บทที่ 7 หาเหล้าดื่ม
สมรภูมิบาบาวาเรีย
ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลายืนอย่างสง่างาม ท่ามกลางเถ้าถ่านแห่งสงครามและการนองเลือดกลิ่นนั้นยังไม่จางหายไป เขานั้นสวมเสื้อเกราะเหล็กที่สะท้อนแสงแดดริบหรี่ยามเย็น เขาทอดสายตามองไปยังเปลวเพลิงที่ยังลุกไหม้อยู่เบื้องหน้าที่ยังไม่ดับตลอดสามวันที่ผ่านมา สงครามยุติลงเกือบหนึ่งวันแล้ว แต่กลิ่นเหล็ก กลิ่นเลือด และเสียงกรีดร้องในห้วงความทรงจำยังคงคุกรุ่น
หมอ พยาบาล บาทหลวงหรือจะเป็นญาติผู้เสียชีวิตช่วยกันกำลังเก็บศพไปทำพิธีกรรมทางศาสนา
จะว่าไปกองทัพโอเรียน่าได้รับชัยชนะอย่างงดงาม ภายในเวลาเพียงสามวันอย่างเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดได้ และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะความสมัครสมานสามัคคีของเหล่าแม่ทัพและนายกอง แต่ความจริงแล้วเราหวิดจะเพลี่ยงพล้ำให้ข้าศึกอยู่หลายครั้งหลายครา หากไม่ใช่เพราะกลศึกกองโจรอันแยบคาย และแผนปิดทางน้ำเข้าสู่เมืองด้วยเขื่อนไม้ขนาดใหญ่ เราคงแพ้กลับไปอย่างแน่นอน
ตลอดห้าวันเต็มพวกเรากักน้ำไว้เหนือเขื่อน ในขณะที่เบื้องล่างกลับแห้งผาก ฝนกระหน่ำไม่หยุดเหนือเขื่อนราวกับสวรรค์เป็นใจต้องการช่วยพวกเรา แต่พอถึงวันที่หกน้ำที่สะสมไว้ก็ไหลทะลักเข้าท่วมเมืองเหมือนแม่น้ำพิโรธ กลืนกินทุกสิ่งที่ขวางทางน้ำ
เมื่อกำแพงที่เคยมั่นคงหลายร้อยปีทลายลงอย่างง่ายได้ ผู้คนในเมืองต่างหนีตายกันจ้าละหวั่นวุ่นวายไปหมด
มันก็ถึงเวลาปฏิบัติการโจมตีรุกไล่เหมือนกองโจร ทหารของเราเคลื่อนพลเข้ายึดเมือง จุดไฟเผาเสบียงอาหารและคลังอาวุธของศัตรูจนสิ้นซาก การโจมตีจากนั้นจึงง่ายดายเป็นเท่าตัว และแทบไม่ต้องเสียไพร่พลเกินความจำเป็นเลยด้วยซ้ำ
ทางฝ่ายตรงข้ามสูญเสียแม่ทัพไปถึงสามคนในเวลาเพียงคืนเดียว กำลังใจของพวกเขาพังทลายราวกับกำแพงเมืองที่เคยตั้งตระหง่าน สุดท้ายพวกเขาจึงยกธงขาว ขอเลิกสู้โดยสิ้นเชิง
ทั้งหมดนี้…คือกลยุทธ์ที่ถูกวางไว้ล่วงหน้าโดยชายผู้หนึ่ง ผู้นั้นก็คือ… เอ็ดเวิร์ด มอนเนิร์ด แห่งเอดินเฟรด แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้อยู่ในสนามรบ แต่แผนการที่เขาวางไว้ได้เปลี่ยนชะตาสมรภูมิ
“เฮ้… ออสติน ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่คนเดียวแบบนี้ล่ะ นางทำให้เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ” เสียงทักทายอย่างเริงร่า ดังขึ้นจากชายหนุ่มร่างสูงในชุดคลุมขลิบทอง เขาคือ เอิร์ล เฮกเตอร์ วาบาซี ตำแหน่งของเขาเป็นถึง ‘เอิร์ล’ และยังเป็นแม่ทัพหนุ่มผู้มีนิสัยร่าเริงเป็นกันเอง
