4
นิทรากำลังจะปิดประตู แม่บ้านวิ่งหอบแฮ่กๆ มาใกล้ ปากตะโกน “อย่าเพิ่งปิด ออกมาก่อนคุณหมออยากกินข้าวต้ม”
“ข้าวต้มหรือคะ”
“คงหมดแรงมั้ง อิ อิ” ชบาลูกสาวป้าแม่บ้านเดินมาด้วย ชบาซึ่งเหมือนชีวิตจะมีแต่เรื่องตลก เรื่องกิน นินทา ว่าแล้วเดินไปห้องตนเอง ป้าแม่บ้านจ้องนิทรา “ไปสิ หน้าที่ฉันตอนเช้าเธอดูแลกลางคืนเสมอนี่น่า”
นิทราก้มหน้า ไม่รู้ว่าป้าแม่บ้านคิดอะไรอยู่ หญิงสาวเก็บกุญแจห้องหันหลังไปที่บ้านเรือนไทย
ข้าวต้มและผัดผักเขากินง่ายๆ แบบนี้มานาน เมื่อก่อนเธอทำให้กินเสมอเมื่อเขากลับมาบ้านไร่ นั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข หยอกเย้า พะนอเอาใจ แต่ตอนนี้ต้องทำให้เขานั่งกินกับคนอื่น นิทราหั่นผักคะน้าด้วยหัวใจเลื่อนลอย
“โอ้ย”
มีดด้ามเล็กบาดนิ้วมือชี้ข้างซ้ายมีเลือดซึม หญิงสาวรีบไปหาพลาสเตอร์ยามาปิด และรีบทำกับข้าวให้เร็วที่สุด เธออยากเอาไปวางบนโต๊ะตอนที่ไม่มีใคร ตอนที่เข้ามายังไม่เห็นใครมานั่งที่ห้องอาหาร
ข้าวต้มกุ้ยธรรมดาเรียบร้อย หญิงสาวตักใส่ถ้วยวางลงในถาด จัดให้สวยงามเหมือนอาหารที่เคยได้รับคำชม พลันคิดถึงมื้อสุดท้ายที่เคยกินกับคนที่เคยบอกว่ารักเธอมาก
“กินเยอะๆ นะอวบระยะสุดท้ายแล้วนะเรา”
เธอหน้างอวางช้อนลงแต่คนน่ารักวันนั้นตามมาง้อ ถูแก้มสากกับแก้มนุ่มจนร่างกายเธอซ่านสยิว
หลายครั้งเขาบอกว่าต้องการขอมัดจำฝากรักที่ร่างกายเธอ แต่เธอยับยั้งชั่งใจไม่หวั่นไหว อยากให้คืนวิวาห์มีค่าแห่งการจดจำ ทว่าวันนั้นคงไม่มีแล้ว
ความฝันความหวังพังทลาย หัวใจมีเพียงน้ำตา จากนี้คงจดจำเพียงเรื่องที่โดนทอดทิ้ง ทำร้ายหัวใจ จดจำมันไปจนวันตาย
“เสร็จหรือยังกินคืนนี้นะไม่ใช่พรุ่งนี้เช้า”
นิทราบีบถาดอาหาร เบี่ยงร่างหนีเพราะว่าคนตัวสูงมายืนชิดด้านหลัง ก้นงอนงามของเธอสัมผัสกับร่างกายเขาและดูเหมือนกำลังเบียดเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“เสร็จแล้ว จะเอาข้าวไปที่โต๊ะค่ะ”
“ไม่ต้อง”
หญิงสาวเอี้ยวหน้ามองอย่างห้ามหัวใจไม่ได้ สบนัยน์ตาไร้ความรู้สึกหัวใจพลันแห้งเหี่ยว จนต้องก้มหน้ามองถาดอาหาร
ต้องการแบบไหน ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่เขา
“ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ”
มือเล็กวางถาดข้าวลงบนโต๊ะ ถอยห่างเจ้าบ้านซึ่งยังอยู่ในชุดทำงาน คือเสื้อสีโปโลสีเหลืองและกางเกงสแล็ก กลิ่นหอมคุ้นเคยทำให้ใจเธอปั่นป่วนจนเธออยากออกไปให้พ้นห้องครัว ทว่าเดินได้เพียงก้าวเดียวมือใหญ่กลับโอบที่หน้าอกอวบทั้งสองข้าง นิทราร้องเสียงหลง
“พี่ คุณหมอจะทำอะไร”
ตัวร้อนราวโดนไฟนาบ เอี้ยวหน้าไปด้านหลังเพื่อมองเขา ดวงตายังคงเย็นชา นิทราดิ้นรนหนีร้องให้เขาปล่อยแต่แรงมือยิ่งเน้นย้ำบีบเคล้นอกอวบหนั่นแน่น
เป็นบ้าอะไรของเขา เคยบอกจะไม่แตะต้องเธอ
“ปล่อยทำไมชอบไม่ใช่หรือ ดูสิสู้มือดีออก”
ตอนนี้กับเมื่อวันวานไม่เหมือนกัน เธอจะไม่ยอมให้เขาสัมผัส แววตาไร้ซึ่งความรักมันทำให้ใจเจ็บร้าว
คิดถึงผู้หญิงบนตึกนิทราดิ้นสุดแรง
“อย่ามาแตะต้องนินะ คุณบอกเองลืมหรือไงว่าไม่อยากแตะ”
“เคยพูดเหรอ”
ให้ตายสิ ชอบพูดตีรวนตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเหนื่อยไม่อยากทะเลาะกับเขาอีก นิทราหยิกข่วนมือทั้งสอง
“ถ้าไม่ปล่อยคนของคุณมาเห็นแน่”
“หนีทำไม ชอบให้แตะตรงนี้ไม่ใช่เหรอ”
แม้ปากดีไปหากนัยน์ตาเริ่มแดงก่ำ แต่ไม่อยากร้องไห้ เธอเริ่มเหนื่อย ร้องไปเขาก็ไม่เคยเห็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวด
“ก็แล้วแต่”
“ปล่อยนะ ปล่อยนิเถอะ คนของคุณรออยู่ลืมหรือไร”
นิทราน้ำตาร่วง กลั้นความน้อยใจ ปวดร้าวไม่ได้ ซึ่งมันได้ผล เขาปล่อยมือเธอ หยิบถาดอาหารออกไป
“ฉันจะพาไปเอง คนที่ฉันพามาด้วยเธออาจจะรู้จัก เพราะเขาเป็นคนที่นี่เหมือนกัน มันไม่ดีสำหรับเขา”
ใครกันคนรักใหม่ของเขา!
สุดสายตาร่างใหญ่ นิทราจับหน้าอกตนเอง เกลียดความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพียงโดนเขาลูบไล้กลั่นแกล้ง และน้ำตากลบตาเมื่อคิดว่าเขากำลังเอาใจผู้หญิงคนนั้น งานที่ต้องทำตรงหน้าเริ่มพร่ามัว เธอจึงใช้เวลานานกว่าเคยเพื่อเก็บกวาดในครัว และเดินกลับห้องพักอย่างหมดเรี่ยวแรง ก่อนถึงห้องนึกภาพที่คนรักป้อนข้าวต้มให้ผู้หญิงคนนั้นที่เห็นเพียงด้านหลังทำให้ไม่อยากนอน
ในหัวมีแต่ความน้อยใจ เศร้าใจที่ไม่เคยหายไปจากหัวใจ
พี่หนึ่งคะถ้านิตายไปพี่จะหายแค้นแม่หรือเปล่าคะ
แม่เองตอนนี้ก็ไม่ได้มีความสุขอีกแล้ว พี่ให้อภัยแม่นิได้ไหม ให้นิทำอะไรอีกนิยอมทั้งนั้น อย่างน้อยไม่รักกันแล้ว ขอพี่อโหสิกรรมให้แม่
