บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

“เด็กๆ ที่นี่มีหลายช่วงอายุค่ะ ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งอายุสิบแปด ทุกๆ ปีเราจะได้งบประมาณจากผู้บริจาคไว้ส่งเด็กๆ เรียนหนังสือให้สูงมากเท่าที่จะทำได้” มาดามเนปาตีอธิบายขณะพาเขาเดินเยี่ยมชมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของนาง แต่พอมาถึงสวนหย่อมเล็กๆ หลังบ้าน สายตาของเขากลับสะดุดอยู่ที่เด็กสาววัยสิบแปดอย่างลันลิตา...ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กๆ มีเพียงเธอที่เอาแต่นั่งเหม่อไม่พูดไม่จา แม้จะมีบ้างที่โบกไม้โบกมือให้น้องๆ แต่ไม่นานก็กลับมาซึมหงอยดังเดิม

“เด็กคนนั้นดูเศร้าๆ นะครับ”

“นั่นคือลันลิตาค่ะ แกเป็นคนไทย พ่อแม่ของแกมาฝากไว้ที่นี่ เป็นวัยรุ่นที่ทางบ้านส่งมาเรียนแล้วรักสนุกจนพลาด แกเป็นเด็กดี เรียนเก่งได้ที่หนึ่งตลอด แกเองก็กำลังเป็นกังวลก็เพราะรู้เรื่องสถานเลี้ยงเด็กของเรานี่แหละค่ะ”

แล้วหลังจากนั้นจะด้วยอะไรก็ตาม เขาก็เริ่มแวะเวียนมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเนปาตีบ่อยๆ และบ่อยครั้งที่เขาจะเห็นลันลิตานั่งจับกลุ่มกับเด็กคนอื่นๆ เพื่อสอนหนังสือให้น้องๆ จนในที่สุดก็ตอบตกลงให้ความช่วยเหลือกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และมอบทุนการศึกษาให้เด็กๆ ทุกคนจนกระทั่งเรียนจบปริญญา และเด็กสองคนแรกที่ได้รับทุนจากเขาก็คือ ลันลิตาและแอนนิต้า

ตลอดระยะเวลาหลายปี เขาเฝ้ามองดูการดำเนินชีวิตของเด็กสาวทั้งสองอยู่เงียบๆ โดยไม่คิดจะป่าวประกาศให้ใครต่อใครรับรู้ว่าเขาคือคนที่ยื่นมือมาช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ไว้ และสิ่งที่ทำให้เขาภูมิใจมากก็คือ ทั้งลันลิตาและแอนนิต้าต่างประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และวันที่สองสาวรับปริญญาก็เป็นวันแรกที่เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับลันลิตาแบบใกล้ชิดเป็นครั้งแรก และมันก็เป็นวันที่เขาต้องยอมจำนนต่อเสียงหัวใจตัวเองที่พยายามกักเก็บวันไว้หลายปีว่าความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวมันมากกว่าความชื่นชม แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเธอเป็นเด็กในอุปการะของเขา เขาไม่อยากจะทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดให้ใครมาดูถูกเอาได้ อีกอย่างดูเหมือนว่าลันลิตาเองก็มีคนที่คบหาอยู่แล้ว ไอ้คนที่มันทำให้เธอขาดสติอยู่ตอนนี้...

“ฮือๆ...เนตัน ทำไมถึงกับกับฉันอย่างนี้...” เสียงละเมอของคนตัวเล็กที่หลับลึกอยู่ข้างๆ ปลุกให้แฟรงคลินออกจากภวังค์ความคิดและถอนหายใจหนักๆ เมื่อหญิงสาวเริ่มส่งเสียงโวยวายอีกครั้ง จนยานิสอดถามอย่างเกรงๆ ไม่ได้

“นายครับ จะไหวมั้ยเนี่ย...เฮ้ย...นายๆๆ” แล้วบอดี้การ์ดหนุ่มก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อหันไปเห็นว่าลันลิตาทำท่าพะอืดพะอมจะสำรอกออกมาเต็มที มือบางนั้นก็ไคว้คว้ากลางอากาสและตบหนักๆ ที่ต้นแขนของแฟรงคลินอย่างคนหายใจไม่ออก

“เอิ๊ก...อึ๊ก...”

“เจค จอดรถ...” แฟรงคลินตะโกนเสียงดังแทบจะเป็นตวาดพร้อมกับจับร่างเล็กให้หันออกนอกประตูรถที่เปิด ผ่างออกทันทีเมื่อเจคอบจอดรถริมถนน และเกือบจะทันทีเช่นกันที่ลันลิตาปล่อยของเสียออกมาทางปากจนหมดเกลี้ยงโดยที่ชายหนุ่มคอยลูบหลังให้ ครั้นพอสำรอกออกมาจนหมดแล้วสาวเจ้าก็เอนหลังพิงเบาะรถอย่างหมดแรงในขณะที่สามหนุ่มได้แต่มองหน้ากันเหมือนจะปรึกษาบางอย่างจนในที่สุดเจคอบก็ต้องเสนอขึ้น

“ผมว่าพาเธอไปที่บ้านของเราก่อนดีมั้ยครับ อีกตั้งไกลกว่าจะถึงบ้านพักของเธอ เดี๋ยวจะแย่ยิ่งกว่านี้”

