3
วงศกรกลับมาจากโรงพยาบาลได้พักใหญ่ๆ ยืนมองผู้หญิงที่เคยรัก น้ำตาผู้หญิงคนนั้น ลูกสาวของหญิงแพศยาที่ทำให้แม่เขาต้องตาย ทำให้เขาไม่มีพ่อ น้องสาวกลายเป็นคนเจ็บป่วยทางจิตใจ
ช่างเป็นน่าเรื่องขบขันแต่หัวเราะไม่ออก ใครบอกว่าทำดีได้ดี แม่ซึ่งเข้าวัดเข้าวาเสมอต้องมาเสียผัวให้เพื่อนซึ่งรักมากที่สุด
เป็นคนดีทำให้ต้องพบเจอความปวดร้าวใจ ภาพแม่ร้องไห้และวิ่งตามรถพ่อจนโดนรถชนยังอยู่ในสมอง ซึ่งปวดหัวทุกครั้งที่นึกถึงแต่ให้ลืมง่ายๆ ทำไม่ได้
เลือดแม่ไหลออกจากปากระหว่างที่กอดท่านไว้แนบอก ทำให้เขาอยากจะอาเจียนเมื่อคิดถึง แม่คงเจ็บมาก
หมอที่เจอเรื่องการลาลับของชีวิตคนมามากอย่างเขา เจอกับตัวหัวใจแทบหยุดเต้น
“แม่ทำใจดีๆ นะครับ ผมจะพาไปโรงพยาบาล ผมจะรักษาแม่เอง”
น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว แม่ยกมือขึ้นลูบใบหน้าเขา กำลังจะหมดแรง
“บ้านยายเอาคืนให้แม่นะ อย่างอื่นปล่อยไป อีกอย่าง อึก อึก แม่ไม่เอาสะใภ้คนนั้น ไม่…อึก”
ก่อนจะลาลับโลกนี้ คำสั่งเสียยังดังก้องหู ซึ่งเขาเพิ่งรู้รายละเอียดทุกอย่างเมื่อครู่
นาฬิกาที่ไหนบ้างย้อนเวลากลับได้บ้าง แค่เสี้ยวนาที แค่นั้น ถ้าเขาวิ่งเร็วกว่านี้ ไม่ยืนงง แม่คงไม่ต้องตาย
“แม่! ผมขอโทษ”
พี่ขอโทษเธอเหมือนกันวิกาวีที่ทำให้ชีวิตเธอต้องเจออะไรแบบนี้
ครอบครัวนั้นเคยอยู่ใกล้เป็นเพื่อนบ้านที่แสนดี แต่เมื่อพ่อได้มารับราชการที่กรุงเทพ เขาและแม่ตามพ่อมา นานครั้งจะกลับไปยังไร่องุ่นเพื่อดูแลและพักผ่อนในคราเดียวกัน
อยู่กรุงเทพครอบครัวก็มีความสุขมาก เขาเป็นที่อิจฉาของเพื่อนๆ เพราะมีพ่อเป็นนายทหารที่มีชื่อเสียง
พ่อคือฮีโร่ในใจที่เขาต้องเดินตามรอยเท้า ทว่าเมื่อสองแม่ลูกที่เคยอยู่บ้านใกล้เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ครอบครัวที่มีความสุขก็เปลี่ยนไปเขามัวแต่ดีใจที่เจอเพื่อนเก่าที่เคยน่ารัก ช่างอ้อน ลืมสังเกตว่าพ่อเริ่มกลับไร่องุ่นที่ต่างจังหวัดบ่อยขึ้น ไม่กลับบ้านและแม่เริ่มไม่พูดจาเหมือนก่อน
ช่วงนั้นเขากำลังตกอยู่ในความรักจนลืมแม่
“คุณจะรักจะไปใช้ชีวิตกับมันฉันไม่ว่าแต่อย่าเอาบ้านแม่ฉันไปให้มันอยู่ ฉันไม่ยอม โอนคืนมาให้ฉันนะ แม่โอนเป็นชื่อคุณเพราะไว้ใจ อย่าให้คนตายต้องลุกขึ้นจากหลุมเพราะความชั่วของคุณนะคุณทศ”
วันนั้นก่อนแม่จะเสียเกิดการทะเลาะเสียงดัง เขายืนฟังทุกอย่างด้วยใจแค้น เพราะพ่อบอกว่าไม่คืนจะแลกด้วยบ้านหลังที่กรุงเทพ พ่ออ้างว่าเป็นคนซื้อคงแลกกันได้ ราคาก็ใกล้เคียง
“แต่นั่นมันบ้านเกิดฉันนะคุณ ฉันโตมาจากที่นั่น คือความทรงจำของฉันและพ่อแม่ คุณจะใจดำเอานังเมียน้อยไปเหยียบหัวพ่อแม่ฉันหรือ”
“อย่าพูดแบบนี้น่าคุณ พ่อแม่คุณไปเกิดนานแล้ว ให้ผมทำอะไรที่สบายใจบ้างเถอะ เราแต่งงานเพราะโดนคลุมถุงชน คุณก็จำได้ ออ บ้านที่คุณบอกว่ารัก ไหนบอกมาสิแล้วทำไมไม่เคยไปสนใจ ไม่เคยคิดไปดูแลบ้าง”
อยู่กับแม่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ผู้หญิงคนนั้นคือทุกอย่างที่พ่อตามหา เขากำหมัดแน่น สงสารแม่จับหัวใจ แต่ไม่อยากเข้าไปโวยวายเพราะอายคนรับใช้ที่แอบฟัง กระทั่งพ่อเดินออกไปและแม่วิ่งตามเขาเข้าไปห้ามแม่ แต่วันนั้นก็ไม่ทันการณ์
“พี่หมอมองอะไรคะ” ดุสิตากอดด้านหลังผู้ชายที่หลงรักมานานแต่เพิ่งจะได้มีโอกาสสารภาพรักและโชคดีที่หมอหนุ่มโสด เธอจึงได้ศึกษาดูใจกับเขา
“เรามาคบกันดีไหม”
คือคำพูดที่เธอต้องใช้พลังงานมากกว่าจะเปล่งออกมาได้และ เธอโชคดีมากที่คำพุดนั้นไม่สูญเปล่า พี่หมอบอกว่าถ้าอยากมีแฟนที่งานยุ่งมากก็ลองดู
พี่หมออาจจะเคยมีแฟนมาก่อน แต่เป็นแค่อดีต ใครๆ ก็มีอดีต เธอไม่สนใจ เธอเองมีดีพอให้เขารักและยกย่อง
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่หิวหรือยัง”
ดวงตาของคนทั้งสองสบกัน ก่อนที่วงศกรจะก้มเคลียร์เอกสารในไร่
หญิงสาวด้านหลังเป็นนักศึกษาซึ่งรู้จักกันตอนเรียนมหาลัยเธอเป็นผู้หญิงพูดน้อย มีความคล้ายผู้หญิงคนนั้น เขาไม่โกหกตนเองว่าบางครั้งอยากหาตัวแทนมาทำให้ใจที่ปวดร้าวหายลงบ้าง
แม้อยากแก้แค้นปานใดแต่ภาพวันเก่าก่อนของเขาและนิทรายังหลอกหลอนเสมอ จึงอยากให้ดุสิตามาลบมันออกไป
คืนนี้หมอหนุ่มทนลูกตื้อไม่ได้ต้องพาเธอกลับมาบ้านไร่ด้วยกัน
“พี่หมอหนึ่งขา ไปหาอะไรกินกันก็ดีคะ”
“พี่หิวหมือนกันครับงั้นเดี๋ยวลงไปหาอะไรกินกันดีกว่า นั่งอ่านหนังสือในห้องทำงานพี่คงเบื่อแย่”
“ได้ค่ะ”
แสดงความเป็นเจ้าของหมอสุดฮอตเธออยากทำเหมือนกัน ดุสิตาเดินนำหน้าหมอหนุ่ม สายตาสำรวจบ้านหลังสวย จัดแต่งทรงผมยาวให้เรียบร้อยดูดีที่สุด
บ้านไร่ที่นี่กว้างขวาง ตอนแรกเธอคิดว่าจะน่าเบื่อแต่เมื่อได้มาก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ
แม้ไร่ผสุชาจะมีชื่อเสียง แม่ก็ไม่สนับสนุนเพราะอยากให้เธอเจอหนุ่มหล่อรวยที่กรุงเทพมากกว่า แต่หากแม่มาเห็นที่นี่ต้องเปลี่ยนใจ ดุสิตายิ้มดีใจเมื่อคิดว่าความรักกับพี่หมอหนึ่งที่แอบรักมานานจะสมหวัง ถึงขั้นแต่งงาน
เธออยากเป็นนายหญิงของไร่แห่งนี้ ดูแลพี่หมอ ดูแลลูก ชีวิตจะหาความสุขกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เมื่อก่อนสมัยมัธยมเธอเคยเห็นรุ่นพี่คนนี้ไปหาอาจารย์ที่โรงเรียน ผู้ชายตัวสูงที่หล่อเหลาที่สุด นักเรียนรุ่นน้องต่างกรี๊ดกร๊าด
เรื่องราววันเก่าๆ เข้ามาในสมองจนดุสิตายิ้มออกมา
“ยิ้มอะไรหึเรา”
“คิดถึงเมื่อก่อนค่ะ ตอนเรียนมัธยมพี่หนึ่งคงฮอตน่าดู สาวๆ ต่างอยากได้เป็นแฟน”
“แก่แดดกันจริง ตอนนั้นเราน่ะอายุเท่าไหรกันครับ”
“หนูนิดเปล่าคิดนะ”
ดุสิตาโกหก ใบหน้าแดงก่ำ
วงศกรยิ้มเอ็นดูดุสิตา
“พี่หมออ่ะ ใครจะเหมือนพี่หมอเย็นก็กลับบ้านไม่มองผู้หญิงเลย ใช่ไหมล่ะ”
ดุสิตาอยากรู้เรื่องในอดีตของคนที่ได้ชื่อว่าแฟน ก็ลองตั้งคำถามวงศกรคิดถึงอดีต ใครบอกว่าเขากลับบ้าน เขารีบกลับไปรับนิทราต่างหาก และพาเธอไปหาที่นั่งอ่านหนังสือ กินขนมด้วยกัน เด็กที่ขัดสนเงินทองคนนั้น เขาบอกว่าสงสารเธอเหมือนน้อง ที่จริงในใจลึกๆ เขาติดใจดวงตาเศร้าสร้อย ปากช่างถามมากกว่า…
เลิกคิด วงศกรเบื่อตนเองที่ยังวนเวียนคิดเรื่องนี้ รีบเดินเข้าครัวไปหาของกิน จนดุสิตาเดินตามแทบไม่ทัน
