บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 เหล่าลู่ยังเป็นโสด

จังฮูหยินนั่งยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นสาวใช้คนใหม่ใบหน้าสดใสเดินเข้ามา ข้างขวาของนางมีสาวน้อยหน้าแฉล้มทว่าแก้มตอบกำลังถือตะเกียบรออยู่

“ท่านแม่ นางมาแล้วเจ้าค่ะ พวกเราลงมือกันเถอะ!”

“หลานเอ๋อร์เจ้าฟื้นขึ้นมาแล้ว เหตุใดกลายเป็นคนตะกละเช่นนี้? มา! มา! เจิงอิ่งเจ้านั่งข้างหลานเอ๋อร์ก็แล้วกัน”

เหล่าลู่ก้าวเท้ามาข้างหลัง เจิงอิ่งแทบไม่รู้ตัวว่าเขาเดินเข้ามาใกล้นางถึงเพียงนี้ คราวหน้านางคงต้องระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม การปล่อยให้ผู้อื่นเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวนับเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำงานอย่างนาง เจิงอิ่งนึกตำหนิตนเอง...นางไม่เคยทำพลาดเช่นนี้มาก่อน หากบรรดาศิษย์พี่ของนางรู้เข้าก็คงจะประณามว่านางประมาทเกินไปแน่ๆ

“นายหญิง ท่านทำอาหารอร่อยจริงๆ เลยเจ้าค่ะ มิน่าจึงได้ทำเป็ดอบส่งขายตามเหลาได้” หญิงสาวมาใหม่ใช้ตะเกียบบิเนื้อเป็ดออกมาเล็กน้อย เมื่อคีบเข้าปากแล้วพบว่ารสชาติช่างกลมกล่อมละมุนลิ้นยิ่งกว่าที่นางเคยกินในภัตตาคารเมืองหลวงเสียอีก

“ถ้าเจ้าเห็นว่าอร่อยก็กินไปเยอะๆ เถอะ ต่อไปคร้านจะขี้เกียจกินเหมือนข้าดูสิ! วันๆ ต้องอบเจ้าเป็ดพวกนี้วันละเป็นสิบตัว กินไปกินมาก็ต้องเบื่อบ้างล่ะ”

“ฮ่าๆ เสี่ยวลิ่ง เจ้าอย่าเพิ่งขู่นาง ปล่อยให้นางตื่นเต้นกับรสชาตินี้ไปก่อน เจ้าดูหน้าท่านแม่ของข้า ดีใจเพียงไหนที่มีคนมาชื่นชมเป็ดอบถึงเพียงนี้” คุณหนูถือตะเกียบค้างไว้เพราะรอลุ้นว่าเจิงอิ่งจะเอ่ยชมรสชาติอาหารฝีมือของมารดาอย่างไร? ครั้นเห็นว่าไม่เกินความคาดหมายก็อดหัวเราะออกมามิได้

“เจ้าลองชิมผัดผักดูบ้าง นี่เป็นผักที่เสี่ยวลิ่งกับข้าปลูกกันเองอยู่ด้านหลังจวน บางครั้งเสี่ยวลิ่งก็เก็บเอาไปขายให้เหลาในอำเภอด้วย” เหล่าลู่คีบผัดผักวางบนข้าวให้นาง เจิงอิ่งพยักหน้ารับก่อนจะคีบเข้าปากเมื่อเคี้ยวเสร็จก็ยิ้มกว้าง

“รสชาติดียิ่ง ทั้งกรอบทั้งหวาน ผัดได้พอดีไม่เยิ้ม อาหารอร่อยเยี่ยงนี้ ข้าจะมิอ้วนเป็นไหเลยหรือเจ้าคะ?”

จังฮูหยินได้ยินสาวใช้คนใหม่เอ่ยชมเช่นนั้นก็ถูกใจอย่างยิ่ง

“เจิงอิ่ง เจ้าประจบจนข้าจะตัวลอยแล้วนะ กินให้อิ่มเถอะ เดี๋ยวเราจะได้วางแผนเรื่องงานกัน ข้าก็ไม่คิดจะให้เจ้าทำงานเปล่าๆ หรอก ต้องหาทางเพิ่มรายได้เพื่อแบ่งเบี้ยหวัดให้เจ้าด้วย เงินทุนถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตของเราทุกคน แม้ว่าเจ้าจะยอมทำงานเปล่าๆ เพื่อแลกข้าว แต่ข้าก็คงทนไม่ได้”

“ขอบพระคุณนายหญิงที่เมตตาเจ้าค่ะ”

ครั้นทุกคนอิ่มหนำสำราญดีแล้ว เสี่ยวลิ่งกับเหล่าลู่ก็เก็บโต๊ะและไปล้างถ้วยชามในครัว ปล่อยให้เจิงอิ่งในฐานะผู้มาใหม่นั่งรับฟังการอบรมและแจกแจงงานจากนายหญิงกับคุณหนู

เจิงอิ่งรู้สึกพอใจที่ตนได้มาอยู่ในครอบครัวที่ทุกคนรักใคร่ปรองดอง นายหญิงผู้นี้ช่างมีใจเมตตานัก นางฟังสิ่งที่จังฮูหยินพูดแล้วรู้สึกอบอุ่นใจอย่างยิ่ง หลังจากเรือนของนางถูกไฟไหม้จนคนตายยกครัว ชีวิตของเจิงอิ่งก็คล้ายเลื่อนลอยมาโดยตลอด สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวคือหน้าที่ที่นายท่านมอบหมาย

นางถูกนายท่านส่งไปฝึกวิทยายุทธ์ในระดับเข้มข้นกับคนกลุ่มหนึ่งที่พวกเขาต้องปกปิดตัวตน แม้ชื่อเสียงเรียงนามก็ล้วนเป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นใหม่ทั้งสิ้น ต่างคนต่างไม่รู้ตัวตนจริงของกันและกัน พวกเขาเรียกขานกันด้วยชื่อแฝง คนทั้งหมดที่ไปฝึกบนเทือกมังกรทะยานพร้อมนางล้วนรับรู้ว่าตนเองพร้อมจะรับความตายอยู่ทุกขณะจิต การฝึกสุดทรหดอดทนนั้นทำให้นางกลายเป็นสตรีที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา!