“นั่นสิครับนาย ดูท่าเธอจะไม่ไหวจริงๆ นะ ขืนปล่อยให้อยู่คนเดียวอาจจะเลวร้ายกว่านี้ก็ได้นะครับ” ยานิสเลือกที่จะเลี่ยงคำที่อาจทำให้ผู้เป็นนายจิตตก...ใช่ว่าเขากับเจคอบจะไม่รู้ความรู้สึกของเจ้านายที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่ารู้สึกยังไงกับหญิงสาวที่กำลังนอนเพ้อละเมอร้องไห้สะอึกสะอื้นหาคนรักเก่าอยู่ตอนนี้ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เพิ่งจะเกิดแค่ปีสองปีเสียเมื่อไหร่

นับตั้งแต่ที่ไปเยี่ยมชมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเนปาตีครั้งแรก แฟรงคลินก็กลับมาบ้านด้วยอาการที่ผิดแปลกไป และชอบชวนพวกเขาไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นบ่อยๆ และก็คอยชะเง้อชะแง้เหมือนหาใครบางคนจนถูกจับได้ แรกๆ ก็ยังไม่ยอมสารภาพออกมาหรอก จนกระทั่งคาดคั้นหนักเข้านั่นแหละถึงได้ยอมรับว่าแอบชอบเด็กสาวเชื้อสายไทยชื่อลันลิตา แต่พอยุให้จีบเจ้าตัวก็ปฏิเสธเสียงเข้มด้วยเหตุผลที่พวกเขาเองก็ยุไม่ขึ้นอีกว่า

“จะให้ฉันจีบได้ยังไง ลิต้ายังเด็กห่างกับฉันตั้งสิบปี แถมฉันยังอยู่ในฐานะผู้อุปการะเธออีกนะ อย่างนี้มาดามเนปาตีจะคิดยังไง”

และก็เพราะความคิดนี้แหละที่ทำให้แฟรงคลินต้องนั่งซดน้ำแห้วมาตลอดและต้องมาแอบดื่มน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในอยู่เพียงลำพังเมื่อลันลิตามีแฟน แม้จะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่ละคนก็ระดับท็อปโมเดลกันทั้งนั้นเข้ามาในชีวิตของเจ้านาย ทว่านายของเขาก็จำกัดความสัมพันธ์กับทุกคนแค่เพียงคู่นอน และหากใครคิดจะล้ำเส้นขึ้นมา ก็จะถูกตัดออกจากวงโคจรทันทีโดยไม่มีการต่อรอง

ไม่ถึงยี่สิบนาที รถคันหรูก็เลี้ยวเข้ามาตามซอยเล็กๆ อันเป็นนิวาสถานคฤหาสน์สุดหรูที่แฟรงคลินและบอดี้การ์ดทุกคนเรียกว่า ‘บ้าน’ โดยมีบอดี้การ์ดกว่าสิบคนมาคอยต้อนรับ ด้านหน้าตึกนั้นคุณแม่บ้านวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนในชุดคอจีบกระโปรงจีบรอบพองๆ สีน้ำเงินสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนรีบวิ่งจนเกือบจะลื่นล้มออกมาต้อนรับเจ้านายหลังจากที่นั่งรออยู่หลายชั่วโมง เพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไปห้าทุ่มเกือบๆ จะเที่ยงคืนแล้ว

“คุณแฟรงค์ วันนี้กลับดึกจังนะคะ...ทาน...” คำถามของคุณแม่บ้านออแกนถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอตามเดิม พร้อมๆ กับที่รูม่านตาขยายกว้างขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายสุดหล่อที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ อุ้มเอาร่างของหญิงสาวแปลกหน้าที่หลับไม่ได้สติลงจากรถทั้งยังกระชับอยู่ในอ้อมกอดแน่น “ตะ...ตายแล้ว คุณแฟรงค์ ใครคะนั่น”

“เอาไว้ผมค่อยอธิบายนะครับป้าออแกน ตอนนี้ช่วยหากะละมังใส่น้ำอุ่นกับผ้าขนหนูให้ผมที” สั่งแค่นั้น ร่างสูงสง่าก็อุ้มลันลิตาเข้าไปในบ้านเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเองทันทีไม่สนป้าแม่บ้านที่กำลังอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นเพราะตั้งแต่แฟรงคลินเจริญวัยเข้าสู่วัยคะนองจนตอนนี้ก็อายุก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว นางยังไม่เคยเห็นชายหนุ่มจะพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านสักคนเดียว นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ

“นี่ๆ เจค ยานิส ผู้หญิงคนนั้นใครหรือ แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณแฟรงค์ถึงพาเธอมา ท่าทางเธอดูเหมือน...”

“ป้าออแกนรอถามนายเองดีกว่านะครับ ผมสองคนขอตัวก่อนนะ เหนื๊อย...เหนื่อย...กู๊ดไนท์ครับ” ยานิสตัดบทสั้นๆ ทั้งยังยื่นหน้าไปหอมหญิงอาวุโสที่เขานับถือเหมือนแม่คนหนึ่งตามประสาคนขี้เล่นจนได้รับค้อนปะหลับปะเหลือกจากออแกน แต่ครั้นสองหนุ่มขับรถไปเก็บยังโรงจอดรถและกลับเข้าไปในห้องพักบอดี้การ์ด นางก็อมยิ้มน้อยๆ และส่ายหน้ากึ่งๆ ระอา กึ่งๆ เอ็นดูเด็กที่นางเห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel