บทที่5. แอบมอง
คิมหันต์ส่ายหัวไปมาอย่างงงๆคงเหมือนที่กองกนิสว่านั่นล่ะ เขาคงแก่เกินวัยไปแล้วที่จะเข้าใจความรักของหนุ่มสาว
“แต่หน้าตาท่าทางสาวที่นายคิดจะจีบคงไม่ใช่คนบ้านเรานะ หน้าตาไม่คุ้นเสียเลย สงสัยจะเป็นพวกนักท่องเที่ยวมาจากกรุงเทพฯเสียมากกว่า”
“ไม่เป็นไรฮะ พี่คิม แล้วแต่บุญพาวาสนาส่ง ถ้าเป็นเนื้อคู่กันจริงๆบุพเพต้องอาละวาดให้ได้พบกัน อีกครั้ง” เขาทำท่าอธิษฐานทีเล่นทีจริง
ก่อนหันไปฉีกยิ้มหวานให้สาวผมม้าเต่อที่ขับรถซีวิคแล่นผ่านหน้าออกไป
“แกเห็นนายต่างด้าวนั่นเปล่า ตัง” วีรดาคุยกับสิตางค์แต่สายตาที่ยังมองผ่านกระจกท้ายรถ เห็นเด็กปั๊มคนเดิมส่งยิ้มให้เธอเสียหวานหยด เธอส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมๆ ก่อนเหลือบมองอีกคน
“สงสัยเด็กนั่นจะปิ๊งแก” สิตางค์หัวเราะเบาๆ
“อ้าว นึกว่า ไม่สังเกตอะไร เห็นเอาแต่นั่งเงียบ”
“ก็มองอยู่บ้าง แต่ไม่อยากใส่ใจ ทำไมแกชอบเด็กนั่นเหรอ”
สิตางค์ย้อนถาม
“บ้า!” วีรดาร้อง “แกก็กล้าคิดนะ ฉันยังไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดคว้าแรงงานต่างด้าวมาทำผอสระอัวหรอกย่ะ”
“เออ นึกว่า อยากลองของแปลก ไม่เอาเหรอ นั่นนะแนวตัวพ่อเลยนะ เสื้อผ้าที่แกใส่ ก็มาจากแถบบ้านเขานั่นล่ะ”
สิตางค์หยอก พลางเหลือบมองกางเกงผ้ายืดสีดำของวีรดาที่เลียนแบบกางเกงสะดอของชาวเขา กับเสื้อยืดสีเนื้อตัวเล็กพิมพ์ลายกราฟฟิคแปลกตา เธอใส่กำไลไม้แกะสลักไว้เต็มสองแขน กับสร้อยคอที่ถักด้วยเชือกหนังห้อยจี้หินสีขาวแปลกตา วีรดาแต่งตัวไปรเวทได้เก๋ไก๋เสมอ ผิดกับสิตางค์ที่นุ่งแต่กางเกงยีนส์เสื้อยืดเรียบๆมุ่นผมไว้เสมอ นานๆจะปล่อยสวยอย่างวีรดาบ้าง ยกเว้นแต่ผมหน้าม้าสั้นเต่อที่จ้างให้ สิตางค์คงไม่กล้าตัดอย่างวีรดาหรอก
“ยกนายกะเหรี่ยงนั่นให้แกเหอะ ยายตัง” วีรดาเบ้ปาก ก่อนกัดตอบ “ไม่แน่นะ ที่แกเคยเกลียดผู้ชายนักหนาบางทีอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
“ใครบอกฉันเกลียดผู้ชาย แค่รำคาญต่างหาก”
“จ้า สวยเลือกได้” วีรดายักไหล่ “ดาวคณะอย่างแกนี่นะ ก็พูดได้”
สิตางค์ได้ตำแหน่งดาวคณะตั้งแต่เรียนปี 1 แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มีความภาคภูมิหรือรู้สึกชื่นชม กระทั่งหลงในรูปของตัวเอง เธอไม่เคยสนใจใครสักคนที่มาห้อมล้อม ไม่เคยมีแฟนหรือแค่เพื่อนชายที่สนิท นอกจาก วีรดา
“เขาไม่คิดว่า เราเป็นทอมดี้น่ะดีแค่ไหน ไม่งั้นมีหวังฉันต้องแห้วตลอดกาล”
สิตางค์หัวเราะ “ไม่ดีหรือไง ฉันได้มีเพื่อนไปอยู่บ้านพักคนชราตอนแก่”
วีรดานิ่วหน้า “ไม่อะ ฉันไม่มีวันตัดทางโลกได้หรอกย่ะ”
“เฮ้ย บ้านพักคนชรา ไม่ใช่วัดนะแก”
“เหมือนกันล่ะ ถ้าฉันไม่มีลูกหลานดูแล ก็ต้องปลงแล้วไปอยู่ที่นั่น”
วีรดายังเหลือบมองไปข้างหลัง
“แต่ตอนนี้ ฉันว่า ฉันพอจะเห็นแววคนที่จะมาสร้างครอบครัวกับฉันแล้ว”
สิตางค์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ใคร” เธอสนิทกับวีรดามากพอจะรู้ทุกเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่เคยเห็นเพื่อนรักอินเลิฟกับใครชนิด อยากสร้างครอบครัว
“นั่นไง” เธอพยักเพยิดผ่านกระจกมองหลัง
สิตางค์ทำหน้างง แต่ก็มองตามโดยดี เมื่อครู่ที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน สิตางค์ไม่ทันสังเกตใครทั้งนั้น เพราะมัวแต่ก้มหน้างุด กลัวเจอคนที่ยังไม่พร้อมเจอ ทั้งบิดารวมทั้งครอบครัวของฝ่ายนั้น ที่จริงสิตางค์จากที่นี่ไปตั้งแต่ยังเด็ก คราวที่เผชิญหน้า ‘บ้านนั้น’ เธอก็ยังเด็กมาก ลูกสาวอีกคนของพ่อก็ยังเป็นเด็กหญิงเช่นเธอ พบหน้ากันแค่ครั้งเดียว แถมยังนานมากแล้ว คงจำกันไม่ได้หรอก...สิตางค์นึกตลกตัวเอง ทำไมเธอต้องกลัวคนพวกนั้นด้วยเล่า
“ผู้ชายคนนั้นน่ะ ที่ยืนคุยกับนายกะเหรี่ยง” วีรดาขยายความ “โคตรเท่ห์เลย”
“เพ้อเจ้อน่า ยายแวนด้า” สิตางค์ส่ายหัวไปมา “เธอเห็นหน้าตาเขาแล้วหรือ แถมยังไม่รู้จักกันเสียหน่อย ใครที่ไหนก็ไม่รู้”
สิตางค์มองนายคนนั้นไม่ถนัดตา เพราะจากระยะไกลจนไม่มีทางเห็นหน้ากันชัด
“แหม ก็แค่หน้าตาท่าทางแบบนี้ล่ะ ที่เป็นสเปค” วีรดาทำตาเชื่อมฝัน “ไม่เคยได้ยินหรือไง รักแรกพบ โรมานซ์จะตาย” วีรดาย่นจมูก