…คนกลุ่มหนึ่งของยอดยุทธ์ที่เรียกขานกันว่า ‘องครักษ์เงา’…

“เจิงอิ่ง มา มา ข้าจะเล่าเรื่องเหล่าลู่ให้เจ้าฟัง” เสี่ยวลิ่งเป็นคนช่างคุย นางรู้สึกถูกชะตากับสาวใช้คนใหม่ที่มีบุคลิกเย็นชาสง่างาม ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเจิงอิ่งคนนี้บุคลิกช่างเหมือนกับบรรดาองครักษ์ที่ติดตามองค์ชายยิ่งนัก “คืนนี้ให้ข้านอนเตียงเดียวกับเจ้าด้วยนะ”

เจิงอิ่งหันไปดูเตียงที่เป็นฝีมือของเหล่าลู่ ชายหนุ่มไปขนเอาเตียงเก่าจากเรือนผุพังข้างหลังมาซ่อมแซมจนแข็งแรงดีแล้วเรียกพวกนางไปช่วยกันยกเข้ามา ดีที่มิใช่ ไม้หนักมิฉะนั้นคนเพียงสามคนก็คงยกไม่ไหว เจิงอิ่งต้องคอยระวังไม่แสดงตนว่ามีเรี่ยวแรงมากเพราะจะดูผิดปกติ ในเมื่อเหล่าลู่คล้ายจะสังเกตนางอยู่ตลอดเวลา นางเองก็ต้องระวังตัว

“ดูๆ ไปแล้วเหมือนเหล่าลู่จะลำเอียงอยู่สักหน่อย”

“ทำไมหรือ?”

“เจ้าดูเตียงของเจ้าสิ! ใหญ่กว่าเตียงของข้าอีก”

“เจ้าคิดมากเกินไป ใหญ่กว่านิดหน่อยเอง เห็นเหล่าลู่บอกว่าเตียงที่เล็กกว่านี้มันผุหมดแล้วเลยจำต้องซ่อมเตียงนี้ให้ข้า”

“อ้อ! คงจะจริง! ตั้งแต่พายุมารอบก่อน เรือนด้านหลังถูกซัดจนหลังคารั่วฝนเทลงมาจนเครื่องเรือนพังไปหมดแล้ว จวนใหญ่ก็ไม่ยอมส่งเงินมาให้ซ่อมแซมอันใดสักอย่าง เจ้าดูเอาเถอะว่านายหญิงของพวกเราลำบากเพียงใด?”

“ลำบากมากเลยหรือ?”

“เรื่องนี้ไว้ว่ากันทีหลัง เรามาคุยกันเรื่องเหล่าลู่ดีกว่า เจ้ารู้สึกใช่ไหมล่ะว่าเขาดูไม่ค่อยสนิทสนมกับผู้ใด?”

เจิงอิ่งพยักหน้า “เหล่าลู่ไม่มีครอบครัวหรอกหรือ? เหตุใดจึงไม่เห็นภรรยาและบุตรของเขามาอยู่ที่นี่ด้วย”

“เจ้าไม่รู้อะไรซะแล้ว! เหล่าลู่น่ะน่าจะเป็นบุรุษคนเดียวในอำเภอนี้ที่ยังอยู่เป็นโสดก็ว่าได้”

เห็นเจิงอิ่งทำหน้าฉงน เสี่ยวลิ่งก็หัวเราะหึๆ “ก็เหมือนกับข้าอย่างไรเล่า? เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าก็ยังไม่แต่งงานเช่นกัน”

“เจ้าไม่มีคู่หมายสักคนเลยหรือ?”

“ผู้ใดจะมาแต่งกับสตรีไม่มีสินเดิมกันเล่า? แต่ข้าก็ไม่ได้รีบร้อนหรอกนะ ข้าเป็นห่วงฮูหยินกับคุณหนูมากกว่า เหล่าลู่ก็เหมือนกันพวกเราล้วนแล้วแต่เห็นนาย ทั้งสองเป็นเหมือนครอบครัวต้องประคับประคองกันไป”

“บิดามารดาของเหล่าลู่เล่า?”

“เขาเองก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนข้านี่ล่ะ! เหล่าลู่มีพ่อบ้านสกุลชิงแห่งจวนใหญ่เป็นพ่อบุญธรรม แต่ตอนนี้ท่านพ่อผู้นั้นเสียชีวิตไปแล้ว เห็นเขาตักน้ำผ่าฟืนอย่างนั้นแต่เขาอ่านออกเขียนได้อย่างคล่องแคล่วและยังทำบัญชีเป็นอีกด้วยนะ”

“จริงหรือ? ข้าเห็นวันๆ เขาเหมือนจะถนัดเฉพาะงานใช้แรง”

“เหล่าลู่ตกปลาเก่งมาก พรุ่งนี้เขาจะออกไปหาปลา ตอนเย็นพวกเราก็จะได้กินปลาเปรี้ยวหวานแล้วล่ะ”

**************************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel