงใหม่แล้วใช่มั้ยลูก"
"ค่ะ ฝันอาจจะสอบเข้ามหาลัยที่นี่แทน แต่ว่า...."
"แต่ว่าอะไรจ๊ะ ฝันมีปัญหาอะไรลูก"
"ถ้าฝันเข้ามหาลัยแล้วฝันขอย้ายไปอยู่หอพักข้างนอกได้มั้ยคะคุณพ่อคุณแม่"
"ไม่ได้ แม่ไม่ยอมบ้านเราก็มีทำไมฝันต้องไปอยู่ข้างนอก"
"คือ...เอ่อ....คือว่าถ้ามหาลัยมันไกลจากบ้านเรามาก..."
"รถเราก็มีจะไปกลัวทำไมล่ะฝัน"
"ฝันเกรงใจน่ะค่ะ เพราะไหนจะไปส่งน่านไหนจะไปส่งฝันอีก ฝันสงสารลุงคนขับรถน่ะค่ะ"
"ถ้าฝันไม่อยากให้มีคนรับคนส่งฝันก็ขับรถเองก็ได้นี่ลูก"
"ไม่ค่ะคุณแม่...คือฝันขับรถไม่เป็นนะคะ"
"งั้นก็หัดซะสิ พอขับคล่องพ่อจะซื้อรถให้หนูขับไปเรียนเอง"
"อะไร ใครจะซื้อรถให้ใคร" ในขณะนั้นคุณหญิงกัลยาท่านก็เดินเข้า ท่านมองหน้าเธอด้วยสายตาที่มองเหมือนเช่นทุกครั้ง สายตาที่ไม่เคยมีความเอ็นดูเมตตา ซึ่งเธอก็ชินกับสายตาแบบนี้มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี เธอไม่รู้เลยว่าจะมีสักวันไหมที่ท่านจะรักและเมตตาเธอบ้าง
"คุณแม่สวัสดีครับ"
"คุณแม่สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณท่าน"
"นี่ตาน่านไม่อยู่เหรอแม่ฤดี"
"ตาน่านไปรับหนูมิ้งมาทานข้าวที่บ้านค่ะ"
"อ้อเหรอ นี่แม่ก็เพิ่งไปเจอคุณมงคลพ่อของหนูมิ้งมาเมื่อวันก่อน เค้าบอกดีใจที่ลูกเค้ามาคบกับตาน่าน"
"จะเรียกว่าคบกันก็ดูจะไม่เหมาะนะครับคุณแม่ตาน่านกับหนูมิ้งเพิ่งจะอยู่มอสามกันเองให้เป็นเพื่อนกันก่อนจะดีกว่า"
"โอ๊ยสมัยนี้มันสมัยไหนกันแล้วคบก็คือคบนั่นแล่ะแม่พอใจนะที่ตาน่านคบกับหนูมิ้งเพราะฐานะชาติตระกูลก็ดีสูสีกับเราเหมาะสมกันดี"
"อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนหรอกครับคุณแม"
"หมายความว่ายังไงแม่ไม่เข้าใจ"
"ก็หมายความว่าถ้าอีกหน่อยสองคนนี้เค้าเลิกกัน"
"จะเลิกกันแม่ก็ไม่ว่าแต่ขออย่างเดียวตาน่านต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับหน้าตาของตัวเองและของครอบครัว ไม่ใช่ไปคว้าผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้ามา"
"เรื่องนี้ฤดีคงไม่ไปบังคับตาน่านหรอกค่ะคุณแม่าน่านรักใครฤดีก็รักด้วยขอแค่เป็นคนดีก็พอค่ะ"
"ไม่ได้!! ดีอย่างเดียวจะไปพออะไรมันต้องมีเงินมีฐานะด้วยสิถึงจะเหมาะสมกับตาน่านหลานชายเพียงคนเดียวของแม่ ตาน่านเป็นถึงทายาททเจ้าธุรกิจสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนะจะคบใครจะอะไรยังไงมันต้องคิดให้ดี"
"คุณแม่ครับตอนนี้ตาน่านเพิ่ง15 เราอย่าเพิ่งคิดหรือพูดอะไรตอนนี้เลยครับ"
"ก็แม่เป็นห่วงหลานนี่นาหรือเราสองคนไม่ห่วงไม่สนใจ"
"ขออนุญาตนะคะ..."
