2
ผับหรู กรุงเทพฯ
ภูริชญา ภูวเดช สาวน้อยวัยสิบแปดปีย่างสิบเก้า นิสิตปีหนึ่งมหาลัยมีชื่อ รับนัดกลุ่มเพื่อนมาเที่ยวตระเวนราตรี เพื่อนในกลุ่มต่างดีใจที่สาวแว่นหนา มุ่งงาน มุ่งเรียนรับนัดเพื่อนได้
เสียงอึกทึก หลอดไฟหลากสีวับๆ แวมๆ เสียงดนตรีเสียงพูดคุยจอแจทำให้สาวน้อยเสียใจนักที่ไม่ปฏิเสธเพื่อนอย่างเคย ภายใต้สายตานัยน์ตากลมโตหรี่เปิดหลุบปิดเป็นระยะ ยิ่งถ้าเมื่อเผลอประสานกับเสียงไฟที่วับแวมเธอก็กลายเป็นคนตาบอดเสียนานสองนาน สาวน้อยจึงเลือกจะหลับตาเสียมากว่าลืมตา
ทว่าเสียงซึ่งเธอรำคาญนักหนา ไม่ได้ทำให้เพื่อนรุ่นพี่นาม บอย แต่หัวใจหญิงกลัวสักนิด อีกอย่างบอยกี้กำลังดี๊ด๊าเพราะเขาชนะพนันเพื่อนในกลุ่มเพียงคนเดียวในค่ำคืนนี้ด้วย
“เอามาเลยคนล่ะ สี่พัน หวานกระเป๋าฉันคราวนี้ สะใจเจง เจง อิ อิ ” บอยยกมือบอบบางไม่ต่างสาวสวยขึ้นกวักเรียกเงินจากเพื่อนๆ “หนวกหูเอาไปเลย ยายกะเทยคอแปดหลอด เอาไปแล้วเลิกร้องเสียงดังซะ”
เพื่อนสาวเรียนปีสองคนหนึ่งทำเสียงรำคาญกระแทกเงินใส่ช่วงหน้าอกบอยกี้ ชื่อแฝงในกลุ่มเพื่อนสนิท บอยกี้ร้องวี้ดว้าย ไม่นำพาเสียงรำคาญ เรียกเสียงหัวเราะให้กลุ่มเพื่อน มากกว่าเดิม ภูริชญาเห็นอดอมยิ้มไม่ได้
ผ่านไปหลายนาทีทุกคนยังสนุกและเพิ่มมากกว่าเคย ภูริชญายังนั่งตรงกลางร่ายล้อมด้วยเพื่อนๆ สองมือเท้าคางมนจ่อมจมอยู่ในอารมณ์เศร้า…เพื่อนรุ่นพี่ซึ่งมีอายุมากกว่าเธอหนึ่งปีคนนี้จะมีเรื่องทุกข์ใจบ้างหรือเปล่าหนอ สาวทรงผมบ็อบเหยียดตรงสีดำสนิทคิด
“ยิ้มออกมาบ้างอย่ามานั่งหน้าหงิกให้พวกฉันดูแม่คุณ” บอยเหลือบมองภูริชญาที่กำลังมองหน้าตนเอง
“ยุ่งน่า ได้เงินแล้วเงียบไป หากินกับเพื่อนแสนดีได้นะคุณกี้” ภูริชญาโต้เสียงไม่จริงจัง
เงินที่ได้มา เกิดจากการพนันเรื่องการรับปากมาเที่ยวของเธอในคืนนี้นั่นเอง
บอยไม่สนที่เพื่อนพูดนับเงินก่อนยัดใส่กระเป๋ากางเกงยิ้มพราย
ภูริชญาเริ่มทนไม่ได้กับเสียงเพลงที่รู้สึกจะดังขึ้นกว่าเดิม มือบางคว้าหยิบทิชชูใกล้มือมามวนเป็นก้อนกลม
“ยายริญา เครียดอะไรถามจริง บอกกล่าวกันได้ ฉันเห็นแกซึมๆมาหลายวันแล้วนะ แล้วนั่นปั้นทิชชูทำไม” บอยกี้ว่าหันมาเห็นถามขึ้น บอยกี้นั้นแม้จะเป็นรุ่นพี่แต่สนิทสนมอย่างกับทั้งสองเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เพราะทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมนั่นเอง
“เปล่า” ภูริชญาโกหก
“โกหกไม่เนียน” แม้ปากจะว่าแต่บอยส่งสายตาเป็นห่วง ภูริชญาต้องพูดใหม่
“ขอบใจ ถ้าหนักอกจะตาย จะบอกเองกี้ ส่วนนี่…” ภูริชญายกทิชชูก้อนกลมเล็กให้เพื่อนเห็น “เอาอุดหูนะสิ หูอื้อจริงมาก เสียงเพลงสถานที่โปรดของแก นี่ยังไม่รวมเสียงคนที่มาเที่ยวอีก พูดแข่งกับเพลงอยู่ได้” ใบหน้าเศร้า ไม่สบอารมณ์ก้มลงยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม บอกเป็นนัยว่าไม่อยากพูดอีก บอยกี้ส่ายศรีษะขำ
