บทที่ 4 ทำตัวน่าสงสัย
นับจากพ้นงานวิวาห์กระทั่งถึงตอนนี้ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือน ความสัมพันธ์ระหว่างลลินกับอาทิตย์ยังคงหวานชื่นเหมือนเดิม ชายหนุ่มดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่อง
ไม่ว่าเธอปรารถนาสิ่งใด อีกคนก็จัดหามาให้ตลอด ไม่เคยบ่นสักนิด หนำซ้ำวันไหนที่เธอมีเรียน เขาก็จะไปรับไปส่งเป็นประจำ
“ลลินครับ”
“คะ” คนกำลังจะเปิดประตูรถเป็นอันหยุดชะงักกับเสียงเรียกของคนตัวโตข้างกาย เธอมองเขาอย่างรอคอยว่าอีกคนจะพูดอะไร
ทันใดนั้นอาทิตย์รวบร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง เขาโอบกอดหญิงสาวอย่างแน่น จากนั้นฉกชิมริมฝีปากอมชมพูด้วยความรวดเร็ว
“อื้อ” มือเรียวขยุ้มเสื้อของเขาพลางหลับตาพริ้มรับจูบจากคนเป็นสามี ก่อนเขาจะถอนจูบออกช้า ๆ หลังจากลลินถูกปล่อยเป็นอิสระก็หอบระรัวทีเดียว
“อยากจะทำมากกว่านี้จัง” กระซิบข้างใบหูขาวสะอาด คนได้ฟังถึงกับหน้าแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุก
“พี่อาทิตย์…ไอ้คนทะลึ่ง” มือเล็กทุบอกแกร่งทีหนึ่งอย่างเขินอาย
“พี่พูดจริงนะครับ” ว่าพลางอมยิ้ม
“พี่อาทิตย์!!” หันขวับมองคนตัวโตอย่างคาดโทษ
“ปากเลอะหมดแล้ว เดี๋ยวพี่เช็ดให้นะครับ” ไม่พูดเปล่า มือใหญ่ช่วยเช็ดรอยเปื้อนลิปสติกออกเบา ๆ จนเกลี้ยง
“คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ” ทำหน้ามุ่ยใส่เขา อาทิตย์ไม่ได้ตอบโต้เพียงแค่ส่งยิ้มให้เธอ
“ลลิน เย็นนี้พี่มารับนะครับ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เย็นนี้หนูกลับเองดีกว่า”
“เอางั้นเหรอ”
“ค่ะ”
“งั้นก็ตามใจ” อาทิตย์ไม่ได้เซ้าซี้คนตัวเล็กมากนัก เขายอมตอบตกลงอย่างง่ายดาย
พักหลังมานี้เขารู้สึกว่าเธอทำตัวน่าสงสัย มักจะไม่ให้มารับกลับ ทว่าอาทิตย์ไม่ซักไซ้สักเท่าไร กลัวจะทะเลาะกันเปล่า ๆ จึงยอมปล่อยผ่าน
“หนูไปเรียนก่อนนะคะ รักพี่อาทิตย์มาก” ลลินโน้มตัวไปจูบแก้มสากก่อนเปิดประตูลงจากรถ “ไปทำงานดี ๆ นะคะ” โบกมือลาสามีหนุ่ม
“ครับ”
“เฮ้อ…” หลังจากรถคันหรูแล่นออกไป ลลินถึงกับพ่นลมหายใจยืดยาว เธอยืนสงบอารมณ์พักหนึ่งแล้วเดินไปห้องเรียน
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ลลินรีบออกจากมหาวิทยาลัยและมุ่งไปโรงพยาบาลเพื่อพบใครคนหนึ่ง หญิงสาวเดินมาหยุดหน้าห้องพักฟื้นก่อนมองเข้าไปด้านในผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ ตรงกลางประตู
“รีบฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ นะคะ” อยู่ ๆ หยาดน้ำใสไหลรินข้างแก้มนุ่มนิ่มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“คุณลลินคะ มาเยี่ยมคนไข้เหรอ” เสียงของนางพยาบาลดังขึ้นเรียกความสนใจจากหญิงสาวหันไปมอง
“ค่ะ” เผยยิ้มอ่อนแก่บุคคลมาใหม่พลางเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าหวานแผ่วเบา
“เข้าไปด้านในไหมคะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” ชำเลืองมองไปข้างในก่อนหันมองคนตรงหน้าอีกครั้ง “อาการเป็นยังไงบ้างคะ”
“คนไข้เริ่มดีขึ้นมากค่ะ อีกไม่นานก็หายเป็นปกติแล้ว” พยาบาลสาวพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ครืด! ลลินไม่ทันได้สนทนากับนางพยาบาลมากนัก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้น เธอจึงเดินเลี่ยงไปคุยมุมหนึ่ง
(อยู่ไหน) ทันทีที่กดรับ คนปลายสายไม่รอช้าพ่นประโยคใส่
“โรงพยาบาลค่ะ”
(แกไปทำไม อย่าบอก…)
“คุณแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ลลินไม่รอให้นวินดาเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้จึงเปลี่ยนประเด็นทันใด
(จะอะไรอีกล่ะ ก็วันนี้มีนัดกันไง)
“ค่ะ งั้นหนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
(จะทำอะไรก็ระวังตัวหน่อย อย่าให้ฉันต้องพูดหลายรอบ)
“ค่ะ” จบบทสนทนาก็กดตัดสายอย่างไว “เหนื่อยเหลือเกิน”
หญิงสาวเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอรีบนั่งรถแท็กซี่ไปพบบุพการียังคฤหาสน์
“กว่าจะมาได้ต้องให้โทรตาม” ทันทีที่ร่างเล็กปรากฏในห้องนั่งเล่น คุณากรจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ในตัวบุตรสาว
“นั่นสิ มัวแต่ชักช้าอยู่ได้” นวินดาเสริมขึ้น
“คุณพ่อคุณแม่ นัดหนูมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” เลือกจะเข้าประเด็นทันที ไม่รอฟังให้ผู้ใหญ่ทั้งสองตำหนิไปมากกว่านี้
“เมื่อไรแกจะจัดการเรื่องของฉันสักที”
“หนูขอเวลาหน่อยนะคะ”
ปึง! หลังจากลลินพูดจบได้ไม่ถึงนาที คุณากรตบมือลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์กับถ้อยคำของบุตรสาว ลลินถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ชายวัยกลางคนจ้องเขม็งหญิงสาวปานจะกินเลือดกินเนื้อ
“แกอย่าลืมนะลลิน ที่แกมีทุกวันนี้ได้เพราะใคร” คุณากรลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาจี้ขมับหญิงสาวอย่างหนัก ๆ
“หนูรู้ค่ะ” แหงนหน้ามองผู้เป็นบิดาอย่างไม่เกรงกลัวกับท่าทางของชายวัยกลางคน
“อย่าให้ฉันรอไปนานกว่านี้ ไม่อย่างนั้น…” คุณากรไม่พูดต่อ เขามองลลินอย่างมีเลศนัย ก่อนเหยียดยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า
“หมายความว่าไงคะ คุณพ่อจะทำอะไร” ใบหน้าของเธอเริ่มซีดเผือดเมื่อนึกถึงคนที่อยู่โรงพยาบาล กลัวคนตรงหน้าจะทำอะไรที่เธอคาดไม่ถึง
“ฉันจะไม่พูดหลายรอบ แกรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยซะ” จบคำพูด ชายวัยกลางคนผละออกจากห้องนั่งเล่น โดยทิ้งเธอให้หวาดกลัวกับประโยคนั้น
“ทำตามคำสั่งของพ่อซะ ไม่อย่างนั้นคนที่แกรักนักหนาที่โรงพยาบาลจะเป็นอะไรไปเสียก่อน” นวินดาเดินจากไปเช่นเดียวกับคุณากร ปล่อยลลินอยู่ตามลำพัง
