2 ผลัดพราก
*** ทักทายคร้า ไปติดตามกันต่อเลยคร้า ***
เช้าของการผลัดพราก สายหมอกจางๆ ตัดกับแสงอาทิตย์ยามเช้า บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นวันใหม่ได้เริ่มขึ้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในคุ้มหลวง ใส่เสื้อกันหนาวมารวมตัวกันที่ลานกว้างเพื่อน้อมส่งเจ้านายตัวน้อยไปแดนไกล ดอกไม้ใบหญ้าก็พร้อมใจกันชูช่ออวดโฉมเพื่อน้อมส่งอย่างจงรักภักดี มาดามโซเฟียยืนรอหลานชายใกล้เครื่องบินลำใหญ่ที่จอดรออยู่ โดยมีบอดี้การ์ดสูทดำยืนเป็นแผงหลัง
เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง เมฆินทร์ก็เดินออกมาพร้อมกับทุกคน น้ำตาของผู้เป็นแม่ไหลรินไม่ขาดสายด้วยความเป็นห่วง สร้อยฟ้าดึงลูกเข้ามากอดให้ความอบอุ่นอยู่นานก่อนจะคลายอ้อมแขนออก เบนหอมแก้มบุตรชายทั้งซ้ายขวาแล้วดึงเข้ามากอดแนบอก เสียงสะอื้นไห้ดังระงมไปทั่วบริเวณในขณะเมฆินทร์เองก็ใจหายไม่แพ้กัน
“ดูแลตัวเองให้ดีนะฆินทร์ แพทดิสันเป็นของลูก ดูแลคุณย่าแทนพ่อด้วย” หนูน้อยกอดผู้เป็นพ่ออีกครั้งอย่างใจหาย เบนจูบกลางกระหม่อมเล็กทั้งน้ำตาแล้วคลายวงแขนออก เมฆินทร์เดินมาหยุดตรงหน้าน้องชาย ดวงตาไร้เดียงสาและเข็มแข็งสบกัน
“พี่ฆินทร์” สองพี่น้องโผเข้ากอดกันน้ำตาลไหล เมฆินทร์ลูบแผ่นหลังน้องชายไปมา
“พี่ไปนะเสือ ดูแลทุกคนให้ดีแล้วพี่จะกลับมาช่วยเมื่อนายต้องการ” ผู้เป็นน้องพยักหน้า น้ำตาไหลนองเต็มสองแก้ม
“ลองจาฝากดูแลเสือด้วยนะ อย่าทิ้งเสือไปไหน สัญญาได้ไหม” เด็กน้อยที่เป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็กพยักหน้ายืนร้องไห้อยู่ข้างๆ อาโปผู้เป็นแม่ หลังจากสั่งเสียน้องชายเสร็จ เมฆินทร์ก็เดินไปหยุดตรงหน้าคนเป็นตา
“คุณตา” เมฆินทร์โผเข้ากอดนายพลฮัดซัน วงแขนอบอุ่นยกขึ้นโอบกอดร่างน้อยอย่างสงสาร
“ไปอยู่ที่โน่นต้องเป็นเด็กดี อย่าดื้อกับย่านะ จงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี” ชายชรากอดหลานชายแนบอกและอดใจหายไม่ได้
“คุณตาดูแลตัวเองนะครับ ผมจะกลับมาหาทุกปีช่วงปิดเทอม”
“ถ้าตาไม่อยู่เจ้าอย่าทิ้งน้องและกลับมาช่วยเหลือเวลาที่พยัคฆ์ลำบากนะฆินทร์” นายพลฮัดซัดมองความเด็ดเดี่ยวในดวงตาคมดุจนกอินทรีย์ของหลานชายอย่างรอคำตอบ
“ผมสัญญากับเสือแล้วว่าจะอยู่ข้างเขาเสมอ” เมฆินทร์บอกด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างนายพลฮัดซันไหลออกมาทางหางตาอย่างตื้นตัน ชองแตร์เลขานายพลชราก็พลอยใจหายไปด้วย ต่อไปคุ้มคีตะปัญจาคงจะขาดเจ้านายเจ้าขวัญใจคนทั้งคุ้มไปอีกนาน
“อย่าร้องไห้ เจ้าต้องเข้มแข็งและรู้จักใช้สติปัญญาให้เกิดประโยชน์แก่คนรอบข้าง จำคำของตาไว้นะฆินทร์ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหน้าที่และหัวใจ” ชายชรากล่าวกับหลานชายเสียงนุ่มนวล มาดามโซเฟียมองความโศกเศร้าด้วยหัวใจทุกข์ระทมไม่ต่างกัน
“ได้เวลาต้องไปแล้วเมฆินทร์” มาดามโซเฟียเดินไปรับหลานจากนายพลฮัดซัน แล้วพาเดินไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ร่างเล็กๆ ของเมฆินทร์เดินห่างคนที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยหัวใจปวดร้าว หากเสียงเรียกของน้องชายทำให้เมฆินทร์หันกลับมา
“พี่ฆินทร์ฮือ...ฮือ...ฮือ...” ทั้งสองวิ่งไปกอดกันกลมท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้ของผู้คนรอบกาย เมฆินทร์คลายวงแขนออกจากร่างของน้องชาย สายตามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างอาวรณ์…ลาก่อนทุกคน ลาก่อนแผ่นดินอันเป็นที่รัก ไม่นานจะกลับมา…
“พี่ต้องไปแล้ว”จากนั้นเมฆินทร์ก็ตัดสินใจหันหลังให้กับทุกคน เท้าเล็กเดินไปหาคนเป็นย่าด้วยก้าวย่างที่มั่นคงและเด็ดเดี่ยว สายตาทุกคนมองร่างเล็กด้วยน้ำตานองหน้า เครื่องบินเจ็ตลำใหญ่ค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้านำพาแก้วตาดวงใจของคนในคุ้มหลวงจากไปแดนไกล สร้อยฟ้ากอดลูกชายคนเล็กร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ อาโปเดินเข้ามากอดเพื่อนไว้แน่น
“เมฆินทร์ไปไม่นานก็กลับนะสร้อยฟ้า” อาโปปลอบทั้งๆ ที่เธอเองเข้าใจหัวอกของแม่ว่า รักและห่วงใยลูกมากแค่ไหน
“ฉันสงสารลูกนะอาโป เมฆินทร์ต้องอยู่คนเดียวในที่ที่ตัวเองไม่คุ้นเคย จะกินอาหารที่นั่นได้หรือเปล่า จะมีใครห่มผ้าให้หรือเปล่าก็ไม่รู้…” สร้อยฟ้าบอกอย่างสงสารลูก นายพลฮัดซันเดินไปโอบบ่าบุตรสาวอย่างเห็นใจ สร้อยฟ้าซบหน้ากับอกบิดา และร่ำไห้ปริ่มป่านจะขาดใจดุจประหนึ่งว่าใครมากระชากหัวใจหลุดลอยไปจากร่าง
“เมฆินทร์เป็นเด็กฉลาด ต้องปรับตัวได้แน่” แม้จะเสียใจที่ต้องเสียหลานชายไป แต่ถ้าจะให้ท่านเห็นแก่ตัวเอาหลานไว้ทั้งสองคนก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก ยังไงเสียเมฆินทร์มีสายเลือดชาวคีตะปัญจาอยู่เต็มร้อย แม้จะจากไปนานกี่ปียังไงก็ต้องกลับมา…
*** ขอบคุณคร้า ***
