บทที่ 3 กลีบดอกเหมย (5)
เกาเจินเจินกับจูฉีเฉียงมองตามสายตานั้นจนสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนหลังม้าสีดำพ่วงพีตัวโต เขาสงบนิ่งอยู่กลางหิมะขาวโพลน ผมยาว อาภรณ์ดำ เด่นชัดอยู่กลางถนนนอกเมืองสายนี้
“โจรป่าแน่แท้” จูฉีเฉียงชักม้าหยุดพร้อมๆ กับอีกสองคน สีหน้าแตกตื่น ใจเต้นแรงไม่อาจระงับ
บุรุษที่ถูกเอ่ยถึงกำลังพาม้าย่ำเหยาะเข้ามาช้าๆ จูฉีเฉียงกับเสวียกู๋กำดาบไว้กระชับคอยรับภัยร้าย แต่ก่อนที่ทั้งสองจะล้ำหน้าไป เกาเจินเจินหยุดทั้งสองไว้เสียก่อน นางพาม้าล้ำไปข้างหน้าหนึ่งช่วงตัว
เกาเจินเจินถอนใจ “คุณชายรอง ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าไม่ใช่จินจิน”
สายตาคมกริบกวาดมองนางผ่านๆ และมองสองผู้ติดตามก่อนจะวกกลับมาจ้องนางแล้วตอบเสียงเรียบเฉย “ข้ารู้”
เกาเจินเจินนิ่งไป นางขยับม้าเข้าไปอีก “แล้วท่านตามข้ามาเพื่อสิ่งใดกัน”
“อาเจิน เจ้ารู้จักชายผู้นี้หรือ” เสวียกู๋พาม้าเข้ามาใกล้และกระซิบข้างหูนาง แต่สายตาจับจ้องไม่วางไปที่หลงเฟิงอี้ บุรุษผู้นี้เป็นใคร เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“คุณชายรอง สกุลหลง หลงเฟิงอี้”
“น้อง! น้องเขยเจ้า ใช่หรือไม่” คราวนี้เป็นจูฉีเฉียงร้องถามขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นตื่นเต้นยินดี
“ใช่/ไม่ใช่” เกาเจินเจินตอบพร้อมๆ กับเสียงแทรกมาของหลงเฟิงอี้ สายตาคมกริบจับนิ่งอยู่ที่นางตลอด ไม่ได้เคลื่อนไปทางไหนเลยตั้งแต่ย่างเข้ามาระยะใกล้
หลงเฟิงอี้กัดฟันกรอด “ต่อจากนี้... ไม่ใช่” เสียงเย็น นัยน์ตาพราวแสงวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว หากสังเกตสักนิด มือที่กำลังกำบังเหียนไว้กำเข้าหากันแน่น
“ท่านมีเรื่องใดจะพูดกับข้ากระมัง” เกาเจินเจินถามขึ้นเสียงเรียบ นางพยายามบังคับจิตใจที่กำลังว้าวุ่นให้เข้าที่เข้าทาง เพราะหลงเฟิงอี้เองก็ไม่ได้แสดงอะไรให้นางเห็นว่าเขายินดีที่เจอนาง
“ข้าจะไปกับเจ้า จนกว่าจะเจอตัวนาง”
เกาเจินเจินฝืนยิ้ม “ข้าไม่ได้ไปหานาง ข้าไม่รู้ว่านางไปที่ใด ข้าแค่เอาม้าไปส่งลูกค้าเท่านั้น”
“ข้าจะไปกับเจ้า จะตามเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอาจช่วยให้นางหนีไป” เสียงแข็งกระด้างยืนยันเจตนาของตนหนักแน่น สายตาคมดุของเขามองไปทางเสวียกู๋กับจูฉีเฉียง ทั้งสองคนสั่น แทบไม่กล้าสบตาคมกริบคู่นั้น
“สุดแล้วแต่ท่าน” เกาเจินเจินพาม้าออกเดิน ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ และเร็วขึ้นเป็นลำดับ
เสวียกู๋จูงม้าขาวปลอดของลูกค้าออกตามไป จูฉีเฉียงหันซ้ายหันขวาแล้วกระทุ้งท้องม้าออกไปอีกคน หลงเฟิงอี้เลยตามหลังไประยะห่าง ท่าทางไม่ได้เร่งร้อนมากนัก เขามารออยู่ที่แห่งนี้พักใหญ่ พยายามตัดทางเพื่อมาดักหน้าเกาเจินเจินและก็สำเร็จ
เกาเจินเจินพยายามหลบหน้าเขา เหตุครั้งนั้นนางยอมเพราะใจนางอยากปลอบเขา หลงเฟิงอี้เจ็บทุกข์เจียนตาย ผู้ใดเห็นก็เป็นต้องรู้ว่าเขาเศร้าเสียใจแค่ไหนที่เสียภรรยาและลูกไปพร้อมๆ กัน แต่นางหาได้ทำตัวแทนที่ใคร นางไม่อยากพาตัวไปเป็นปัญหาให้ใครทั้งนั้น ถึงแม้เห็นใจเขา แต่นางจำต้องฝืนความรู้สึกก้นบึ้งที่มีต่อเขาเหมือนกัน
‘เจ้าจะรักบุรุษผู้นี้ได้อย่างไร’ นางพยายามเตือนตัวเองเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บปวด ‘อี้ซิ่ว ข้าจะรักเจ้าคนเดียว’ คำนั้นที่ออกจากปากเขาทำให้นางเร่งสละเตียงแสนอบอุ่น ฝ่าพายุหิมะกลับฉางซู ด้วยแรงปวดร้าวลึก บุรุษผู้นี้น่ายกย่อง รักแค่หนึ่งเดียวที่เขามีให้ฮูหยิน ทั้งภพชาติของนางคงไม่พบเจอผู้ใดได้อย่างหลงเฟิงอี้อีกแล้ว สิ่งที่เสียไปให้เขานี้นถือว่านางได้ทำลงไปเพราะใจนางต้องการ ใจนางยอมรับเขาตั้งแต่แรกพบหน้ากันแล้ว แต่นางกลับรู้สึกละอายใจอยู่ไม่น้อย นางยอมเขาเพียงเพราะสงสาร เพียงเพราะใจนางเอนเอียงให้เขา หากวันใดวันหนึ่งเขากับแฝดน้องของนางยอมปรับความเข้าใจและตกลงอยู่ร่วมกันอีกครั้ง แล้วนางจะวางหน้าได้สนิทหรือ
