บทนำ (1)
ภาพที่หนุ่มน้อยวัย 16 เห็นอยู่ตรงหน้า ตรงโคนต้นมะม่วงใหญ่แผ่กิ่งก้านใบหนาร่มรื่น ภายในอาณาเขตบ้านของเขา ทำให้ต้องถอนหายใจด้วยความรู้สึกปนเป หดหู่ สงสาร แกมสังเวชไปในตัว ที่สังเวชคงไม่ใช่ตัวเด็กหญิง หากเป็นเจ้าหมาน้อยอายุไม่ถึงเดือนที่อยู่ในอ้อมแขนเด็กหญิงต่างหาก มันครางหงิงๆอยู่ตลอดเวลา ราวต้องการปลอบใจเจ้านายตัวน้อย
“ข้าวตัง มานั่งคนเดียวทำไมตรงนี้”
น้ำเสียงที่แฝงด้วยความห่วงใยเต็มเปี่ยมทำให้ เด็กหญิงสิตางค์ค่อยๆเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาเปื้อนแก้มมองหนุ่มน้อยคิมหันต์
“พี่คิมขา” เสียงตอบรับสะอื้นไห้ บ่งว่า คนพูดร้องจนก้อนสะอื้นจุกอก
“ข้าวตัง” คิมหันต์ทรุดตัวลงนั่งด้วยความตกใจ เขาเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่หยาดลงแก้มของเด็กหญิง ก่อนปลอบโยน
“ไม่ต้องร้องนะ คนดี เรื่องของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับเราเสียหน่อย”
“เกี่ยวสิคะ” เด็กหญิงค้าน “ก็คุณป้าคนนั้นมาโวยวายด่าว่าแม่ของข้าวตัง จนคุณแม่ร้องไห้ ทำไมจะไม่เกี่ยว”
“ไม่หรอก ข้าวตัง ผู้ใหญ่ก็ต้องมีเหตุผลของตัวเอง ถึงทำแบบนั้น”
ว่าไปแล้ว คิมหันต์ก็ไม่รู้หรอกว่า เด็กหญิงวัยไม่เต็มแปดขวบดีตรงหน้า จะเข้าใจที่เขาพูดหรือเปล่าหนอ เพราะดวงตากลมใสที่มีน้ำเอ่อคลอ ยังคงฉายด้วยแววไร้เดียงสา นอกจากเสียงครางหงิงๆของเจ้าหมาน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน มันพลอยเงยหน้ามองเขาไปด้วยพร้อมกันกับเจ้านาย
น้ำตาที่ยังไม่หยุดรินเป็นสาย บ่งได้ถึงความเสียใจอย่างที่สุด
เสียใจแบบเด็กๆ ...ที่ร้องเพราะเห็นแม่ตัวเองร้อง ส่วนเรื่องราวที่เป็นสาเหตุ เด็กหญิงคงไม่รู้ เพราะคิมหันต์มั่นใจว่า น้าจิตใสไม่มีทางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลูกสาวคนเดียวฟังอย่างแน่นอน เด็กหญิงยังเล็กเกินกว่าจะควรรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น
คิมหันต์เองก็รู้จากมารดาของตัว ที่อยู่บ้านในช่วงกลางวัน ขณะที่เขาออกไปข้างนอก เสียดายที่ไม่ได้อยู่ดูแลเด็กหญิง นึกโกรธตัวเองที่มัวเถลไถลคุยกับเพื่อนในตลาด หากเขาอยู่ บางทีจะจูงมือเด็กหญิงสิตางค์ให้หลบไปเสียจากการกระทำของผู้ใหญ่ใจร้ายคนนั้น
เด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากนัก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันกะทันหันเสียจนเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก หากเขาก็ไม่เด็กเท่าสิตางค์ที่ไม่อาจเข้าใจเรื่องราวพวกนี้ เรื่องส่วนตัวของครอบครัวอาบุณย์ คิมหันต์ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะมารดาไม่ใส่ใจจะเล่าให้ลูกชายฟัง ด้วยเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องเล่นสนุกปาก
โดยเฉพาะเรื่องเมียน้อยเมียหลวงพวกนี้
มารดารู้จักพ่อของเด็กหญิงสิตางค์ เพราะเป็นลูกน้องเก่าพ่อของคิมหันต์ สามีของเข็มทองที่ตายไปแล้วหลายปี ครั้งแรกที่บุณย์พาเมียมาไหว้พร้อมทั้งเอ่ยปากฝากเมียสาวพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยให้เข็มทองรู้จัก เพราะจะพาจิตใสมาเช่าบ้านหลังเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอ
เข็มทองก็ยังนึกแปลกใจที่บุณย์ทิ้งให้เมียกับลูกเล็กอยู่บ้านลำพัง ตัวเขาจะแวะเวียนมาอาทิตย์ละหนสองหน ค้างคืนบ้างไม่ค้างบ้าง ที่รู้เพราะเขามาทีไรต้องแวะเวียนมาทักทายกับมารดาของคิมหันต์เสมอ
กระทั่ง เข็มทองต้องรู้ไปโดยปริยายว่า บุณย์มีเมียแต่งอยู่แล้ว แต่จิตใสเป็นเมียเก็บที่ไม่เคยมีใครรู้หรือออกหน้าออกตาทั้งที่เป็นเมียแรกแท้ๆ แต่เมียแต่งของบุณย์เป็นถึงลูกสาวคนโตของเถ้าแก่เส้งเจ้าของตลาดในตัวอำเภอที่ฐานะร่ำรวย
อย่างนี้นี่เอง บุณย์ถึงต้องทิ้งจิตใสไว้ตามลำพัง
แรกๆเข็มทองก็นึกกระอักกระอ่วนใจ เพราะจะว่าไป จิตใสก็เหมือนเมียเก็บ แต่ด้วยอุปนิสัยใจคอที่ดี บวกกับท่าทีเรียบร้อยอ่อนหวานขยันขันแข็งของจิตใส ทำให้เข็มทองเริ่มคบหากับเธอได้อย่างสนิทใจ เรื่องส่วนตัวของจิตใสไว้ส่วนตัวจริงๆ ไม่เคยก้าวก่ายหรือไถ่ถาม กระทั่งบ่ายวันที่เข็มทองกำลังนั่งชุนผ้าอยู่ใต้ถุนเรือน เสียงรถยนต์ที่แล่นมาจอดตรงหน้าบ้านเช่าหลังเล็กของจิตใสที่อยู่ถัดไปไม่ไกล ทำให้เข็มทองต้องชะเง้อมอง เพราะเจ้าของรถขับเสียเร็วแล้วจอดพรืดโดยแรง เหมือนว่ารีบร้อนมาจากไหน
