บทที่ 2 ประตูมิติ
บัวชมพูสะดุ้งสุดตัว เมื่อเรื่องเก่ายังตกใจไม่หาย เรื่องใหม่ก็เข้ามาแทรก!
การกระโดดลงไปในสระบัวแล้วมาโผล่ที่อื่นก็ชวนให้ขนหัวลุกพอแล้ว เธอยังนึกไม่ออกว่าตนจมน้ำตายจนได้มาเกิดใหม่หรืออย่างไร น้ำเสียงดุดันและเปี่ยมด้วยอำนาจก็ตะคอกเสียจนเธออยากจะมีกระดองให้มุดเข้าไปซ่อนตัวได้แบบเต่าน้อยจริง ๆ
ร่างบอบบางในชุดเจ้าสาวสีแดงสดค่อย ๆ หมุนตัวไปหาเจ้าของเสียง ในใจภาวนาว่าขอให้ไม่เจอกับภูตผีปีศาจ ทว่าทันทีที่เธอหันกลับไป ต้องพบกับปลายกระบี่คมกริบที่จ่อคอของตน
“นี่เจ้า...”
ผู้ชายที่ถือกระบี่จ่อคอบัวชมพูก็ดูเหมือนจะตกใจไม่น้อย คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันจนบัวชมพูทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ยกมือขึ้นอย่างยอมจำนน แล้วมองผู้ชายตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่
ชายหนุ่มสวมชุดผ้าไหมจีนสีเทาเงินปักลายพยัคฆ์ รูปร่างของเขาสูงใหญ่องอาจยิ่งกว่าเพื่อน ๆ ในแก๊งสัปดนของเธอเสียอีก ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่ดูดุดันกำลังจ้องมองมาที่บัวชมพู ดวงตาสีดำสนิทแสดงอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งงุนงง สงสัย และคล้ายกับว่ากำลังดีใจในคราวเดียวกัน
บัวชมพูไม่รับรู้ถึงอารมณ์ในสายตาของคนตรงหน้า รู้แค่ว่ามีของมีคมจ่ออยู่ที่คอของเธอ เพียงแค่ผู้ชายคนนั้นขยับมือเพียงนิดเดียว กระบี่เล่มนั้นคงได้แทงทะลุคอของเธอแน่
เธอแทบจะยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นแล้ว
การที่มีชายแปลกประหลาดถือกระบี่เตรียมพร้อมฟันคอของตนทำให้บัวชมพูแทบจะปัสสาวะลงสระบัวด้วยความตื่นกลัว ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้ช่วยลดทอนความน่ากลัวในน้ำเสียงและท่าทางดุดันของเขาแม้แต่น้อย วินาทีนี้ต่อให้ผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรจุติลงมา ก็ไม่สามารถช่วยให้เธอหายกลัวได้
ไม่เอาแล้ว!
บัวชมพูตัดสินใจก้าวถอยหลังหนีคมกระบี่ แต่เพราะพื้นสระบัวนั้นเต็มไปด้วยดินโคลนลื่นๆ จึงทำให้ร่างของเธอหงายหลังลงไปในสระบัว
เมื่อแรกที่ร่างของตนจมลงใต้น้ำ บัวชมพูได้ยินเสียงของชายคนเดิมตะโกนออกมาเป็นภาษาที่เธอเองก็ฟังไม่เข้าใจ จนเธอไม่กล้าที่จะโผล่ขึ้นไปเหนือผิวน้ำ แต่เมื่อตนสำลักน้ำทั้งยังขาดอากาศหายใจ สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดก็พาตัวเองตะเกียกตะกายขึ้นมาเหนือน้ำจนได้
“ไอ้บัว ไอ้บ้า! นึกว่าจมน้ำตายไปแล้ว” ชานนท์ที่ลงมาอยู่ในสระบัวช่วยดึงร่างของบัวชมพูขึ้นมา
“นนท์?” บัวชมพูเรียกอย่างงุนงง “แกเองเหรอ”
“เห็นเป็นแจคสัน หวังหรือไงล่ะ”
“นี่...นี่บ้านฉัน?”
“ก็ต้องบ้านแกสิ นี่กินน้ำในสระจนสติหลุดไปแล้วเหรอ”
บัวชมพูไม่รู้ว่าควรจะตอบเพื่อน ๆ ที่กำลังมองมาที่เธออย่างไร หญิงสาวมองไปยังริมสระบัวก็เห็นวรกานต์ถูกแก๊งสัปดนจับตัวไว้ คนในครอบครัวของเธอและบรรดาญาติก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วย แต่นั่นก็ยิ่งชวนให้เกิดความสงสัยว่า สถานที่และผู้ชายคนที่เธอเพิ่งได้เห็นเมื่อครู่เป็นของจริงหรือไม่ หรือเพราะว่าเธอบังเอิญจมน้ำแล้วหมดสติไปในช่วงเวลาสั้น ๆ จนเกิดเป็นภาพความฝันประหลาดขึ้นมากันแน่
“ฉัน...ฉันยังอยู่ที่บ้านเนอะ”
บัวชมพูดูคล้ายคนที่กำลังตกใจสุดขีด จนคนอื่นลอบมองหน้ากันสลับกับมองใบหน้าขาวซีดของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ไหวหรือเปล่าวะ รีบขึ้นมาก่อน เดี๋ยวได้โดนปลาแรดกัดจนได้” ธัญกรณ์ที่ยืนอยู่ขอบสระเอื้อมมือมาช่วยดึงบัวชมพูขึ้นจากสระบัว โดยมีชานนท์ช่วยประคอง
ร่างเล็กในชุดเจ้าสาวสีแดงขึ้นมายืนอย่างมั่นคงบนพื้น พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ที่นี่เป็นบ้านของเธอไม่ผิดแน่ ไม่มีทั้งเรือนแบบจีนโบราณ สะพานครึ่งวงกลม หรือผู้ชายในชุดสีเงินที่ถือกระบี่จ่อคอเธอ
บางทีเธออาจจะแค่ฝันไปจริง ๆ
“แล้วเรื่องงานแต่งจะว่ายังไง” บวรณ์ พ่อของบัวชมพูที่ยืนมองเหตุการณ์เอ่ยถามขึ้น
“ยกเลิกค่ะ!” หญิงสาวตอบโดยไม่ต้องคิด
“บัว...” วรกานต์เรียกเสียงอ่อน
“รีบไสหัวไปจากบ้านฉัน ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วฆ่าแกตรงนี้!”
“หนูบัว แม่ว่า...”
“แม่ไม่ต้องว่าอะไรทั้งนั้นค่ะ” บัวชมพูตัดบทแม่ของวรกานต์ที่พยายามจะช่วยไกล่เกลี่ยแทนลูกชาย “ลูกชายแม่ทำบัวแสบมาก แทนที่แม่จะช่วยพูดแทนเขา บัวว่าไปพูดเรื่องหลานของแม่ในท้องของผู้หญิงสามคนนั่นดีกว่าค่ะ”
แม่ของวรกานต์พูดอะไรไม่ออก เดิมทีคิดว่าลูกชายโชคดีที่ได้แต่งงานกับลูกสาวเจ้าของร้านเพชรชื่อดัง แต่ลูกชายตัวดีกลับทำเสียเรื่องจนได้
น่าเจ็บใจนัก!
“ได้ยินที่ลูกดิฉันพูดแล้วนะคะ” บัวบุษยา แม่ของบัวชมพูพูดเสียงเย็น “เชิญคุณกับลูกชายออกไปจากบ้านของดิฉันด้วยค่ะ”
“แต่...”
บัวชมพูไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร เธอพาตัวเองที่เปียกตั้งแต่หัวจดเท้าเดินเข้าไปในบ้าน อย่างน้อยเธอก็ไม่สมควรต้องเป็นปอดบวมเพราะผู้ชายเฮงซวยคนนั้น
ที่สำคัญ เธออยากจะสลัดชุดเจ้าสาวที่เป็นเครื่องแสดงความโง่ของตัวเองนออกไปให้พ้นกายเต็มที
สิ้นสุดกันที กับความรักที่เคยคิดว่ามี!
หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว บัวชมพูก็นอนแผ่บนเตียง คนที่บ้านและเพื่อนของเธอต่างเข้าใจว่าหญิงสาวยังไม่พร้อมจะพูดคุยกับใคร จึงไม่มีใครตามมารบกวน
บัวชมพูถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขณะพลิกตัวไปมาบนที่นอน ทั้งที่เพิ่งผ่านการทรยศหักหลังจากคนรัก แต่เธอกลับไม่รู้สึกเสียใจเท่าที่ควร แม้จะผิดหวังและโมโหจนแทบจะฆ่าวรกานต์ให้ตายคามือได้ ทว่าความเสียใจนั้นกลับเป็นความรู้สึกที่เจือจาง ราวกับว่าความรู้สึกผิดหวังได้ลดทอนความเจ็บปวดจนแทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในใจ
และในขณะเดียวกันบัวชมพูก็ค้นพบว่า เรื่องที่เธอกำลังครุ่นคิดหัวแทบแตกกลับไม่ใช่เรื่องการแต่งงานที่พังพินาศ แต่เป็นสิ่งที่เพิ่งได้พบเจอ หลังจากกระโจนลงไปในสระบัวต่างหาก
“ฝันจริง ๆ เหรอ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง
ภาพสถานที่และผู้ชายคนที่เธอได้เห็นนั้นสมจริงมากเกินกว่าจะให้เชื่อว่าเป็นเพียงความฝัน หรือเป็นการมโนของตัวเธอเอง สิ่งที่เธอได้เห็นยังติดตา เสียงที่ได้ยินยังติดอยู่ในสองหู ผู้ชายคนนั้นพูดกับเธอด้วยภาษาที่เธอคิดว่าเป็นภาษาจีน แม้จะจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้างก็ตาม เพราะสำเนียงและการออกเสียงที่ได้ยินนั้นแตกต่างจากที่เธอเคยพูดเคยฟัง ราวกับไม่ใช่ภาษาจีนที่เธอเคยใช้ จนบางคำฟังไม่ออกด้วยซ้ำว่ากำลังพูดภาษาอะไรแน่
หรือนั่นจะเป็นสำเนียงท้องถิ่น เหมือนที่ในภาษาไทยยังมีภาษาเหนือ ภาษาใต้ และภาษาอีสาน
ภาพใบหน้าของผู้ชายที่ทำท่าเหมือนจะฟันคอเธอให้ขาดกระเด็น ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของบัวชมพู เขาเป็นคนที่มีใบหน้าหล่อเหลาเทียบชั้นกับดาราดัง ๆ หลายคนเลยด้วยซ้ำ ทว่าก็ดูดุดัน จริงจัง และน่ายำเกรง คนแบบนี้จะเป็นเพียงแค่คนที่เธอจินตนาการขึ้นมาจริง ๆ หรือ? แล้วเพราะอะไร เธอถึงได้มโนภาพผู้ชายคนนี้ขึ้นมาในหัว
หรือว่าเรื่องทั้งหมดจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝัน
บัวชมพูลุกขึ้นมานั่งครุ่นคิด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะฝันเป็นเรื่องเป็นราวได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ที่อยู่ใต้น้ำ เธอไม่ใช่คนว่ายน้ำไม่เป็น จะได้จมน้ำตื้น ๆ แค่นั้น และความรู้สึกบางอย่างก็บอกกับเธอว่า สิ่งที่ได้เห็นนั้นเป็นสิ่งที่เธอสามารถจับต้องได้
บัวชมพูไม่สามารถทนปล่อยให้ความสงสัยรบกวนจิตใจได้อีก หญิงสาววิ่งออกจากห้องนอนแล้วตรงไปที่สระบัวหน้าบ้าน โดยไม่สนใจต่อเสียงร้องเรียกใด ๆ ของคนในครอบครัว เวลานี้ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่ากับความสงสัยที่กำลังก่อกวนจิตใจของเธออีกแล้ว
ร่างระหงวิ่งมาหยุดอยู่ที่ริมสระบัว ทอดสายตามองลงไปในนั้น แม้ภาพกระบี่ที่จ่อคอตัวเองจะทำให้เธอนึกกลัว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจของหญิงสาวจึงเชื่อมั่นว่าเจ้าของกระบี่จะไม่มีวันทำร้ายเธออย่างแน่นอน
ใช่ ความรู้สึกของเธอบอกแบบนั้น เขาไม่มีวันทำร้ายเธอ
และเพราะเหตุผลนั้นเอง ที่ทำให้บัวชมพูตัดสินใจกระโดดลงไปในสระบัวอีกครั้ง!
บัวชมพูตะเกียกตะกายอยู่ใต้น้ำครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจโผล่ศีรษะขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แล้วก็เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้ สถานที่ที่อยู่เบื้องหน้าไม่ใช่บ้านของเธออย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นเรือนหลังเดิมที่เธอโผล่ขึ้นมาเห็น ตอนที่พยายามตามวรกานต์ลงไปในสระบัว จะต่างจากเดิมก็ตรงที่คราวนี้ไม่มีใครถือกระบี่รอฟันคอเธอเหมือนครั้งที่แล้ว
หญิงสาวตัดสินใจปีนขึ้นจากสระบัว สองเท้าเต็มไปด้วยดินโคลน เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวยาวซับน้ำขุ่นจนดูสกปรก บัวชมพูเบะปากเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นประหลาดทั้งจากโคลนและน้ำที่เปียกตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า หากนี่เป็นการเดินทางข้ามภพข้ามมิติเหมือนในนิยายที่เธอเคยอ่าน คงเป็นการข้ามมิติที่เลอะเทอะที่สุด ส่วนสระบัวที่บ้านของเธอกับสระบัวที่บ้านหลังนี้ คงเปรียบเสมือนประตูมิติที่นำเธอไปกลับระหว่างสถานที่ทั้งสอง
แบบนี้พวกปลาแรดในสระจะข้ามมิติมาได้หรือเปล่านะ?
ระหว่างที่บัวชมพูกำลังคิดอะไรไร้สาระอยู่นั้นเอง เงาร่างสูงสง่าก็ปรากฏกายขึ้น บุรุษในชุดดำหยุดชะงักเล็กน้อย เธอจำได้ว่าเขาคือคนที่เธอเคยเจอเมื่อคราวก่อน หญิงสาวรีบก้าวถอยหลังหนีเมื่อภาพที่เขาใช้กระบี่จ่อคอเธอผุดขึ้นในความคิด
“ระวัง!” น้ำเสียงเข้มๆ เอ่ยเตือน เมื่อบัวชมพูกำลังจะก้าวถอยหลังตกลงไปในสระ
เพียงชั่วพริบตาที่บัวชมพูคิดว่าตัวเองกำลังจะล้มหงายหลังตกลงไปในสระบัว บุรุษตรงหน้าก็เข้ามาคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน สองแขนแข็งแรงดั่งเหล็กกล้ารั้งตัวบัวชมพูที่เกือบจะตกลงไปในสระบัวให้กลับมายืนอย่างมั่นคง โดยไม่ฉวยโอกาสล่วงเกินแม้แต่น้อย
เขาเข้ามาช่วยเธอไว้แบบนี้ คงจะไม่เอากระบี่มาจ่อคอเธออีกแล้วละมั้ง
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่ช่วยไม่ให้เธอตกลงไปในสระบัว ใบหน้าที่ดูเย็นชาก้มลงมองเธอเช่นกัน เขามีดวงตาคมสีดำสนิทที่สวยมาก ๆ สวยจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือดวงตาของผู้ชาย และวินาทีที่สบตานั้นเอง ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของบัวชมพูอย่างช่วยไม่ได้
โคตรหล่อ!
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่หน้าตาดีแค่ผิวเผิน แต่มีความสุขุมนุ่มลึกและดูมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างร้ายกาจ เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายที่สามารถสร้างหายนะให้ผู้หญิงที่มองมาที่ตนได้ จนบัวชมพูต้องพยายามตั้งสติไม่ให้เตลิดไปกับผู้ชายตรงหน้า
เธอเพิ่งผ่านการยกเลิกงานแต่งงานมาหมาด ๆ จะมาปลื้มผู้ชายคนใหม่ทันทีแบบนี้ไม่ได้!
“เอ่อ...” บัวชมพูยกมือขึ้นดันแผงอกของเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่เบา ๆ สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดเสื้อผ้าสีดำนั้น ทำเอาเธอแทบจะหยุดหายใจ
ผู้ชายคนนี้เป็นอันตรายสำหรับผู้หญิงจริงๆ ด้วย!
“!@#$%^&” น้ำเสียงดุ ๆ เอ่ยขึ้น ในขณะที่คนพูดทำสีหน้าและท่าทางดุดันไม่แพ้กัน
“อะไรนะ” บัวชมพูถามออกไปอย่างงุนงง เมื่อได้ยินภาษาที่เธอค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นภาษาจีน เพียงแต่สำเนียงที่เปล่งออกมานั้นไม่คุ้นหู จนเธอเกือบจะฟังไม่รู้เรื่อง
“เหตุใดไม่รู้จักระวัง” ชายหนุ่มพยายามพูดให้ช้าลง แต่น้ำเสียงยังคงรักษาความดุดันไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย “เมื่อวานก็ลื่นล้มหงายหลังไปหนหนึ่งแล้ว วันนี้ยังอยากจะล้มอีกหรืออย่างไร!”
“เมื่อวาน?” บัวชมพูทวนคำเป็นภาษาจีนอย่างแปลกใจ “ฉันเพิ่งมาที่นี่เมื่อสักสองชั่วโมงก่อนนี่เอง”
“นั่นเจ้าพูดภาษาอะไร” อีกฝ่ายถามอย่างงุนงง เห็นได้ชัดว่าเขาฟังที่เธอพูดไม่เข้าใจ พอ ๆ กับที่เธอเองก็ไม่เข้าใจที่เขาพูดเช่นกัน
“เวรกรรม” บัวชมพูพึมพำเป็นภาษาไทย ก่อนพยายามพูดภาษาจีนช้า ๆ ชัด ๆ กับผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง
“ฉัน-เพิ่ง-มา-ที่-นี่-เมื่อ-สอง-ชั่ว-โมง-ก่อน-ไม่-ใช่-เหรอ”
“สองชั่วโมง?” ท่านผู้หล่อเหลาทวนถามอย่างสงสัย “หมายความว่าอย่างไร”
อ้าว! คิดสิคิด สองชั่วโมง ถ้าใช้คำศัพท์โบราณต้องพูดว่าอะไร
บัวชมพูเริ่มเครียด คำนี้ขนาดจะพูดภาษาไทยแบบยุคออเจ้าที่เคยอ่านในนวนิยายเรื่องบุพเพสันนิวาส บทประพันธ์ของคุณรอมแพง เธอก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าต้องพูดยังไง แล้วนี่ต้องพูดภาษาจีน ยิ่งทวีความยากเข้าไปอีกมหาศาลล้านเท่า หญิงสาวพยายามคิดหัวแทบแตกว่า ตอนที่เธอดูซีรีส์จีนโบราณ เขานับเวลากันแบบไหน จนเกือบยกมือขึ้นมาทุบหัวตัวเองอยู่แล้ว
“ชั่วยาม!” บัวชมพูร้องขึ้นด้วยความดีใจเมื่อนึกออก “ฉันเพิ่งมาที่นี่เมื่อประมาณหนึ่งชั่วยามก่อนไม่ใช่เหรอ”
“เจ้ามาเมื่อวานต่างหาก” ท่านผู้หล่อเหลาตอบ
แสดงว่าเวลาที่บ้านของเธอกับที่นี่คงไม่ตรงกันสินะ
“เจ้าเป็นใคร มาจากที่ใด” ชายหนุ่มถามขณะพิจารณาเสื้อผ้าที่บัวชมพูสวมใส่
หญิงสาวตรงหน้าเขาอยู่ในชุดเสื้อสีขาวแขนยาวที่ไม่ได้ปักลวดลายใด ๆ เสื้อตัวนั้นยาวเพียงแค่ต้นขาของนางเท่านั้น ส่วนกางเกงที่สวมอยู่ก็สั้นจนแทบจะหายเข้าไปในเสื้อ
ต้องเป็นสตรีเช่นไร จึงจะแต่งตัวเช่นนี้ได้!
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” เขาพูดขึ้นทั้งที่บัวชมพูยังไม่ได้แนะนำตัว
“อาบไปก็เท่านั้น เดี๋ยวมาใหม่ก็เลอะเหมือนเดิมนั่นแหละ” บัวชมพูเข้าใจว่าเขาคงไล่ให้เธอกลับไปอาบน้ำที่บ้าน
“เจ้าพูดอะไร เหตุใดจึงฟังไม่รู้ความ”
บัวชมพูอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก ด้วยสำนวนและสำเนียงที่แตกต่างกันนั้น ต่อให้ใช้ภาษาไทยก็ยังยากที่จะสื่อสารกันให้เข้าใจ แล้วนี่เป็นภาษาจีน แม้เธอจะมีเชื้อสายจีนและชอบดูซีรีส์จีนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ภาษาจีนที่เธอเคยใช้ก็ไม่ได้พูดยาก ฟังยากขนาดนี้
“บัวชมพู” หญิงสาวชี้ตัวเองขณะแนะนำตัว “ฉัน-ชื่อ-บัวชมพู”
“!@#$%^&” ดูเหมือนว่าการพยายามออกเสียงคำว่า ‘บัวชมพู’ ของท่านผู้หล่อเหลาจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างรุนแรง
“อ้อ เหลียน!” บัวชมพูชี้ไปที่ดอกบัวในสระ แล้วหันกลับมาชี้ที่ตัวเองอย่างดีใจ เมื่อนึกความหมายของชื่อตัวเองเป็นภาษาจีนออก “เหลียนฮวา! ฉันชื่อเหลียนฮวา!”
เหลียนฮวาในภาษาจีนแปลว่าดอกบัว ถ้าเป็นคำนี้ เขาน่าจะพอออกเสียงได้
“เหลียนเอ๋อร์” ท่านผู้หล่อเหลาพึมพำเบา ๆ แต่บัวชมพูก็ยังได้ยิน
เรียกได้น่ารักไปอีก!
“คุณชื่ออะไร” บัวชมพูถามบ้าง
“ฝูซิ่นเล่อ” น้ำเสียงเย็นชาตอบสั้น ๆ
“ฝูซิ่นเล่อ” บัวชมพูพูดตาม “ยินดีที่ได้รู้จัก”
ฝูซิ่นเล่อยังคงมองบัวชมพูอย่างพิจารณา จนหญิงสาวรู้สึกประหม่า ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปมองรอบ ๆ เมื่อเห็นว่ามีสาวใช้เดินผ่านมาก็เรียกไว้ทันที
“ไป๋อวี้”
“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ” สาวใช้ที่ถูกเรียกว่าไป๋อวี้เดินเข้ามาหาฝูซิ่นเล่อทันที
“พานางไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เอาชุดของพี่สาวข้าให้นางใส่ไปก่อน”
ไป๋อวี้มองบัวชมพูที่ทั้งเปียกทั้งเลอะเทอะไปทั้งตัว แถมยังมีกลิ่นสาบโคลนโชยออกมาจากตัวอีก นางรู้ดีว่าแม้ฝูซิ่นเล่อจะเป็นบุรุษและเป็นทหาร แต่เขาก็ไม่ชอบเห็นสตรีสกปรก สาวใช้ทุกคนในจวนจึงต้องระมัดระวังให้ตัวเองสะอาดสะอ้านอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เป็นนายไล่ตะเพิดพวกนางออกไปจากจวนโหว
การแต่งตัวของบัวชมพูทำให้ไป๋อวี้ขมวดคิ้ว เกิดมานางไม่เคยเห็นสตรีใดแต่งตัวเปิดเปลือยอวดเรียวขาเช่นสตรีตรงหน้ามาก่อน นางวิ่งหายเข้าไปในเรือนแล้วนำผ้ามาให้บัวชมพูห่ม ก่อนพาเธอไปยังห้องอาบน้ำเพื่อชำระร่างกาย ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคนในจวน
บัวชมพูมองไปรอบ ๆ พลางส่งยิ้มกว้าง ๆ ให้คนไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ฝูซิ่นเล่อที่เดินทำหน้าดุตามหลังมา
ดูเหมือนว่าการเดินทางข้ามมิติครั้งนี้ จะมีเรื่องน่าสนุกรอเธออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว!
