บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ศึกแรก

จินเกาหยางนั่งตัวตรงอยู่บนหลังม้า ในมือถือทวนสีเงินคมกริบสลักลายมังกรที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เตรียมพร้อมต่อสู้กับศัตรูจากต้าเจาที่อยู่เบื้องหน้า ในดวงตาของแม่ทัพหนุ่มไร้ซึ่งความหวั่นเกรง บนใบหน้ามีเพียงรอยยิ้มเย็นชาขณะมองประเมินฝ่ายตรงข้าม

อีกฟากฝั่ง ‘เสวียนชิว’ รัชทายาทแห่งต้าเจาในชุดเกราะสีเงินคือผู้นำทัพ ในมือของเขามีทวนลักษณะเดียวกับจินเกาหยาง ดูจากวิธีการถือทวนแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็คงมองออกว่ารัชทายาทผู้นี้ชำนาญในอาวุธที่ตนใช้เพียงใด

หลังต่างฝ่ายต่างประเมินกันอยู่ครู่หนึ่ง แม่ทัพของทั้งสองฝ่ายก็ส่งสัญญาณให้กองทัพของตนเคลื่อนพลเข้าหาฝ่ายตรงข้าม ทัพต้าเจามีการสั่งการตามที่วางมาเป็นอย่างดี ในขณะที่ทัพไป๋หู่ภายใต้การนำทัพของจินเกาหยางดูเหมือนจะไร้ระเบียบแบบแผนโดยสิ้นเชิง

ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน จินเกาหยางและเสวียนชิวต่อสู้กันด้วยการใช้ทวนบนหลังม้าอย่างไม่มีใครยอมใคร สู้กันอยู่ราวสองร้อยกระบวนท่า จินเกาหยางก็แสร้งทำทีเป็นพลาดพลั้งจนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เมื่อมองไปรอบกายก็พบว่าทัพไป๋หู่เองก็ทำตามแผนได้สำเร็จ ไม่ว่าจะมองอย่างไร ทัพไป๋หู่ก็ดูเหมือนเป็นฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบทัพต้าเจา

“ถอยทัพ!” จินเกาหยางตะโกนก้อง

คำสั่งของจินเกาหยางถูกถ่ายทอดโดยการตะโกนบอกต่อ ๆ กัน ทัพไป๋หู่ล่าถอยเข้าสู่พื้นที่แขวนตามที่ได้วางแผนไว้ เพื่อหลอกล่อให้ทัพต้าเจาเข้ามาติดกับแล้วโจมตีให้แตกพ่าย

“แม่ทัพคนใหม่ของไป๋หู่ไม่ได้ความเช่นนี้ เราชนะได้ไม่ยาก” รองแม่ทัพต้าเจาเข้ามาพูดกับเสวียนชิว

ทว่าแม่ทัพหนุ่มกลับไม่คิดเช่นนั้น

“หยุด! ไม่ต้องตาม!” เสวียนชิวสั่งการเสียงดัง ขณะมองตามเข้าไปยังพื้นที่ซึ่งทัพไป๋หู่หลบหนีเข้าไป

“ท่านแม่ทัพ เหตุใดจึง...” รองแม่ทัพแปลกใจในคำสั่ง

“พื้นที่ด้านหน้าเป็นพื้นที่แขวน เกรงว่านี่อาจเป็นกลลวงของต้าจิน”

จินเกาหยางเหลียวกลับมามองทัพต้าเจาที่ดูท่าว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมตามเข้าไปในพื้นที่แขวนตามกลลวง พลันบทสนทนาระหว่างเขากับฝูซิ่นฮวาก็ดังขึ้นในความคิด

‘หากทัพต้าเจาไม่หลงกลตามเราเข้าไปในพื้นที่แขวน เจ้าจะทำเช่นไร’ จินเกาหยางถาม

‘คิดว่าท่านอ๋องจะไม่ถามหม่อมฉันถึงข้อนี้เสียแล้ว’ ฝูซิ่นฮวายิ้มน้อย ๆ จินเกาหยางรู้ทันทีว่าตนกำลังถูกนางทดสอบ ‘แท้จริงแล้วการหลอกล่อให้ศัตรูเข้ามาติดกับนั้นจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายเราและความฉลาดของแม่ทัพฝ่ายตรงข้าม หากต้าเจาไม่หลงกล เราก็ต้องเป็นฝ่ายบีบให้พวกเขาเข้ามาในพื้นที่แขวนด้วยตัวเอง’