"มีอะไรแม่อุ่น"
"คือคุณภูผามาหาคุณฝันค่ะ ตอนนี้นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก"
"ดีจังเลยเนอะ นัดผู้ชายมาหาถึงบ้าน หึ"
"คือวันนี้ยัยฝันจะไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดน่ะค่ะคุณแม่ ตาภูก็เลยอาสาจะไปส่ง"
"ไปเองไม่ได้สินะถึงต้องขอให้ผู้ชายไปส่ง หขอไปให้ถึงวัดล่ะไม่ใช่อ้างว่าไปทำบุญแต่ที่ไหนได้...หึ อย่าให้ฉันต้องพูดออกมาเลยนะ"
"คุณแม่ครับ คุณแม่ไม่ควรพูดแบบนี้นะครับยัยฝันไม่ใช่คนแบบนั้น"
"นี่ตาชรินทร์ จะมีสักครั้งมั้ยที่ไม่ขัดเวลาแม่พูดถึงยัยกาฝากนี่ที่พูดน่ะก็แค่เตือนจะได้ไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง เกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไงเรียนก็ยังไม่จบ ไม่ต้องอายขายขี้หน้าคนไปทั่วรึไง"
"ฝันกับพี่ภูเราไม่เคยทำอะไรเกินเลยกันหรอกนะคะ"
"เห๊อะของแบบนี้ใครจะไปรู้"
"เอ่อ .....นี่ก็สายมากแล้วนะแม่ว่าฝันรีบไปเถอะลูกเดี๋ยวรถจะติด"
"งั้นฝันไปทำบุญก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ คุณทะ...." เธอยังพูดไม่ทันจบคุณหญิงกัลยาก็หันไปทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านทำให้เธอต้องหันไปมอง
"ตาน่าน หนูมิ้ง"
เธอมองไปที่คนสองคนที่เดินหัวร่อต่อกระซิกกันเข้ามาแถมยังจับมือกันอีก เธอเลื่อนสายตาไปมองใบหน้าของน่านฟ้าซึ่งน่านฟ้าก็มองมาทางเธอพอดีเราสองคนสบตากันโดยบังเอิญอย่างไม่ตั้งใจก่อนที่เธอจะหลบสายตาเพราะมิ้งจ้องหน้าเธออย่างไม่พอใจที่เห็นเธอกับน่านฟ้ามัวแต่มองหน้ากัน
"มากันแล้วเหรอลูก ย่ากำลังบ่นถึงอยู่พอดีเลย ตาน่านพาหนูมิ้งมานั่งนี่สิลูก"
"สวัสดีค่ะคุณย่า คุณพ่อ คุณแม่^^"
"หน้าตาน่ารักแถมมารยาทก็ดี หนูมิ้งมานั่งข้างๆย่านี่ลูก"
"ค่ะ^^"
และในขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋าสะพายเธอก็ยังไม่วายโดนคุณหญิงกัลยาดุอีก
"นี่หล่อนเมื่อไหร่จะลุกไปซักทีจะนั่งเป็นส่วนเกินอีกนานไหม"
"ฝันกำลังจะไปค่ะ งั้นฝันขอตัวก่อนนะคะ"
"จะไปไหนก็ไปเถอะย่ะ"
"จ๊ะลูกไปเถอะ เดี๋ยวตาน่านจะรอนาน"
"กว่าจะไปได้ต้องให้ไล่ยัยกาฝาก"
