บท
ตั้งค่า

3.สายใยผูกพัน

ยี่สิบสองปีต่อมา ณ มารีน่า เบย์ ประเทศสิงคโปร์

มารีน่า เบย์ แซนด์ เป็นรีสอร์ตหรูที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ประกอบไปด้วยอาคารโรงแรมสามหลังติดกัน และมีสถาปัตยกรรมรูปร่างคล้ายเรือขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนอาคารทั้งสามหลัง สร้างความโดดเด่นเป็นสง่าเห็นได้แต่ไกล ร่างสูงสง่าของเมฆินทร์ แพทดิสัน ทายาทคนโตของตระกูลแพทดิสัน ยืนมองความสวยงามของมารีน่าเบย์ยามค่ำคืนด้วยแววตาเรียบเฉย

หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการบริหารจัดการมา เมฆินทร์ก็ฝึกงานกับคนเป็นย่าไม่ถึงสองปี มาดามโซเฟียก็วางมือจากงานทั้งหมด และให้หลานชายนั่งแท่นประธานบริหารแพทดิสันกรุ๊ป ส่วนตัวเองก็นั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาเพียงอย่างเดียว เมฆินทร์ก็ไม่ทำให้คนเป็นย่าผิดหวัง เรียนรู้ศึกษางานได้อย่างรวดเร็วและสามารถวางแผนงานได้รัดกุม ปรับปรุงธุรกิจให้เข้ากับโลกปัจจุบันได้อย่างกลมกลืน จนเป็นที่รู้จักและยอมรับในแวดวงธุรกิจ

ธุรกิจของแพทดิสันขยายไปทั่วสิงคโปร์ แต่จุดใหญ่จะมีฐานธุรกิจมากที่สุดอยู่ที่นี่ เพราะมารีน่าเบย์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของตัวเมืองสิงคโปร์และเชื่อมต่อกับทะเล ย่าของเขาร่วมกับรัฐบาลได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาล ถมทะเลเพิ่มพื้นที่ สร้างภูมิทัศน์ให้สวยงามและสิ่งก่อสร้างมากมาย ทำให้ทุกวันนี้มารีน่าเบย์ กลายเป็นหัวใจของสิงคโปร์ไปแล้ว เพราะเป็นศูนย์กลางของแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของสิงคโปร์ มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อันโดดเด่น ที่ชวนให้ผู้คนอยากมาสัมผัสเสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ที่ตั้งอยู่เรียงรายรอบมารีน่าเบย์แห่งนี้

ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องทำงานดึงภวังค์ของเมฆินทร์กลับมา ร่างสูงเอี้ยวตัวไปมองคนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อน บอดี้การ์ดและเลขาส่วนตัวเดินเข้ามาในห้อง

“คุณทิโมธีต้องการเรียนสายกับบอสครับ” เมื่อได้ยินชื่อเพื่อนสมัยเรียนอังกฤษ คิ้วหนาที่ทอดขนานกับดวงตาคมกริบยกขึ้นอย่างแปลกใจ มือหนายื่นไปหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กมาแนบหู

“หวัดดีทิโมธี โทร.มาจะให้ฉันกู้เงินลงทุนทำธุรกิจหรือไง” เมฆินทร์เอ่ยทักทายเพื่อน ที่เป็นเพลย์บอยมหาเศรษฐีหนุ่มหล่อ เจ้าของธุรกิจสถาบันการเงินอันดับหนึ่งของโลกอย่างคุ้นเคย

“ใครจะกล้าวะ ที่โทร.มาเนี้ยอยากขอคำปรึกษาเรื่องเปิดสาขาที่คีตะปัญจานั่นแหละ” เมฆินทร์หัวเราะเดินไปหยิบแฟ้มสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ดูแล้วไม่น่ามีปัญหา รายละเอียดฉันส่งไปให้พยัคฆ์เสนอกระทรวงการคลังอนุมัติแล้ว นายพร้อมเมื่อไหร่ก็บินไปดูสถานที่ได้เลย”

“ขอบใจวะ ฉันนัดปลัมน์ไว้จะไปหาแกที่สิงคโปร์ แล้วค่อยบินไปที่นั่นพร้อมกัน”

“ไม่กลัวเหตุการณ์ความไม่สงบในคีตะปัญจาหรือไง” เมฆินทร์ถามเสียงเรียบ เพราะรู้สถานการณ์ในคีตะปัญจายามนี้ไม่สู้ดีนัก ข่าวการลอบสังหารผู้ครองรัฐถูกปล่อยออกมาเป็นระลอก ทำให้นักธุรกิจหลายคนเริ่มลังเล

“ทำไมฉันต้องกลัววะ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกที่ คีตะปัญจายังน้อยกว่าประเทศในแถบตะวันตกด้วยซ้ำนะโว้ย และฉันกับผู้ร่วมทุนมั่นใจว่า นายพลฮัดซันจะนำพารัฐขึ้นมาทัดเทียมประเทศอื่นในแถบเอเชียได้”

ทิโมธีบอกมาตามสายอย่างจริงใจ เมฆินทร์หัวเราะและมั่นใจว่าเหตุการณ์ในบ้านเกิด จะไม่ลุกลามมากกว่าที่เป็นอยู่ เมฆินทร์คุยกับเพื่อนอีกสองสามประโยคก็วางสาย หากแววตาคมเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ที่ได้เอ่ยถึงบ้านเกิดที่มีอีกหลายคนรอให้กลับไปหา

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้สาวๆ โทร.มาหาหรือไงจ๊ะฆินทร์” เสียงเอ่ยถามดังมาจากด้านหลัง เรียกความสนใจของเจ้าของห้องจนหันไปมอง

“คุณย่า มาได้ไงครับ” ร่างสูงเดินไปประคองย่าไปนั่งที่โซฟา มาดามโซเฟียยกสองมือประคองแก้มสากคมสันแล้วโน้มลงไปหอมทั้งซ้ายขวาอย่างแสนรัก

“หลานชายไม่ยอมกลับบ้านมาเป็นอาทิตย์ ย่าก็เลยมาดูนะสิจ๊ะว่าติดงานหรือติดสาวกันแน่” มาดามโซเฟียมองหน้าคมเข้มยิ้มๆ เพราะข่าวคราวเรื่องสาวๆ ของหลานชายสุดที่รักก็ดังไม่แพ้ความสำเร็จของงาน

“ติดงานครับ วันนี้ก็ว่าจะกลับไปนอนที่บ้านอยู่แล้ว” เมฆินทร์จับมือเรียวขาวไปวางบนต้นขา มาดามวางมืออีกข้างบนหลังมือหนา ตั้งแต่หลานชายนั่งแท่นบริหารแพทดิสันหลายอย่างเปลี่ยนไป โครงการที่ยังติดขัดอยู่ก็ถูกสานต่อและแก้ปัญหาจนลุล่วง หากวันนี้เธอลาโลกไปก็คงไม่ห่วงอะไรอีกแล้ว

“ขอบใจนะฆินทร์ ขอบใจที่ฆินทร์มาอยู่กับย่าที่นี่” มาดามเอ่ยเสียงเครือด้วยความตื้นตัน เมฆินทร์โน้มตัวไปจุ๊บแก้มคนเป็นย่าเบาๆ

“ผมรักย่าครับ พ่อแม่และพยัคฆ์ก็รักและคิดถึงย่าตลอดเวลา” มาดามโซเฟียน้ำตาคลอ เธอรู้ดีว่าลูกและหลานไม่เคยโกรธเคืองที่เธอเอาตัวเมฆินทร์มาอยู่ที่นี่

“ขอบใจจ๊ะ ย่าก็คิดถึงทุกคนที่คีตะปัญจาเหมือนกัน แต่ช่วงนี้ได้ข่าวไม่สู้ดีนะฆินทร์ คนของเราในรัฐปาชารู้มาว่ากองกำลังทหารรับจ้างหลายกลุ่มเริ่มเคลื่อนไหว บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับความไม่สงบตามแถบชายแดนของคีตะปัญจาก็ได้นะจ๊ะ”

“เรื่องนี้ผมก็ห่วงอยู่เหมือนกันครับ ปีนี้คุณตาแก่ตัวลงไปมากแต่ก็ออกเยี่ยมชาวเมืองไม่หยุดเลย ผมเกรงว่าหน่วยคุ้มกันจะพลาด” เมฆินทร์บอกอย่างกังวล มาดามโซเฟียเห็นหน้าเคร่งขรึมของหลานชายสุดที่รัก ก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างชั่งใจ ถึงเวลาที่เธอจะต้องทำในสิ่งที่หลานชายต้องการแล้วกระมัง…

“ตอนนี้นักลงทุนต่างมองลู่ทางธุรกิจในคีตะปัญจา เพราะที่นั่นเศรษฐกิจกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด สื่อยักษ์ใหญ่หลายฉบับต้องการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับคีตะปัญจาและคนที่สืบทอดอำนาจเป็นที่สุด แต่โชคดีที่ตาของหลานยังไม่อนุญาตให้สื่อต่างประเทศเสนอข่าวเรื่องภายใน"