“เฉาเทียน” จินเกาหยางเรียกนายกองคนหนึ่ง “โจมตีสี่ทิศ!”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!” เฉาเทียนจุดพลุให้สัญญาณกองทหารสี่ทิศที่จัดทัพคอยท่าอยู่ และทันทีที่ได้รับสัญญาณคำสั่ง กองทหารสี่ทิศของทัพไป๋หู่ก็เข้าโจมตีทัพต้าเจาอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว

‘เราต้องทำให้ทัพต้าเจาแตกกำลังออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แล้วส่งทัพของเราที่ผนึกกำลังเป็นอย่างดีเข้าจัดการกองทัพที่แตกกระจาย ทัพที่รวมเป็นหนึ่งย่อมได้เปรียบ ยามนั้นจงรีบฉวยโอกาสต้อนให้ทัพต้าเจาเข้ามาในพื้นที่แขวนให้ได้มากที่สุด แล้วโอบล้อมโจมตีตามที่ได้วางแผนไว้’

ฝูซิ่นฮวากล่าวเอาไว้เช่นนั้น

การถูกโจมตีจากสี่ทิศทำให้ทหารต้าเจาแตกตื่น เสวียนชิวรีบสั่งการให้ทหารของตนแบ่งกำลังออกไปรับมือกับทหารทัพไป๋หู่ที่โจมตีเข้ามาทั้งสี่ด้าน เป็นเหตุให้กองทัพแตกกระจายออกเป็นกลุ่มเล็ก ยากจะรวมเป็นหนึ่ง ทหารต้าเจาจำนวนไม่น้อยจึงถูกต้อนเข้าสู่พื้นที่แขวนตามแผนของฝูซิ่นฮวา

“ระเบิดสะพาน!” จินเกาหยางสั่งการทั้งที่ม้าของตนยังควบไม่ถึงอีกฟากของสะพาน

ฝ่ายพลทหารที่ได้รับคำสั่งก็ไม่รั้งรอ รีบจุดระเบิดทันที สะพานระเบิดไล่หลังจินเกาหยางที่ควบม้ากระโจนไปบนสะพาน ทำเอาบรรดาทหารที่อยู่อีกฟากต่างพากันลุ้นระทึกว่าท่านแม่ทัพคนใหม่จะข้ามสะพานได้ทันเวลา หรือจะถูกระเบิดตายไปพร้อมกับข้าศึก

ม้าของจินเกาหยางกระโดดในจังหวะสุดท้าย พร้อมเสียงระเบิดที่ดังไล่หลัง แต่ในที่สุดข้ามสนามเพลาะได้ทันเวลา

“จุดไฟสนามเพลาะ!” แม่ทัพหนุ่มตะโกนสั่งเสียงก้อง

พลธนูยิงธนูเพลิงลงไปในสนามเพลาะที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เปลวไฟลุกโชนขึ้นดุจกรงเหล็กที่ใช้กักขังศัตรู จินเกาหยางมองดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าสามารถกักตัวทหารของต้าเจาไว้ได้ จึงขี่ม้านำทหารออกจากพื้นที่ เพื่อตามไปสมทบกับทัพใหญ่ที่อยู่ด้านนอก

บริเวณนอกพื้นที่แขวน โล่กำแพงสูงใหญ่ปิดล้อมทางออกของทัพต้าเจาไว้ ทหารกองหนึ่งของทัพไป๋หู่โจมตีทหารต้าเจาที่ถูกกักขังอย่างดุดัน ในขณะที่ทัพใหญ่ซึ่งนำทัพโดยจินเกาหยางผนึกกำลังเข้มแข็ง ไม่ยอมแตกออกจากแนวทัพที่วางไว้แม้แต่คนเดียว ได้บุกเข้าโจมตีทัพต้าเจาที่แตกกำลังออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ จนต้าเจาไม่อาจรับมือได้อีกต่อไป

“ถอยทัพ ถอย!”