“ไม่บอก… ขอบใจ ฉันว่าแล้วไม่พ้นประโยคนี้ ถ้าอยากแบกให้คับอกตายก็ตามใจ แต่คงไม่เป็นไรมั้งอกของแท้มีนิดเดียว มีเรื่องหนักๆ มาช่วยถ่วงแกจะได้ไม่น้อยใจว่าแม่ให้มานิดเดียว เพราะคิดว่าที่หนักอกเป็นนมแก”
“บ้า ไอ้เพื่อนปากมอม”
สาวน้อยจับแว่นตรงแป้นจมูก มองจ้องเพื่อนเพศที่สามตาเขม็ง บอยหัวเราะสะใจที่แกล้งเพื่อนให้เลิกนั่งซึมกระทือได้ จากนั้นทำหน้าทะเล้นรีบเดินสะบัดก้นที่รองของปลอมมาหนา ยักย้ายกวนสายตาเพื่อน ภูริชญายิ้มออกมาได้ทั้งที่ในใจเศร้าหมอง
กรุง นาคราช หนุ่มโสด นักธุรกิจหน้าตาหล่อเหลาขยี้ใจทั้งชายเทียม หญิงแท้ นั่งไม่ไกลเห็นภูริชญาน้องสาวเพื่อนรัก ชายหนุ่มขอตัวเพื่อนนายแบบที่มาด้วยกัน ภูริชญายกมือสวัสดีเมื่อเห็นนายแบบหนุ่มลูกครึ่งสุดเท่ห์เดินฝ่าฝูงนักท่องเที่ยวราตรีมาใกล้ตน คนสี่ตาทำหน้าหน่ายๆ เมื่อเห็นบรรดาสาวๆ ข้างๆ ต่างจ้องมอง เพื่อนพี่ชายราวกับเป็นเทวดาลงมาเดินดิน
“มากับเพื่อนเหรอริญา” กรุงมองด้านหน้าด้านหลังสาวน้อย มองหาเพื่อนที่เธอมาด้วย เมื่อไม่เห็นหรี่สายตามองหน้าภูริชญาแปลกใจ “แปลกจังได้ข่าวว่าไม่ปลื้มกลิ่นบุหรี่วันนี้มาได้” กรุงเป็นห่วงเพราะรู้จักภูริชญามาตั้งแต่เด็ก เขาเห็นเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งจึงถามเพราะห่วงใยเมื่อทรุดนั่งข้างๆ
“เบื่อจะเป็นคุณหนูค่ะ เป็นคนดี ไม่เห็นดีในสายตาคนอื่น ริญาอยากเป็นคนที่แตกต่างจากคำว่า ผู้หญิงที่ดีบ้าง ” เสียงห้วนตอบใกล้แก้วน้ำส้มที่จ่อริมฝีปาก
สายตาหลังแว่นไม่ได้มองหน้ากันเมื่อตอบ ทำเอากรุงอึ้ง แต่เขายังเงียบฟังสาวน้อยต่อไป
“พี่จอมทัพล่ะคะ พี่เจอหรือเปล่า เขาเป็นยังไงบ้าง หรือว่าโดนหักอกแค่นี้หายเข้าป่าไปแล้ว” คำถามครั้งนี้สาวแว่นหน้าตาใสไร้เครื่องสำอางหันมามองคู่สนทนา ดวงตาที่หลบอยู่หลังเลนส์หนาจ้องจดจ่อรอคำตอบ แน่นอนแก้วน้ำส้มวางไว้บนโต๊ะแล้ว
กรุงเข้าใจทันทีว่าสาวน้อยสี่ตาเคืองพี่ชายอย่างภูบดินทร์จนพาลมาถึงเขา เขาจึงบอกน้องสาวภูบดินทร์ไปว่า “กำลังหาเวลาขึ้นไปหามันอยู่กลัวมันจะงอนไม่เลิก”
“ก็ดีค่ะ”
กรุงเห็นสายตายินดีปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
“ไม่รู้ไอ้จอมทัพจะโกรธทำไมนักหนาทุกเรื่องราวน่าจะเข้าใจได้แล้ว มันไม่ใช่เป็นเรื่องการหักหลัง”
“พี่ก็พูดได้สิไม่ได้ต้องโดนปั่นหัวใจซะหน่อย พี่ภูอีกคนคงหลงเมียจนลืมเพื่อน”
ภูริชญาไม่สนใจเรื่องอื่น สนใจอย่างเดียวคือสาเหตุที่ทำให้สามหนุ่มแตกคอกัน เธอจึงพูดไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลัง พูดแล้วนั่งหน้ามุ่ย หลอดสีส้มในแก้วน้ำส้มโดนจับส่ายไปมาภายในแก้วแรงๆ
กรุงถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากอึ้งเพราะตกใจอารมณ์เดือดที่เก็บไม่มิดของสาวน้อย กรุงสะกดอารมณ์เมื่อคิดว่าริญายังเด็กนักเมื่อเปรียบกับตัวเขา กรุงจึงพูดกับสาวน้อยอีกครั้งว่า “ริญา ทำไมพูดแบบนี้ พูดแบบนี้คุณพรรณธิดาเขาเสียหาย แล้วนายภูน่ะ พี่ชายเธอนะ อย่าพูดแบบนี้สิ”
