บทที่6. ทำหน้างง
“อย่างว่าล่ะ แกมันเย็นชา จืดชืด จะไปเข้าใจความรู้สึกพวกนี้ได้ไง แล้วจะบอกให้นะ คนเมื่อกี้หน้าตายังกะพวกหนุ่มที่ถูกโหวตเลือกหนุ่มช่างฝันในนิตยสารคลีโอ”
“แกเห็น?” สิตางค์ถาม
“แน่นอน แกมัวแต่ดูอะไรไม่รู้ ฉันส่งซิกให้มอง แกก็ไม่สนใจ รับรองเห็นแล้วอึ้ง”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ฝักใฝ่เรื่องพวกนี้”
“ย่ะ แม่แก่” วีรดาส่ายหน้าไปมา ก่อนหันไปกดปุ่มเครื่องเสียงในรถ “หาเพลงกว่า”
ระหว่างที่เพื่อนรักง่วนกับเครื่องเสียงติดรถตรงหน้า สิตางค์ก็หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่วีรดาจอดรถตรงหน้ามินิมาร์ท เพื่อนวิ่งไปเข้าห้องน้ำ สิตางค์นั่งรออยู่ในรถ กดปุ่มกระจกให้ลดต่ำลง ระหว่างนั้นเธอก็หันไปเจอหมาไทยหลังอานตัวหนึ่งที่นั่งรอเจ้าของอยู่ท้ายรถกระบะชนิดขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่บังเอิญจอดอยู่ไม่ไกลจากรถของวีรดา
มันหันมาเห็นเธอเข้า เมื่อสายตาประสาน มันก็เห่าเรียก ทั้งยังกระดิกหางเหมือนว่าคุ้นเคย จนสิตางค์นึกแปลกใจ แต่ก็คิดว่า เป็นธรรมดาของหมาใจดี ก่อนจะหันไปอีกทางไม่ใส่ใจ หากพอรถแล่นผ่านหมาตัวนั้น มันก็ยังหันหน้ามองตามสิตางค์ ทั้งที่กระจกรถถูกกดปิดเรียบร้อยแล้ว
ยิ่งช่วงที่สบตากัน....
“แสนดี” สิตางค์ครางเบาๆ... เหมือน เจ้าแสนดีที่สุด...
“แกว่าอะไรนะ ใครดี” วีรดาหันมาถาม เธอกำลังตั้งใจฟังเพลงพร้อมฮัมตาม จึงฟังเพื่อนไม่ถนัด
“ปละ...เปล่า” สิตางค์ส่ายหน้า หากยังคาใจเรื่องหมาไทยหลังอานตัวนั้นอยู่ เธอหันมาขอความคิดเห็นจากเพื่อน
“แวนด้า แกเคยเล่าใช่ไหม เรื่องที่แกเกือบจำหมาพุดเดิ้ลของแกไม่ได้ เวลาแกเอามันไปตัดขนน่ะ”
วีรดาทำหน้างง แต่ก็พยักหน้าโดยดี
“นึกไงถึงถามเรื่องนี้ ฉันเคยเล่าให้แกฟังขำๆนานแล้วนี่” เธอทบทวน
“เวลาเอาไอ้ป๋องแป๋งไปตัดขนที่ร้าน เขาจะไถขนมันเกรียนทุกตัว ทรงเดียวกันหมด ฉันเคยไปรับมันแล้วงงว่า ตัวไหนของฉัน แต่แปลกนะแก เวลาเรามองตามัน เท่านั้นล่ะ จำได้ทันทีว่าตัวไหนของเรา แล้วฉันเคยถามคนอื่นๆเขาก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ฉันว่ามันขำๆดี ต้องคนรักหมาด้วยกันล่ะ ถึงเข้าใจ”
วีรดาหันมาถาม “ว่าแต่แกเถอะ ถามทำไมว่ะ หรือแกคิดจะเลี้ยงหมา”
“ฉันนึกสงสัยน่ะ”
สิตางค์หัวใจเต้นแรง เธอมองกระจกหลัง ไม่เห็นสถานีบริการน้ำมันแล้ว วีรดาขับมาไกลจากที่เดิม จนเธอนึกเสียดาย หากได้ลงไปลองแตะหัวมันดู บางทีเธอจะมั่นใจ มากกว่าได้สบตามันเมื่อครู่
แวบเดียวเท่านั้น... แสนดี... ที่แท้มันจะเป็นลูกหมาที่ใครบางคนเคยยกให้ เมื่อหลายปีก่อนหรือเปล่า และถ้า ‘ใช่’ เจ้าของแสนดีต้องอยู่แถวนั้นแน่นอนแต่ถ้ามันถูกเปลี่ยนเจ้าของไปแล้วเล่า
“แวนด้า อย่าเพิ่งไปที่โรงงานได้ไหม” เธอตัดสินใจ
ก็แค่อยากเห็นว่า แสนดีของเธอยังอยู่หรือเปล่า สิตางค์บอกตัวเอง ...ไม่ใช่ อยากเจอใครบางคนหรอกนะ คนนั้นน่ะ คงลืมกันไปแล้ว...
“ แกอยากแวะไหน”
“ฉันอยากไปบ้านเดิมที่เคยอยู่น่ะ”
เธออ้อมแอ้มบอกวีรดา และรู้อยู่แล้ว อีกฝ่ายต้องทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก
“อ้าว ไหงแกเคยบอกว่า จำทุกอย่างที่นี่ไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากจะจดจำ นี่นา”
“หืม” สิตางค์ยอมรับ “แต่ ตอนนี้ฉันมานึกได้ว่า เคยเลี้ยงหมาอยู่ตัว ตอนย้ายไปมันยังเล็กๆป่านนี้อาจจะโตแล้ว”
วีรดาพยักหน้า
“นี่ ไอ้ตัง ขนาดเรื่องมะหมา แกยังจำได้ แล้วเรื่องอะไรต่อมิอะไรตอนแกอยู่ที่นี่ ทำไมแกบอกฉันว่า จำไม่ได้”
เพื่อนรักถอนหายใจ ก่อนทำเสียงจริงจัง
“ที่ถามน่ะ ไม่ใช่อะไร ถ้าแกมีเรื่องทุกข์ร้อนในอดีตก็บอกฉันได้นะ เราเป็นเพื่อนรักกันอย่าเก็บไว้คนเดียว”
สิตางค์ยิ้ม เธอเข้าใจความหวังดีของวีรดา
“ไม่มีอะไรหรอก แวนด้า ฉันลืมไปแล้วจริงๆเรื่องที่นี่ ก็แค่เห็นหมาตัวหนึ่งก็เลยนึกถึง”
“โอเค งั้นแกบอกทางมา ที่จะไปบ้านแกน่ะ”
สิตางค์จึงชี้เส้นทางพร้อมอธิบายรายละเอียดให้เพื่อนรักฟัง ก่อนที่อีกฝ่ายจะแทรกขึ้นมา
“เออ ว่าแต่ตอนนี้บ้านแก ใครอยู่”
“ไม่มีหรอก เป็นแค่บ้านเช่า”
“อ้าว แล้วหมาตัวนั้นจะอยู่เหรอ”
สิตางค์อ้ำอึ้ง อธิบายไม่ถูก เธอได้แต่ยืนกราน
“ฉันก็ไม่รู้ อยากไปดูแค่นั้นเอง”
“เออ มีงี้ด้วย ไปก็ไปว่ะ”
