บทที่ 5
แก้วตานอนพลิกตัวไปพลิกตัวมาบนที่เตียงกว้าง ใบหน้าผ่องใสฉายความกังวลเล็กๆ ดวงตายังคงใสแจ๋วไม่มีวี่แววของความง่วงแม้แต่น้อย ริมฝีปากก็เดี๋ยวขบเดี๋ยวเม้มอยู่อย่างนั้น
“จะทำหรือไม่ทำดี” เสียงเล็กๆถามตัวเองเบาๆ เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาได้โทรไปปรึกษาพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้ว และทั้งคู่ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ท่านไม่สามารถตัดสินใจแทนได้ มันขึ้นอยู่กับเธอคนเดียวว่าอยากจะทำหรือไม่ ลุงกับป้าก็ไม่มีปัญหาต่างผลักดันให้ตอบตกลงด้วยซ้ำ แต่เวลาแค่วันเดียวมันก็ยากแก่การตัดสินใจ อยู่ๆเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ชวนให้ไปทำงานด้วย แถมตำแหน่งก็โก้เก๋ซะเหลือเกิน ไม่ต้องสัมภาษณ์ ไม่มีบททดสอบใดๆทั้งสิ้น อะไรมันจะง่ายดายขนาดนั้น จะคิดว่าคุณอันเดรสรูปหล่อตกหลุมรักก็คงจะเป็นไปไม่ได้ นั่นมันนิยายจนเกินไป
“โอ๊ย! ทำไมมันตัดสินใจยากแบบนี้เนี่ย จะลองปรึกษาเพื่อนก็ไม่ได้ หากไม่เป็นความจริงขึ้นมาได้อายแย่ หรือว่าจะลองทำดูสักตั้ง เงินเดือนก็คงจะได้ไม่น้อย แถมเจ้านายหล่อบาดใจขนาดนั้น เพื่อนรู้คงอิจฉากันเป็นแถวแน่ งานมันก็คงไม่ยากเกินความสามารถคนอย่างแก้วตาหรอกมั้ง เขารับปากแล้วนิ” แก้วตายังคงตีกับความคิดอันยุ่งเหยิงของตัวเอง เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอายังไงดี นอนดิ้นไปดิ้นมา พึมพำงึมงำอยู่คนเดียว
ร่างสูงใหญ่ของบุรุษสัญชาติอิตาเลียนแท้ ที่ยังคงอยู่ในชุดทำงาน เพียงแต่แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดถูกพับขึ้นมาจนถึงศอก ชายเสื้อปล่อยออกนอกกางเกง อยู่ในท่วงท่าสบายๆ ยืนทอดมองวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืนอยู่นอกระเบียงเพนท์เฮ้าส์สุดหรู ในมือถือแก้วไวน์ชั้นเลิศเอาไว้มั่น ยามยกขึ้นจิบก็ค่อยๆละเอียดทีละนิด ไม่ได้กระดกทีเดียวหมดแก้วเช่นเดียวกับบรั่นดี
การได้อยู่กับตัวเองมันทำให้ได้คิดอะไรหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว หลายวันมานี้ใจเขามันคอยแต่จะคิดถึงแม่เด็กสาวส่งข้าวกล่อง หลังจากวันที่ได้พูดคุยกันแบบผิวเผินในลิฟท์ก็ไม่ได้เจออีกเลย กระทั่งเมื่อช่วงสายของวันนี้ พอได้เห็นหน้าใสๆของแม่หนูแก้วตาค่อยทำให้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ไม่รู้ว่าใส่ยาอะไรลงไปในข้าวหรือเปล่าถึงทำให้คนกินนึกถึงแทบตลอดเวลา
“หวังว่าพรุ่งนี้คำตอบของเธอคือคำว่าตกลงนะแก้วตา” อันเดรสพึมพำ แล้วกระดกไวน์ในแก้วจนหมด ยืนมองท้องฟ้าเพียงครู่ก็หมุนตัวเดินกลับเข้าด้านใน
เวลาเดิมกับเมื่อวานที่แก้วตาเลือกมาพบอันเดรส ร่างกลมกลึงเพรียวลมในวันนี้แลดูแปลกตาไปจากเดิม เนื่องจากชุดเดรสสีขาวลวดลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มที่เจ้าตัวสวมใส่ ทำให้น่ารักสดใสมากกว่าเดิม และกว่าจะมาถึงชั้นนี้ได้ก็ต้องตกเป็นเป้าสายตาให้พนักงานหนุ่มๆได้เมียงมอง
“น้องแก้ว วันนี้สวยจังเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าวันอื่นไม่สวยนะคะ แต่วันนี้สวย น่ารักเป็นพิเศษค่ะ จะไปเที่ยวที่ไหนหลังจากนี้รึเปล่าคะเนี่ย” เลขาสาวใหญ่ถามอย่างอารมณ์ดี ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเป็นประกายสดใสยามจับจ้องแก้วตา
“ขอบคุณมากค่ะพี่กิ่ง ชมแก้วเกินไปแล้วค่ะ เขินนะคะเนี่ย คุยธุระกับคุณอัสเดรสเสร็จ แก้วว่าจะไปเดินซื้อของสักหน่อยค่ะ วันนี้ป้าปิดร้านเร็ว เลยได้รับอนุญาตให้ว่างงานได้ค่ะ” แก้วตาพูดไปยิ้มไป เธอกะว่าจะไปเดินเที่ยวห้าง และหาอะไรกินให้ชุ่มปอดไปเลย ถือคติที่ว่าคนเดียวก็เฟี้ยวได้
“อ๋อค่ะ ถึงว่าแต่งตัวสวยเชียว”
ระหว่างที่สองสาวต่างวัยกำลังคุยกันอย่างออกรส ห้องทำงานใหญ่ก็ถูกเปิดออก สามารถดึงความสนใจจากแก้วตาให้หันไปมองได้เป็นอย่างดี
“อ้าว น้องแก้วตามาแล้วเหรอครับ จำพี่เจมส์ได้ไหม เราเคยเจอกันแล้ว จำได้ไหมเอ่ย” เจมส์ยิ้มร่าเมื่อเปิดประตูออกจากห้องทำงานของเจ้านาย
“แก้วจำได้ค่ะพี่เจมส์” แก้วตายิ้มหวาน ความจริงแล้วหากเขาไม่ได้เอ่ยชื่อของตัวเองขึ้นมาก่อนเธอก็คงจำไม่ได้หรอก แต่เลือกที่จะไม่พูดออกไป เพราะกลัวเขาจะเสียหน้า
“บอสกำลังคุยงานกับเชสอยู่ครับ อีกสักครู่ก็คงจะเสร็จ รออีกหน่อยนะครับ” เจมส์พูดยังไม่ทันจะขาดคำ เชสก็เปิดประตูออกมาพอดี ราวกับล่วงรู้
“น้องแก้วครับ บอสเชิญในห้องทำงานครับ” เชสเปิดประตูค้างเอาไว้ให้แก้วตาได้เดินเข้าไป ส่วนตัวเขาก็ออกมาอยู่ข้างนอก และรอปิดประตูให้
“ขอบคุณค่ะ” แก้วตากล่าวขอบคุณสั้นๆ และยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
“มาถึงตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ” อันเดรสวางปากกาในมือลงเมื่อเห็นแก้วตาเดินเข้ามา
“สักพักแล้วค่ะ คุณจะเอาคำตอบเลยไหมคะ” แก้วตาหยุดยืนอยู่ตรงกลางห้อง ลังเลว่าควรจะเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขาหรือตรงโซฟารับแขกดี
“นั่งก่อนสิ ฉันไม่ได้จะรีบเอาคำตอบขนาดนั้น ใจคอเธอกะว่าจะมาและไปเลยเหรอ” อันเดรสลุกจากเก้าอี้ตัวใหญ่มายังโซฟา แล้วดึงข้อมือบางให้ให้เดินมานั่งข้างๆกัน
“ก็แค่บอกคำตอบไม่ใช่เหรอคะ บอกเสร็จก็น่าจะไปได้เลย” แก้วตาถามอย่างไม่เข้าใจ
“แสดงว่าคำตอบของเธอคือปฏิเสธงั้นเหรอแก้วตา” อันเดรสหรี่ตาแคบลง
“แก้วยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะคุณอันเดรส แก้วไม่ได้จะปฏิเสธแก้วตกลงจะทำงานที่นี่กับคุณต่างหาก” หลังจากคิดมาทั้งคืนเธอก็ตัดสินใจจะลองทำงานที่นี่ดู หากไม่ไหวจริงๆก็ออก มีโอกาสแล้วจะทิ้งมันไปก็ใช่ที่
อันเดรสชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำตอบที่ต่างจากความคิดของตัวเอง ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ นอกจากใช้สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าอ่อนเยาว์โดยไม่ละไปไหน “พูดแล้วจะมาคืนคำเป็นเด็กๆไม่ได้นะแก้วตา เธอกับฉันไม่ได้เล่นขายของกันอยู่นะ” เสียงเข้มถามอย่างหยั่งเชิง
“ค่ะ คำไหนคำนั้นไม่เปลี่ยนใจแน่นอน คุณอันเดรสไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แก้วไม่ได้เด็กถึงขนาดไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร” น้ำเสียงหนักแน่นเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ ไม่หลบหลีกสายตาคมกล้าไปมองที่อื่น บ่งบอกให้รู้ว่าเธอจะทำตามอย่างที่พูดไว้แน่นอน แม้ในใจตอนนี้จะแอบหวั่นๆกับว่าที่เจ้านายก็ตาม
“อืม ดีมาก” อันเดรสพยักหน้าอย่างพึงพอใจ มีท่าทางที่ผ่อนคลายมากกว่าเดิม
”แล้วคุณอันเดรสจะให้แก้วเริ่มงานวันไหนคะ แต่บอกไว้ก่อนว่าวันนี้แก้วยังไม่พร้อมนะคะ แก้วไม่ได้เตรียมตัวมาทำงานเลย” วันนี้มันกระทันหันเกินไปหากจะให้ทำงานเลย ไม่ใช่ว่าเธอเรื่องมากเรื่องเยอะอะไรหรอก แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะให้เวลาเธออย่างน้อยหนึ่งหรือสองวันก่อนจะเริ่มต้นการทำงาน
“ฉันยังไม่ให้เริ่มทำวันนี้หรอกไม่ต้องห่วง ว่าแต่วันนี้เธอไม่มีธุระที่ไหนใช่ไหม”
“จะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ซะทีเดียว” แก้วตามีท่าทางลังเลที่จะพูดออกไปตามตรง มันยิ่งสร้างความสงสัยและหงุดหงิดให้กับคนรอฟังคำตอบไม่น้อย
“ฉันถามแค่นี้ทำไมต้องอึกอักด้วยล่ะ หรือว่าเธอมีนัดกับแฟนเลยไม่กล้าที่จะบอกฉันตรงๆ” อันเดรสจงใจก้มหน้าลงกระซิบเสียงรอดไรฟันชิดใบหูเล็กที่มีเส้นผมสีดำยาวปกปิดอยู่
“แก้วไม่มีแฟนสักหน่อย” แก้วตาเผลอหันไปมองอันเดรส ประจวบกับที่เขาเคยหน้าขึ้น ทำให้จมูกของทั้งคู่แทบจะแตะกันอยู่รอมร่อ
“ไม่มีแฟนจริงเหรอ” อันเดรสถามเสียงทุ้ม จับจ้องนัยน์ตาไหวระริกอย่างค้นหาความจริง ไม่ยอมขยับใบหน้าห่างไปไหน และยังจงใจบดเบียดร่างกายเข้าหาร่างเล็กมากกว่าเดิม
“จริงค่ะ แก้วไม่ได้โกหก คุณอันเดรสช่วยขยับออกไปห่างๆแก้วได้ไหมคะ มันอึดอัด” แก้วตาเบนสายตาหลบ ใช้สองมือดันอกกว้างเพื่อไม่ให้เขาทิ้งตัวลงมาทับเธอ ตอนนี้ภายในใจมันเต้นตุ๊บๆอย่างบ้าคลั่ง กลัวว่ามันจะหลุดออกมาซะเหลือเกิน เกิดมายังไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนนอกจากพ่อและน้องชายเท่านี้มาก่อน แถมเขายังหล่อบาดตาบาดใจเสียขนาดนี้ ใจไม่รักดีก็สั่นระรัว แก้มก็เริ่มร้อนๆแล้วชอบกล โอย แก้วตาอยากกลั้นใจตายซะเหลือเกิน
อันเดรสอมยิ้มกับท่าทางของคนที่เขากักเอาไว้ ร่างแน่งน้อยสั่นนิดๆอย่างกลัวๆ ดวงตากลมโตก็หลับปี๋ สองมือก็วางไว้บนอกของเขา อาการแบบนี้บอกได้เลยว่าไม่เคยต้องมือชายมาก่อน ลองฟังดีๆจะได้ยินเสียงหัวใจเต้น
“กลัวเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม พลางใช้ปลายนิ้วแข็งแรงเกลี่ยแก้มเนียนเล่น
แก้วตาไม่ตอบแต่พยักหน้าแรงๆ ใครไม่กลัวก็บ้าแล้วเจอแบบนี้ หายใจยังแทบจะไม่กล้าเลย ถึงจะชอบมองคนหล่อแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชอบอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้นะ หญิงสาวได้แต่โอดครวญอยู่ในใจเงียบๆ แต่ถ้าขืนยังไม่รีบผลักไสเขาออกไปมีหวังเธอได้หัวใจวายตายก่อนเป็นแน่
“คุณอันเดรสนั่งดีๆได้ไหมคะ แก้วขอร้อง” แก้วตาลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยแกมขอร้องเสียงสั่น เปลี่ยนใจไม่ทำงานกับเขาตอนนี้จะทันไหมนะ เจอแบบนี้แล้วใจชักไม่สู้เสียแล้วสิ
“อืม” อันเดรสยิ้มมุมปาก แล้วยอมนั่งดีๆตามที่แก้วตาต้องการ เพราะกลัวว่าสาวเจ้าจะตื่นตระหนกไปมากกว่านี้
พอโดนปล่อยตัวจากการกักกันแก้วตาก็รีบนั่งตัวตรง ก้มหน้าลงสำรวจชายชุดเดรสของตัวเองเป็นอันดับแรก เมื่อเห็นว่ามันยังเรียบร้อยดีก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะมองคนข้างกายด้วยหางตาอย่างระมัดระวัง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นแก้วขอตัวกลับเลยนะคะคุณอันเดรส” แก้วตาหยิบสายกระเป๋าสะพายเส้นเล็กขึ้นคล้องไหล่ดังเดิม และเตรียมจะผุดลุกขึ้นยืนแต่ดันโดนคว้าข้อมือเอาไว้ซะก่อน แถมยังถูกบีบเอาไว้เสียแน่น
“จะรีบไปไหนนักหนา อยู่ใกล้ฉันเธออึดอัดมากเลยเหรอแก้วตา” อันเดรสถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างหงุดหงิด ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครขัดใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอแก้วตามีท่าทางอยากจะอยู่ให้ไกลจากตัวเองก็ยิ่งไม่พอใจ
“เอ๊ะ! มันจะมากไปแล้วนะคะคุณอันเดรส แก้วชักไม่อยากทำงานกับคุณแล้วนะคะ ขอเปลี่ยนใจตอนนี้ได้ไหม” แก้วตาขึงตามองว่าที่เจ้านาย ใบหน้านวลงอง้ำอย่างไม่พอใจ เขาเป็นคนทำให้เธออึดอัดเองแท้ๆ ยังจะมารวนหาเรื่องอีก แล้วการที่เธอคุยธุระกับเขาเสร็จแล้วทำไมจะกลับไม่ได้
“กล้าเปลี่ยนใจก็ลองดู” อันเดรสกระตุกข้อมือบางจนร่างเล็กเซถลาเข้ามาปะทะอก ตาจ้องตาไม่มีใครหลบ เพราะต่างฝ่ายต่างกำลังขุ่นเคืองซึ่งกันและกันอยู่
“ปล่อยมือแก้วเดี๋ยวนี้นะคุณอันเดรส คุณจะเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปแล้วนะคะ” แก้วตากัดฟันพูด พลางสะบัดข้อมือหวังให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