“นางหลับไปแล้ว” ออสติน สจ๊วต ตอบพลางหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แววตาเรียบนิ่งเช่นทุกครั้งที่เฮกเตอร์พบเจอ
“ไปดื่มในงานเลี้ยงดีหรือไม่ เจ้าจะได้หิ้วหญิงสักคนสองคนไปนอนด้วย” เฮกเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“ข้าไม่ชอบดื่ม ข้าไม่อยากเมา ถ้าเจ้าอยากดื่มก็เข้าไปเถอะ” ออสตินพูด
“ออสติน เหล้ากับการเมาน่ะ มันเรื่องธรรมดาของนักรบเช่นพวกเรา เจ้าควรเข้าสังคมได้แล้ว ที่สำคัญ… เจ้าคือน้องชายขององค์ราชินี ผู้คนนับหน้าถือตาทั้งนั้น เจ้าไม่อาจเก็บตัวอยู่กับพวกนางที่พวกข้าหาให้ได้ตลอดไปได้หรอก ถึงเจ้าจะหลบหนียังไง สุดท้ายก็มีคนวิ่งเข้าหาอยู่ดีอย่างเช่นวันนี้ ที่เจ้าเมืองส่งนางมาให้เจ้า” เฮกเตอร์พูดยิ้ม พลางวางแขนพาดไหล่ของออสตินอย่างสนิทสนม แต่ออสตินยังคงเงียบ เฮกเตอร์จึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น “ต่อไปเจ้าอาจได้รับตำแหน่งใหญ่ขึ้น เจ้าอาจจะเป็นเอิร์ล หรือแม้แต่มาร์ควิส”
“ข้าขออยู่สนามรบไปจนตาย ดีกว่าที่จะไปคลุกอยู่ในราชสำนัก ที่เต็มไปด้วยคำประจบสอพลอ”
เสียงของออสตินเย็นชาแต่หนักแน่นและมั่นคง คำพูดของออสตินทำให้เฮกเตอร์หัวเราะลั่น
“นับวันคำพูดของเจ้าชักจะคมยิ่งกว่าดาบแล้วนะ!” เฮกเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงขบขัน
“ข้าก็เป็นเช่นนี้มาตลอด” ออสตินพูดเช่นนี้ เฮกเตอร์ก็ถอนหายใจ เอามือออกจากบ่าแล้วตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ
“งั้นก็ไม่ฝืน เข้าไปหาเหล้ากินกันล่ะ ข้ารอไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ล่ะ ข้าจะไปอาบน้ำที่ทะเลสาบเสียหน่อย” ออสตินบอก เฮกเตอร์พยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินจากไป ทิ้งให้ออสตินอยู่ลำพัง
แต่ไม่นาน…
เสียงม้าควบมาตามทางดินกรวด หยุดลงตรงหน้าออสตินอย่างรวดเร็ว ทหารม้าในชุดเกราะของราชสำนักกระโดดลงจากหลังม้าแทบจะทันที
“ท่านคือ ออสติน สจ๊วต… น้องชายองค์ราชินี ใช่หรือไม่ขอรับ?” ทหารหนุ่มถามด้วยเสียงสั่นระคนเร่งรีบ สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ ข้าคือออสติน… เกิดอะไรขึ้นกับองค์ราชินี?” ออสตินถามอย่างร้อนรน ตื่นตระหนกใจเขาสั่นไม่เป็นจังหวะ ทหารจึงยื่นม้วนจดหมายให้เขาด้วยมือที่สั่น ออสตินรับมาอย่างรวดเร็วและเปิดอ่านโดยไม่ลังเล… ดวงตาของเขาค่อย ๆ เบิกกว้าง ก่อนที่มือจะอ่อนแรง ปล่อยจดหมายหล่นสู่พื้น
“แอนน์!!”
