บทที่8. ฝึกงาน
เพื่อนเก่าบิดาของวีรดาคอยอยู่ก่อนแล้ว เขาเดินนำเด็กสาวทั้งสองไปที่พักด้วยตัวเอง
“บ้านพักของพวกวิศวกร หลังนี้ใหม่สุดแต่ตอนนี้ว่างอยู่ ลุงให้แม่บ้านทำความสะอาดไว้แล้ว ที่จริงไปพักบ้านลุงไหม จะสะดวกกว่า”
เจ้าของโรงงานที่รับตำแหน่งผู้จัดการไปด้วยพร้อมกัน เอ่ยปาก
วีรดากับสิตางค์ยกมือไหว้อีกฝ่ายเกือบพร้อมกัน ด้วยความเกรงใจ
“อุ๊ย เท่านี้ก็รบกวนคุณลุงมากแล้วค่ะ”
“จบแล้ว มาทำงานด้วยกันนะ ไม่นึกว่าดำรงจะมีลูกสาวที่ทั้งน่ารักทั้งเรียนเก่ง” เพื่อนบิดาของวีรดาเอ่ยชื่นชม
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเข้าไปที่ออฟฟิค ลุงจะแนะนำให้รู้จักใครต่อใคร”
ทั้งคู่ต้องเริ่มฝึกงานเช้านี้เป็นวันแรก หลังจากเมื่อวานเป็นวันหยุด ไม่เจอใครในโรงงานสักคน นอกจากรปภ. ส่วนบ้านพักคนงานระดับพนักงานทั่วไป ตั้งอยู่นอกตัวโรงงาน ยกเว้นบ้านพักของหัวหน้าฝ่ายกับพวกวิศวกรที่ตั้งอยู่ภายในโรงงาน แต่แยกออกมาเป็นสัดส่วน วีรดา ถามรปภ.ของโรงงานถึงเจ้าของบ้านพักหลังอื่นๆที่ดูเงียบเหงา และส่วนใหญ่ถูกปิดไว้เฉยๆ จึงรู้ว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ผลิตน้ำตาล
วิศวกรส่วนใหญ่ต่างมีบ้านของตัวเอง จึงย้ายกลับไปพักที่บ้าน
ไม่เหมือนฤดูผลิตที่ต้องเดินเครื่องจักรตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พนักงานผลัดเปลี่ยนสองกะทั้งกลางวันกลางคืน รวมทั้งวิศวกรที่ต้องเตรียมตัวยี่สิบสี่ชั่วโมง
เผื่อว่า เกิดปัญหาอะไรในโรงงานจะได้เข้าแก้ไขได้ทันท่วงที
ถึงฤดูกาลนั้นที่กินเวลาราวสี่ห้าเดือน บ้านพักวิศวกรในโรงงานแห่งนี้ถึงจะเต็มทุกหลัง แต่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่ นอกจากนักศึกษาฝึกงานอย่างสิตางค์กับวีรดา ความปลอดภัยในโรงงานแห่งนี้เกินร้อย เพราะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผลัดเปลี่ยนยี่สิบสี่ชั่วโมง
สิตางค์ตื่นเช้าจนชิน เพราะอยู่หนองคายต้องช่วยแม่เปิดร้าน ถึงนอนหอพักของมหาวิทยาลัย เธอก็ชอบลุกขึ้นมาทบทวนตำราตอนเช้ามืด
ไม่เหมือนวีรดาที่จะตื่นเช้าก็เมื่อมีธุระปะปังจริงๆ อย่างวันนี้ที่ต้องเตรียมตัวไปฝึกงาน
“หอมจัง”
สิตางค์หันไปมองเห็นเพื่อนสนิทเดินอ้าปากหาวหวอดลงมาจากบันได บ้านพักหลังนี้มีสองชั้น แปลนของมันคล้ายบ้านพักข้าราชการสมัยก่อน หรือไม่ก็บ้านพักของหมออนามัยตามต่างจังหวัด
“แกนี่ สงสัยได้เชื้อแม่มาไม่มีผิด ทำกับข้าวเก่ง อย่างไม่น่าเชื่อ”
วีรดาเอ่ยชม หลังรู้ว่า สิตางค์ทำกับข้าวง่ายๆได้หลายอย่าง สำคัญที่รสชาติอร่อยถูกปาก
“ขนาดป๊ายังชมแกไม่ขาดปาก แถมยังว่า อย่างแกนี่มีเสน่ห์ปลายจวัก แบบนี้ผู้ชายรัก ไม่เหมือนฉัน ไม่ได้เรื่องสักอย่างงานบ้านงานเรือน ป๊าถึงว่า อาจต้องเกาะป๊ากินไปตลอดชีวิต”
เธอหัวเราะตัวเอง ไม่เห็นเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไร อยู่แบบนี้จะว่าไปก็ดี ไม่เดือดร้อน แต่เหงาบ้างนิดหน่อย เวลาเพื่อนรักกลับต่างจังหวัด จะว่าไปแล้ว วีรดาเองก็โลกส่วนตัวสูง ถึงจะน้อยกว่าสิตางค์ อย่างนี้ทั้งสองถึงคบกันได้นาน โดยที่ต่างคนต่างยังไม่มีคนรัก
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ” สิตางค์ยิ้มเศร้า “อย่างแม่ฉันไง เก่งงานบ้านงานครัว แต่ก็ถูกพ่อทิ้งไป ต้องพาฉันเตลิดเปิดเปิงไปอยู่หนองคาย”
“เฮ้ย ไม่หรอก” วีรดาปลอบ
“พ่อแกคงมีเหตุผลล่ะน่า อย่าไปสนใจเลยตัง” วีรดารีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้ว่า เพื่อนรักมีปมเรื่องพ่อ ถึงนานๆ จะเอ่ยถึง แต่ก็เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“น่ากินทั้งนั้นเลย” เธอทำทีเป็นสนใจอาหารเช้าตรงหน้าแบบครบเครื่องทั้งไทยเทศ ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มหมู หรือกระทั่งไข่ดาวหมูแฮม แต่ละอย่างหน้าตาดีชวนให้ท้องร้อง “ลงมือเลยนะ”
สิตางค์พยักหน้า ยิ้มขันที่เพื่อนทำท่าเหมือนเด็กเวลาหิว
“สงสัย ฝึกงานเสร็จ ฉันคงอ้วนเป็นหมู”
วีรดากับสิตางค์ในชุดนักศึกษา แต่เป็นเสื้อช็อปสวมทับเสื้อยืดสีขาวเรียบร้อย ใช้ใส่เวลาลงภาคปฏิบัติ กับกางเกงยีนส์ขาเดฟทะมัดทะแมงยาวคลุมรองเท้าผ้าใบ
เมื่อเปลี่ยนจากชุดไปรเวทเมื่อวานมาใส่ชุดนักศึกษาก็ทำให้ทั้งคู่ดูเด็กลงไปกว่าเดิม จนพนักงานที่เดินสวน ต่างเหลียวหลังมองความสดใสน่ารักของทั้งสอง ผู้จัดการโรงงานนำทั้งคู่เข้าห้องประชุมด้วยตัวเอง เพื่อแนะนำให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและต้องร่วมงานด้วยรู้จัก
สิตางค์กับวีรดานั่งลงท่ามกลางฝ่ายบุคคลและวิศวกรในแผนกที่ทั้งคู่ต้องทำงาน ก่อนไล่ยกมือไหว้แต่ละคนที่ได้รับการแนะนำตัว
กระทั่ง...