“เฮ้อ…ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหม” เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะต้องลงมือทำต่อไปนี้ทำเอารู้สึกผิดต่อใครอีกคนเหลือเกิน “หนูขอโทษนะคะ พี่อาทิตย์”
เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายนาที กว่าลลินจะเด้งตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและออกจากห้องนั่งเล่นไป หญิงสาวนั่งรถแท็กซี่กลับคอนโดด้วยใจเหม่อลอย เพราะมัวคิดถึงคำพูดของบิดา
“ถึงแล้วครับ”
“ไม่ต้องทอนค่ะ” ลลินยื่นธนบัตรใบสีม่วงให้แก่ลุงคนขับ จากนั้นเปิดประตูรถก้าวเดินลงไป ก่อนเงยหน้ามองตึกสูงเบื้องหน้า เธอสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วไม่รอช้าเดินเข้าข้างใน
ตลอดทางเดินกลับห้องพัก หญิงสาวเอาแต่นึกถึงถ้อยคำของบิดาซ้ำไปมาหลายรอบ ก่อนนำกุญแจไขประตูห้องและผลักเข้าข้างใน โดยไม่ทันสังเกตว่าขณะนี้อาทิตย์นั่งอยู่ตรงโซฟา ชายหนุ่มจ้องมองภรรยาสาวอย่างสงสัยในท่าทาง
“ลลิน”
“คะ” ร่างเล็กสะดุ้งตามเสียงเรียกของคนตัวโต จังหวะเดียวกันอาทิตย์ก็เดินมาหยุดตรงหน้าลลิน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ว่าพลางเอื้อมมือหนาปัดเส้นผมปรกหน้าไปทัดใบหูขาวสะอาด
“เปล่าค่ะ” พยายามแสร้งทำว่าไม่เป็นอะไรทั้งนั้น เพื่อต้องการปกปิดความรู้สึกส่วนลึกในใจ
“ลลินครับ” เขาจับหัวไหล่มนทั้งสองข้าง สายตาคมกริบจ้องกลีบปากอวบอิ่มอย่างเค้นคำตอบ
“หนูหิวจัง”
“อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง”
“พี่อาทิตย์คะ หนูหิวจริง ๆ” เธอมองคนตัวโตอย่างออดอ้อน ท่าทางของภรรยาคนสวยทำเอาชายหนุ่มยากจะปฏิเสธ สุดท้ายต้องยอมจำนนต่อคำพูดของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่ทำให้ทาน”
“วันนี้เราออกไปกินข้าวนอกบ้านกันนะคะ”
“ก็ได้ครับ”
“พี่อาทิตย์น่ารักที่สุดเลย” เธอเขย่งเท้าจูบแก้มสาก ขณะเดียวกันอาทิตย์ก็ดึงเอวคอดกิ่วให้มาแนบชิดและโน้มหน้าหล่อคมจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลา
“หนูรักพี่อาทิตย์มากเหลือเกิน” หญิงสาวโอบกอดคนตัวโตแน่นพร้อมซบหน้าหวานกับอกแกร่ง ไออุ่นจากตัวเขาทำเธอรู้สึกดีมากยิ่งนัก แต่เวลาเดียวกันก็รู้สึกผิดต่อเขามากเช่นกัน
“เป็นอะไรครับ ทำไมวันนี้ขี้อ้อนจัง”
“ขอหนูอยู่แบบนี้หน่อยนะคะ” เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งและซบหน้ากับอกล่ำสันตามเดิม
อาทิตย์ไม่ตอบโต้ด้วยคำพูดใด เขาลูบแผ่นหลังเล็กเบา ๆ อย่างอ่อนโยนปนนุ่มนวล
“อย่าเกลียดหนูเลย” เสียงหวานเอ่ยขึ้นแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน
“ว่าไงนะครับ”
“เปล่า งั้นหนูขอไปแต่งตัวก่อนนะคะ พี่อาทิตย์รอแป๊บนึงนะ” ลลินไม่คอยให้อีกคนซักไซ้มากนัก จึงรีบวิ่งเข้าห้องนอนเพื่อแต่งตัวเตรียมไปรับประทานอาหารเย็นกับสามีหนุ่ม
“ทำตัวน่าสงสัย มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะปรายตามองแผ่นหลังเล็กกำลังเดินจากไปจนลับหาย