“ยิ่งปิดกั้นคนยิ่งอยากรู้ด้วยสิครับ และที่สำคัญข่าวการลอบสังหารผู้นำรัฐก็มีมาอย่างต่อเนื่องด้วย” เมฆินทร์บอกหน้าเครียด

“นายพลฮัดซันเป็นคนดี ความดีจะปกป้องให้ปลอดภัยแน่นอนจ้ะ เสือเก่งด้านทหารและการปกครองก็จริง แต่ย่าก็อดห่วงไม่ได้ เพราะดูแล้วเรื่องนี้ใหญ่เอาการ ย่าว่าฆินทร์ต้องไปช่วยน้องแล้วละ”

“แล้วงานทางนี้ละครับ ถึงจะไม่มีปัญหาแต่ถ้าทิ้งไปนานๆ ผมก็อดห่วงไม่ได้เหมือนกัน” เมฆินทร์จับมือคนเป็นย่าและไล้ปลายนิ้วบนหลังมือนุ่มไปมา

“ฆินทร์ว่าย่าแก่ลงไปเยอะไหมจ๊ะ” มาดามถามพลางลุกขึ้นยืน เมฆินทร์มองคนเป็นย่าอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ส่ายหน้าไปมา

“ย่าของผมยังสวยเช้งจนสาวๆ อายไปเลยละครับ” มาดามหัวเราะร่วนอย่างถูกใจกับคำตอบของหลานชาย “ย่าถามทำไมครับ หรือมีหนุ่มที่ไหนมาตามจีบ”

“ก็หนุ่มคนนี้นะสิจ๊ะ” มาดามประคองแก้มสากด้วยมือทั้งสองข้าง แววตาที่ทอดมองหลานชายอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความผูกพัน “ย่ารู้ว่าฆินทร์ห่วงคุณตาและทุกคนที่คีตะปัญจา ถึงเวลาที่ฆินทร์ต้องกลับไปทำหน้าที่ทายาทรัฐคีตะปัญจาแล้วนะจ๊ะ”

“คุณย่า” เมฆินทร์มองคนเป็นย่าอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่รอยยิ้มและสัมผัสอ่อนโยนบนแก้ม ทำให้เขารู้ว่าไม่ได้ฝันไป ตลอดเวลาย่าของเขาไม่เคยห้ามกลับไปคีตะปัญจา บางทีต้องย้ำให้กลับไปเยี่ยม

คนที่นั่นด้วยซ้ำ แต่วันนี้ท่านยอมกลับมานั่งบริหารงานแทน ก็เท่ากับว่าเขาสามารถอยู่ที่นั่นนานเท่าที่ต้องการ

“กลับไปทำหน้าที่ทายาทรัฐคีตะปัญจาให้สุดกำลัง ย่าเชื่อว่าความตั้งใจจริงในการพัฒนารัฐของนายพลฮัดซัน จะทำให้ท่านรอดจากความเลวร้ายทั้งหลาย ศัตรูก็ไม่ควรประมาทเพราะคนที่จ้องทำร้ายกับคนที่เฝ้าระวังทำงานต่างกัน ดูแลตัวเองให้ดีและฝากความคิดถึงหาทุกคนด้วย” เมฆินทร์สวมกอดคนเป็นย่าอย่างตื้นตัน

“ขอบคุณครับย่า” ฝ่ามือนุ่มวางลงบนแผ่นหลังหนาแล้วลูบไล้ไปมาอย่างรักใคร่

“อยู่ที่นั่นได้นานเท่าที่ฆินทร์ต้องการจ๊ะ เอาทาริคไปด้วยจะได้ช่วยกัน มีอะไรให้ย่าช่วยก็ส่งข่าวมา คนของแพทดิสันรอฟังคำสั่งของฆินทร์ตลอดเวลา” มาดามมองเลยไปยังคนสนิทของหลานชาย ทาริคโค้งคำนับรับคำอย่างนอบน้อม

“ให้ทาริคอยู่ช่วยคุณย่าที่นี่ดีกว่าครับ”

“ทาริคคงไม่ยอม เพราะเขาติดตามหลานมาตั้งแต่เด็ก ยังไงคงไม่ยอมห่างเจ้านาย ใช่ไหมทาริค” ประโยคท้ายมาดามถามคนสนิทของหลานชาย

“บอดี้การ์ดก็ต้องตามติดเจ้านายครับท่าน” มาดามยิ้มอย่างพอใจที่ตัวเองคิดไม่ผิด เมฆินทร์สวมกอดคนเป็นย่าอีกครั้งอย่างยินดี

*** ขอบคุณคร้า ***

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel