บทนำ (2)
เข็มทองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งก้าวลงจากรถ ในมือจูงเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวจิตใส อ่อนแก่กว่ากันก็คงไม่กี่ปี ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวเปรี้ยวจัด เหมือนสาวสังคม แต่งหน้าทาปากเข้มยิ่งกว่าดาราในละครทีวี หล่อนตะโกนเรียกให้จิตใสเปิดประตูด้วยเสียงดังโวยวาย เข็มทองจึงจำต้องวางตะกร้าหวายที่ใส่ผ้าในมือ ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปดูเหตุการณ์เพราะเห็นท่าไม่ดี
แขกที่มาเยือนจิตใสคงไม่ได้มาอย่างมิตรแน่แท้
แล้วก็เป็นจริง เมื่อผู้หญิงคนนั้นชี้หน้าด่าว่าจิตใสด้วยถ้อยคำรุนแรงจนฝ่ายนั้นแสดงความตกใจทำท่าจะจูงลูกตัวเองหนี แต่ก็ถูกกางกั้นไว้ หนำซ้ำยังปราดจะเข้าไปตบตี
เข็มทองจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปห้ามปราม จึงพลอยถูกลูกหลงโดนด่าเปิดเปิงไปด้วยกัน อย่างไม่น่าเชื่อว่า ท่าทีภายนอกที่ฉาบด้วยการแต่งตัวที่เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างผู้ดีมีเงิน จะหลุดถ้อยผรุสวาทได้แสบร้อนจนเข็มทองยังหน้าชา ใครได้ยินก็ต้องเข้าใจว่า จิตใสถูกเมียหลวงของบุณย์ตามมาด่าถึงบ้าน ใครจะรู้ว่า จิตใสมาก่อนในเมื่อเจ้าตัวไม่เถียงสักคำ ด้วยอีกฝ่ายเป็นเมียตบเมียแต่งที่ใครต่อใครรับรู้
เมียแต่งของบุณย์ด่าดังปาวๆไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน นับประสาอะไรกับจิตใสที่อยู่อย่างเจียมเนื้อตัวมาตลอดจะทนไหว เธออายชาวบ้านละแวกนั้นอีกทั่วถ้วนที่ออกมายืนดูอย่างไม่เกรงใจ บ้างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์สนุกปาก ค่าที่จิตใสคนสวยไม่เคยออกไปสุงสิงกับใคร ทำตัวเหมือนผู้ดีมาจากไหน เลือกคบหาแต่กับคุณนายเข็มทองคนเดียวเท่านั้นในซอยนี้ ที่แท้ก็พวกเมียเก็บเมียน้อย ไม่ใช่ผู้ลากมากดีจากไหน ถึงว่าผัวมาบ้างไม่มาบ้าง......ชาวบ้านพากันมองดูด้วยความเวทนา
เข็มทองเห็นเด็กหญิงตัวเล็กกว่าสิตางค์แต่ทำท่าแก่แดดแก่ลม ยืนท้าวเอวเลียนแบบมารดา ชี้หน้าด่าเด็กหญิงสิตางค์ที่เอาแต่ร้องไห้โฮด้วยความตกใจ เข็มทองต้องขู่ว่าจะโทร.เรียกตำรวจ นั่นล่ะเหตุการณ์ถึงสงบลงได้ พร้อมกับการจากไปของผู้หญิงคนนั้นกับลูกสาวตัวเล็กของหล่อน หากยังไม่วายทิ้งท้าย ‘ขู่’ จะสาดน้ำกรดจิตใส หรือไม่ก็จ้างคนมารุมโทรม หากยังไม่เลิกกับผัวของหล่อน
“พี่คิมขา” เด็กหญิงสิตางค์ปาดน้ำตา ก่อนเอ่ยถาม “คุณพ่อของตัง เป็นพ่อของเด็กคนนั้นด้วยใช่ไหมคะ แล้วเด็กคนนั้นด่าตังเพราะ คุณแม่ไปแย่งพ่อมา จริงหรือคะ”
คิมหันต์ใจหายวาบ ที่สิตางค์ทำท่าเหมือนรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
หากจะเข้าใจความหมายหรือเปล่า กับคำถามที่ตัวพูดตามที่ได้ยินจากปากของเด็กนั่น
“อย่าไปสนใจเลย ข้าวตัง ไม่มีใครแย่งใครหรอก คุณพ่อก็เป็นพ่อของข้าวตัง”
“แต่พ่อไม่มาหาตังหลายวันแล้วนะคะ”
เด็กหญิงปล่อยโฮอีกคำรบ พร้อมทั้งกอดลูกหมาน้อยแน่นเข้าจนมันครางหงิงๆดังกว่าเดิม หมาน้อยกำลังซน คงรู้สึกอึดอัดที่ถูกกอดรัดอยู่อย่างนั้น มันถึงพยายามดิ้นขลุกขลักจะออกจากอ้อมกอดของเด็กหญิง
“คุณพ่อของข้าวตังต้องทำงานไง ยุ่งมากถึงต้องให้ข้าวตังอยู่กับแม่ แล้วยังมีป้าเข็มทอง มีพี่คิมอีกคน เยอะแยะไปหมด”
“แต่ต่อไปคงไม่มีแล้วล่ะ” เด็กหญิงเบ้ปาก ก่อนเล่า “แม่จะพาตังไปหาคุณยาย แม่บอกว่าต้องนั่งรถไปไกลเชียวค่ะ เราจะไม่ได้อยู่ใกล้กันแล้วนะคะ พี่คิม” เด็กหญิงคร่ำครวญ
คราวนี้ คิมหันต์เป็นฝ่ายใจหาย นี่เป็นข่าวใหม่ที่เขาเพิ่งได้รู้ มารดาคงยังไม่อยากบอกให้คิมหันต์รู้สึกเสียใจ เพราะเขาทั้งรักทั้งสนิท
สนมกับเด็กหญิงสิตางค์ยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ ตลอดเวลาที่ไม่ได้ไปโรงเรียน หรือมีธุระนอกบ้าน เขาก็วุ่นวายอยู่กับน้องน้อยคนนี้ได้ทั้งวัน เสียงเรียก “พี่คิมขา” ดังจ้อยๆ ทำให้เข็มทองกับจิตใสพลอยหายเหงาเพราะร้างผัวทั้งคู่
คนหนึ่งผัวตาย อีกคนผัวหาย มาบ้างไม่มาบ้าง บทจะไม่มาก็นานข้ามอาทิตย์จนจิตใสเริ่มชินชา ไม่เฝ้ารอเหมือนที่เคย จิตใสข้ามไปบ้านเข็มทองบ่อยๆ ไปช่วยฝ่ายนั้นทำขนมส่ง เพราะตัวก็พอมีฝีมือทางนี้ จึงกลายเป็นรายได้พิเศษไม่ต้องนั่งรอเงินของบุณย์ที่นานวันจะลดน้อยขาดหายไปทุกที
คิมหันต์ ตาแดงๆราวจะร้องไห้ด้วยอีกคน หากเขาเป็นลูกผู้ชาย ต้องไม่ร้องไห้เป็นอันขาด โดยเฉพาะต่อหน้าสุภาพสตรียิ่งสุภาพสตรีตัวจ้อยที่กำลังสะอื้นตัวโยนเพราะร้องไห้ไม่หยุด
“ข้าวตังต้องคิดถึงพี่คิมคิดถึงป้าเข็มทองมากเลยค่ะ”