มือสองข้างช้อนใต้แก้มชุ่มน้ำตา ขาอยากลุกขึ้นชะเง้อมองไปที่บ้านเรือนไทย แต่กลัวเห็นอะไรจึงจำต้องนอนลืมตา ป้ายน้ำตาทิ้งอยู่อย่างนั้น
มือถือในกระเป๋าสั่น เธอรีบหยิบขึ้นมารับ
“แม่ว่าไงคะทำไมยังไม่นอน”
“งานอะไรของแกยายนิยังไม่กลับบ้านอีก ฉันลำบากแกก็รู้อยู่คนเดียว”
“ พรุ่งนี้นิจะรีบกลับนะคะ”
“ฉันเบื่อชีวิตแบบนี้ เมื่อไหร่แกจะหาคนรับใช้มาให้ฉันหึ ไหนว่ามีงานแล้ว เราไปอยู่บ้านหลังใหญ่นะนิ ที่นั่นคงมีคนดูแลแม่เยอะ แกจะไปไหนก็ได้”
แม่ตวาดและอ้อนวอนสลับกันมาตามสาย กลายเป็นผู้หญิงขี้โมโห หญิงสาวสงสารแม่ แม้ตนเองจะลำบากเธอก็ต้องเข้มแข็ง
“ได้ค่ะ ได้ทุกอย่างที่แม่ต้องการ”
“โอเควันที่ย้ายบ้าน ฉันต้องมีคนรับใช้นะ อย่าลืม”
แม่ยังหวังจะได้บ้านหลังนั้น แม่กลายเป็นคนป่วยฉับพลัน ทั้งๆ ที่ตอนนี้มีคนดูแลอยู่ใกล้ๆ แต่ฝ่ายนั้นคงเอาแต่อยู่ในห้องเพราะกลัวแม่
นานทีเดียวกว่าจะกล่อมให้แม่ไปนอนได้ และเมื่อถึงเวลานั้นเธอก็เมื่อยและผล๊อยหลับไป มารู้ตัวอีกทีมีเสียงเคาะประตู
ปังๆๆ
เธอยีตาเดินไปเปิดคิดว่าเป็นป้าแม่บ้าน แต่พบว่าใครยืนตัวสูงค้ำหัวก็ตาโต
“คุณมาทำไม”
“ที่นี่บ้านฉัน จะไปไหนก็ได้ทำไมต้องคอยตอบคำถามคนอื่น”
“แต่ตอนนี้เวลาพักผ่อน” นิทราดันประตูแต่แรงมือใหญ่แข็งแรง กว่าเธอไม่สามารถต้านทานเขา
“ปล่อยมือเถอะคะ”
“ฉันปล่อยเธอไปนานแล้ว เธอเองที่ไม่ยอมปล่อย แล้วจะคิดมากทำไมเมื่อฉันมาหา ฉันก็แค่มาถาม ข้าวต้มอะไรของเธอทำไมมันเค็มน่าดู”
นิทราทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ปากคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันก็ทำสูตรเดิม”
“กล้ามากที่แกล้งฉัน” มือใหญ่บิดข้อมือเล็ก นิทราสะบัด “ปล่อย”
“คงวางแผนเพราะอยากให้ฉันมาที่นี่ มาแล้วไง วางแผนจะทำอะไรต่อละ”
นิทราก้มหน้า “ฉันเปล่าวางแผนแบบนั้น”
เธอแค่อยากแกล้ง ก็ไม่ได้เค็มอะไรนักหนา
“ไม่เชื่อตอนนี้คงนอนรอฉันอยู่ใช่ไหม”
“พี่หมอพอเถอะค่ะ นิคิด แล้วก็คิด นิจะปล่อยพี่ไปแล้ว หลายเดือนที่ผ่านมาขอโทษที่ทำให้อึดอัด”
ใบหน้าเย็นชาส่าย
“เสแสร้ง คนอย่างเธอหรือจะยอมแพ้ ต้องให้มีใครสูญเสีย ต้องให้ตนเองสมหวังละมั้งถึงจะสะใจ”
