บทที่ 3 ผู้ชายที่ชื่อผาภูมิ 2
เขาปล่อยให้ความขี้ขลาดรั้งตัวเองไว้ให้ไกลเธอ เขาไม่อยากเจ็บปวดเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอในยามที่ได้พบหน้าเขา
เขาไม่รู้ว่าเอื้องลดาจดจำใบหน้าของนักรบไว้ได้แม่นยำแค่ไหน เธออาจจำได้ขึ้นใจหรือบางทีคงแค่เลือนลางเต็มทนในความรู้สึก
จะว่าไปตอนนี้เขาเองก็ต่างออกไปมาก ผมที่เคยยาวปะบ่าถูกตัดสั้นดูเรียบร้อยสะอาดตา ใบหน้าปราศจากหนวดเคราเขียวครึ้ม ผิวพรรณก็ดูเกลี้ยงเกลาขึ้นกว่าตอนที่ใช้ชีวิตลำบากอยู่ในป่าเขาจนผิดหูผิดตา
เสียงเคาะประตูและเปิดออกโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตทำให้ผาภูมิลืมตาขึ้นมองทันที สาวงามเรือนร่างสูงเพรียวสมบูรณ์แบบในชุดเดรสสีแดงเพลิงโบกมือและยิ้มหวานส่งให้ ก่อนจะรีบปรี่เข้ามาคลอเคลียอยู่แนบชิด ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดึงมือที่ลูบไล้อยู่บนอกกว้างให้ละห่างออกไป แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ผมกำลังอยากเจอคุณอยู่พอดี”
เสียงนิ่งขรึมเอ่ยออกมา
“คิดถึงลิซ่าหรือคะคุณผา แหม...ถ้างั้นเย็นนี้เราไปดินเนอร์กันนะคะ”
นางแบบสาวลูกครึ่งไทยอังกฤษจีบปากจีบคอพูด แล้วขยับเข้ามากอดแขนกำยำไว้แน่น ไม่ลืมจงใจใช้หน้าอกอวบอิ่มถูไถชายหนุ่มอย่างยั่วยวนด้วย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผาภูมิสนใจแต่อย่างใด เขาดึงมือเธอออกไปให้ห่าง ดวงตาแข็งกร้าวตวัดมองสบตาอย่างจริงจัง
“ทำไมถึงปล่อยข่าวลือออกไปแบบนั้น”
“ข่าวลืออะไรกันคะ?” เจ้าหล่อนถามพาซื่อ
“อย่าเสแสร้ง คุณรู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร”
ผาภูมิเอ่ยเสียงเย็น
“เอ่อ...ลิซ่าไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ นะคะ วันก่อนที่เราอยู่ด้วยกันที่ห้องอาหารของโรงแรม สงสัยจะมีพวกปาปารัซซีด้วยก็เลยเอาไปเขียนข่าวเรียกกระแส บอกตามตรงนะคะว่าลิซ่าเองก็ตกใจเหมือนกันที่เห็นข่าวเมื่อเช้า คุณผาอย่าลืมสิคะว่าลิซ่าเป็นผู้หญิง ข่าวแบบนี้มันทำให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่านะคะ” หญิงสาวให้เหตุผล แต่มันกลับฟังไม่ขึ้นเลยในความรู้สึกของคนฟัง
“คุณชวนกึ่งบังคับให้ผมลงไปทานอาหารกับคุณ ด้วยเหตุผลที่ว่าครอบครัวของคุณเป็นแขกวีไอพีของริเวอร์ไซด์มานานหลายปี แต่การทานอาหารด้วยกันแค่เพียงครั้งเดียว นักข่าวกลับเขียนข่าวว่าเรากำลังจะหมั้นกัน ผมว่ามันดูเกินความจริงไปหน่อย ถ้าเห็นเราอยู่ด้วยกันในห้องสวีทของโรงแรม ผมจะไม่แปลกใจกับข่าวนั่นเลย”
“ลิซ่าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น บางที...ทุกคนอาจมองว่าเราเหมาะสมก็ได้นะคะ”
“คงไม่หรอกครับ” ผาภูมิแย้งทันควัน
“จริงๆ นะคะ อันที่จริงครอบครัวของเราสองคนก็สนิทสนมกันมาก นี่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของคุณผายังอยู่ ลิซ่าว่าเราสองคนคงได้สานต่อความสัมพันธ์กันแบบยาวๆ แน่เลยค่ะ นี่คุณพ่อของลิซ่าก็พูดเปรยๆ อยู่เหมือนกันนะคะว่าอยากชวนคุณผาไปรับประทานด้วยกันสักมื้อ” เธอขยับเข้ามาประชิดตัวอีกครั้ง วางมือนุ่มนิ่มลงบนอกเขาแล้วลูบไล้เบาๆ
“ฝากเรียนคุณริชาร์ดด้วยนะครับว่าขอบคุณมาก แต่ผมคงรับคำเชิญไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะมีคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของผมกับคุณลิซ่าอีก ผมเป็นนักธุรกิจที่มุ่งหวังเพียงแค่การบริหารงานออกมาให้ดีที่สุด ไม่ได้อยากมีรูปหราอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือโลกออนไลน์” ดวงตาที่ใช้มองสาวลูกครึ่งคนสวยนั้นเยือกเย็นจับใจ ทำเอาลิซ่ารู้สึกสะท้านไปทั้งตัว ถึงอย่างนั้นก็ยังทำใจดีสู้เสือเอ่ยต่อไปอีก
“ลิซ่าไม่ถือสาเรื่องข่าวหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณผาถือ...”
“ใช่ครับ ผมถือ เพราะผมมีคนที่ผมหมายปองอยู่แล้ว” คำตอบนี้ไม่ต่างจากการเอาความจริงตบหน้าลิซ่าเข้าอย่างจัง
หญิงสาวผงะถอยห่างไปสองสามก้าว ใบหน้างามเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าชายหนุ่มจะกล้าพูดออกมาตรงๆ อย่างนี้
“ลิซ่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าคุณผาคบกับคนอื่นอยู่” เสียงที่เจือความโกรธถามออกไป
“อย่างที่บอกครับ ผมไม่ชอบเป็นข่าว” เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มมีเสน่ห์มาก แต่ก็ร้ายกาจใช่ย่อย
“แต่ลิซ่า...”
“ถ้าคุณลิซ่าไม่มีธุระอะไรกับผมแล้ว ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ ตอนนี้จวนจะห้าโมงเย็นแล้ว อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ ยังไงขับรถระมัดระวังด้วยก็แล้วกัน”
ผาภูมิตัดบทการสนทนาลงเพียงแค่นั้น ไม่สนใจอาการอึกอักของนางแบบสาวสวยอีก เขาหันไปคว้าเสื้อสูทมาสวม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อโทร.บอกเขมว่ากำลังลงไปข้างล่างแล้ว ให้เตรียมรถมารอรับอยู่หน้าโรงแรมได้เลย
ผาภูมิไม่สนใจเอ่ยลาลิซ่าด้วยซ้ำ เพราะต้องการให้อีกฝ่ายตัดใจจากเขาไปเสีย
เธอไม่ได้รักเขา แต่แค่รักในความร่ำรวยของเขาและคิดว่าผู้ชายอย่าง ผาภูมิ โสภณวิสุทธิ์สรณ์ เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งนั่นไม่จริงเลย ถ้าลิซ่าได้รู้ว่าอดีตเขาเคยเป็นใคร
เธอจะไม่มีวันเฉียดกรายเข้ามาใกล้เขาอีกแน่...
เมื่อรถเคลื่อนตัวมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ฝนก็ตกหนักลงมาแบบไม่ลืมหูไม่ลืมตา ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ในรถตรงตำแหน่งเบาะหลัง มองไปยังบ้านที่คุ้นเคยจากการแอบเฝ้าดูมานานอย่างสงบนิ่ง
ไม่ได้พบหน้าเจ้าของนานนับเดือนแล้ว ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับความจริงในวันพรุ่งนี้ เขาจึงอยากเห็นหน้าเธอก่อนเพื่อเป็นกำลังใจต่อเติมความกล้าให้ตัวเอง
เอื้องลดา...
ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มโศกเศร้ายังตราตรึงอยู่ในหัวใจ แต่ทันใดนั้นภาพดวงหน้าซีดเผือดเปื้อนน้ำตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็ผุดแทรกขึ้นมาในหัว
ไม่มีวันไหนเลยที่ความเจ็บปวดของหญิงสาวจะไม่ตามหลอกหลอนเขา เสียงกรีดร้อง แรงต่อสู้จากมือน้อย หยาดน้ำตาที่หลั่งรินไม่ขาดสาย ทำให้ผาภูมิไม่เคยมีเสียงหัวเราะได้เลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ผาภูมิถอนหายใจ ยกนิ้วขึ้นนวดเบาๆ บนสันจมูก ไม่มีสิ่งใดบอกได้เลยว่าการพบกันในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เธออาจจำเขาไม่ได้ หรือไม่ก็จำได้ตั้งแต่ตอนแรกที่นัยน์ตามองสบประสานกัน
หากเป็นอย่างหลัง เขาจะทนยอมรับความเกลียดชังจากดวงตาคู่นั้นไหวหรือเปล่านะ...
ตลอดสามปีที่ผ่านมา เอื้องลดาไม่ได้จมปลักอยู่กับเหตุการณ์นั้นอย่างที่ควรจะเป็น เธอใช้ชีวิตท่ามกลางผู้คนได้เป็นปกติ ไม่หวาดกลัวเมื่อต้องเข้าใกล้ผู้ชาย แต่เธอจะตึงเครียดขึ้นมาทันทีที่มือหยาบหนาของใครสักคนสัมผัสผ่านมาโดนตัวเข้า เธอเก็บงำเรื่องคืนนั้นไว้เป็นความลับ ไม่มีใครล่วงรู้เลยนอกจากยายซอมพอที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“เราจะกลับกันเลยไหมครับ ฝนเริ่มแรงขึ้นทุกทีแล้ว” เขมถาม เห็นว่าเจ้านายนั่งมองบ้านของเอื้องลดาอยู่เงียบๆ มานานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
“อืม” ผาภูมิตอบเพียงแค่นั้น
“ครับ”
เขมพยักหน้ารับรู้ เหลือบตามองเจ้านายที่อีกนัยน์หนึ่งคือเพื่อนสนิทด้วยความเห็นใจ หากคนที่ผาภูมิขืนใจในวันนั้นเป็นสาวกร้านโลกที่ทำงานขายเรือนร่างแลกกับเงิน ชายหนุ่มคงไม่รู้สึกผิดมากเท่ากับการลงมือข่มขืนผู้หญิงบริสุทธิ์แสนอ่อนต่อโลกอย่างเอื้องลดา ทุกอย่างต้องโทษไอ้สิงห์เพียงคนเดียว!
ขณะที่รถกำลังจะเคลื่อนตัวผ่านไป ร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีก็เปิดประตูรั้วแล้ววิ่งพรวดพราดออกมาท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำรุนแรงผาภูมิแตะไหล่เขมเป็นเชิงบอกให้หยุดรถ เมื่อเอื้องลดาหันมาโบกมือพร้อมตะโกนบางอย่างที่พวกเขาไม่มีทางได้ยิน
ร่างหนาเกร็งแข็งเมื่อหญิงสาววิ่งตรงมาที่รถ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ห่างเพียงแค่กระจกกั้นด้วยความตกตะลึง มือบีบต้นขาของตัวเองเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
“เอายังไงดีครับ ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องร้อนใจ” เขมถามด้วยสุ้มเสียงร้อนรนเช่นกัน
“ฉัน...ไม่เป็นไร”
แรกทีเดียวผาภูมิตั้งใจจะบอกว่าเขายังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเธอ แต่เมื่อเห็นเอื้องลดาร้องตะโกนด้วยคำที่ฟังไม่ได้ศัพท์ เขาก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีก มืออันสั่นเทิ้มยื่นออกไปจับที่ประตู สูดลมหายใจลึกเรียกสติก่อนจะเปิดออกไปทันที เอื้องลดาพยายามปรือตามองอีกฝ่ายผ่านสายฝน ในตอนที่เขาก้าวลงมาจากรถแล้วยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
ความสูงใหญ่ผิดจากผู้ชายทั่วไปกับดวงตาคมกริบที่มองมาทำให้ร่างบางชะงักนิ่ง เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึง ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบเข้ามากัดกินหัวใจ ความหวาดกลัว...ทำให้ร่างเล็กเซถอยหลังไปสองสามก้าว
หูตาพร่าพรายไปหมดเมื่อจู่ๆ เหตุการณ์คืนนั้นก็วกวนกลับมาทำลายทุกความเข้มแข็งให้พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า
“คุณ!” ผาภูมิปราดเข้าไปดึงข้อมือเธอไว้ ก่อนที่ร่างนั้นจะเสียหลักล้มลงไปบนพื้น
เมื่อทรงตัวได้เอื้องลดาก็รีบสะบัดข้อมือออกห่าง ยืนหอบหายใจตั้งสติพร้อมกับบอกตัวเองว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ ‘ไอ้สารเลวคนนั้น’ เขาแค่มีรูปร่างใกล้เคียงกันมาก แล้วดวงตาสีน้ำตาลแบบนี้ก็มีให้พบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีทาง...ไม่ใช่แน่ๆ ไอ้วายร้ายนั่นมันดูดิบเถื่อนน่ากลัว ผมยาวปะบ่าท่าทางโหดร้ายเหมือนพวกเดนตาย ไม่ใช่คนที่อยู่ในมาดนักธุรกิจแบบนี้
ไม่ใช่แน่...ไม่มีวัน!