เสวียนชิวตะโกนลั่นเมื่อเห็นได้ชัดว่าตนตกหลุมพรางทัพไป๋หู่เข้าเสียแล้ว จินเกาหยางไล่ต้อนทัพต้าเจาราวกับจะไม่ให้ใครหนีรอดไปได้ ฝ่ายตรงข้ามแทบไม่ต่างอะไรจากมดที่แตกออกจากรัง ทหารแตกทัพกระจัดกระจายจนต้องถอยร่นหนีตายกลับไปยังที่มั่นของตน

แล้วศึกแรกของจินเกาหยางก็ได้รับชัยชนะด้วยกลศึกของสตรีเพียงหนึ่งเดียวในกองทัพ

ฝูซิ่นฮวายืนรอคอยกองทัพของตนอยู่ในค่ายพร้อมทหารองครักษ์ รอจนตะวันลับขอบฟ้า ในที่สุดธงพยัคฆ์ขาวก็โบกสะบัดอยู่เบื้องหน้า

“ท่านกุนซือ พวกเราชนะขอรับ” พลทหารตรงเข้ามารายงาน

ฝูซิ่นฮวายิ้มออกมาอย่างยินดี จินเกาหยางควบม้าตามเหล่าทหารเข้ามาทันเห็นรอยยิ้มสดใสของฝูซิ่นฮวาที่ออกมายืนรอต้อนรับ ชายหนุ่มจึงควบม้ามาหยุดตรงหน้านาง แล้วกระโดดลงจากหลังม้า

“กลศึกครั้งนี้ทำให้เราชนะ ข้ายินดียิ่งนักที่ทัพไป๋หู่มีกุนซือเช่นเจ้า” จินเกาหยางกล่าวชื่นชม

“หาใช่ข้าคนเดียวที่ทำให้ฝ่ายเราได้รับชัยชนะ แต่เป็นเพราะ ‘ท่านแม่ทัพ’ กับทหารทุกคนที่ร่วมใจกันต่อสู้อย่างกล้าหาญ”

จินเกาหยางมองสตรีเบื้องหน้าที่กำลังส่งยิ้มให้เขา เป็นครั้งแรกที่นางเรียกเขาว่าท่านแม่ทัพ และเป็นครั้งแรกที่นางยิ้มให้เขา

“เพราะวางแผนดีจึงมีชัย” จินเกาหยางกล่าวอย่างนุ่มนวล

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ” ฝูซิ่นฮวาค้อมศีรษะให้เขา

“ขอบคุณเจ้าเช่นกันกุนซือฝู ที่ยอมรับข้าเป็นแม่ทัพของเจ้า”

ฝูซิ่นฮวานิ่งไปเล็กน้อย เมื่อจินเกาหยางเน้นคำว่า ‘ของเจ้า’ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เขาไม่ได้กล่าวว่านางยอมรับเขาในฐานะแม่ทัพแห่งทัพไป๋หู่ แต่กลับกล่าวว่านางยอมรับเขาในฐานะแม่ทัพของนาง

ของนางเช่นนั้นหรือ?

ใบหน้าหวานที่เคยขาวซีดซับสีเลือดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนแม้แต่เจ้าตัวก็ยังรู้สึกได้

แปลก นางเติบโตมาในกองทัพทหาร ท่ามกลางบุรุษนับหมื่นนับแสน เรื่องทะลึ่งลามกสัปดนทั้งหลาย นางล้วนเคยได้ยินจากทหารในกองทัพมาแล้วทั้งสิ้น แต่ไม่เคยมีผู้ใดทำให้นางรู้สึกเขินอายได้ แต่กับคำพูดเพียงไม่กี่คำของจินเกาหยาง กลับทำให้นางรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า

เว่ยหยางอ๋องผู้นี้ นอกจากจะเป็นแม่ทัพที่มีฝีมือแล้ว ยังเป็นบุรุษที่นางควรต้องระวังอีกด้วย

ฝูซิ่นฮวาเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปยังกระโจมของตัวเอง จินเกาหยางมองตามร่างบอบบางที่คล้ายจะปลิวตามลมได้ทุกเมื่อ มุมปากพลันยกยิ้มด้วยความพอใจ

ยังมีเวลาอีกมาก สำหรับการทำความรู้จักกับบุปผางามที่ผลิบานท่ามกลางกองทัพดอกนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel