บทที่4. (แอบ)นินทา
“หืม พี่จะแวะมาถามเราว่า ตกลงเราจะไปทริปเมืองกาญจน์ด้วยกันไหม”
คิมหันต์หมายถึง ทริปปั่นจักรยานทางไกลข้ามจังหวัดของชมรมปั่นจักรยานวันอาทิตย์ที่เขากับกองกนิสเป็นสมาชิกอยู่
“ไปฮะพี่ ไม่พลาดอยู่แล้ว” กองกนิสพยักหน้ายืนยัน “เห็นพวกพี่บอกว่า จะเอาของไปบริจาคให้เด็กๆ ที่ชายแดนด้วย”
คิมหันต์พยักหน้า “พี่คงไม่ได้ร่วมปั่นจักรยาน เพราะต้องทำหน้าที่ขับรถเสบียง พอดีพี่ตึ๋งไปสัมมนาที่เชียงใหม่”
เขาหมายถึงสารถีประจำชมรม ที่ทำหน้าที่ขับรถเสบียงตามหลังทุกครั้งที่จัดทริปปั่นจักรยานทางไกล
“ก็ดีสิฮะ พี่คิมเอารถยนต์ไป เผื่อหนีไปเที่ยวแถวๆนั้น ผมจะได้ไปถ่ายรูปด้วย”
กองกนิสถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก แรกๆเขาก็ไม่รู้ว่า ตัวเองชอบอะไร จนคิมหันต์นี่ล่ะสอนให้เขาเอาสิ่งที่ชอบมาเป็นงานอดิเรก จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองเลื่อนลอย ไม่มีแก่นสาร
“เออ ว่าแต่นายเถอะ” คิมหันต์ถาม เหมือนนึกได้ “เมื่อกี้พี่เห็นวิ่งมาเติมน้ำมันเองเลยหรือเรา หืมแต่ก็ดีแล้ว พ่อนายจะได้ดีใจที่นายเอาการเอางานขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ยิ่งถ้าอากงอาม่ารู้จะยิ่งปลื้มใจ รู้ไหม”
กองกนิสเคยเกเรจนน่าเป็นห่วงอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนที่เข้าไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เกือบจะเอาไม่อยู่ ดีที่ทางบ้านดึงตัวกลับมาเสียก่อน หันรีหันขวางไม่รู้จะให้ใครกำราบ ก็เลยโยนมาให้คิมหันต์ที่เคยสอนพิเศษตั้งแต่เด็กๆ ในฐานะครูพิเศษที่อากงจ้างมาติวหนังสือให้เขากับศศิพิมพ์ในช่วงวันหยุดที่ตึกใหญ่ คิมหันต์เป็นนักเรียนทุนเรียนดีของอาก๋งที่มอบทุนเรียนมหาวิทยาลัยให้เด็กในอำเภอที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลในกรุงเทพฯได้ เขาสามารถสอบเข้าคณะวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยรัฐบาล และได้รับคัดเลือกให้ได้ทุนของเจ้าสัวเจ้าของตลาด คิมหันต์จึงตอบแทนด้วยการช่วยมาติวหนังสือในวันหยุดของหลานเจ้าสัวสองคน ที่อายุห่างกันไม่กี่ปี จนสนิทสนมกับกองกนิสมากกว่าศศิพิมพ์หลานสาวที่เรียนอย่างขอไปที เพราะต้องการเอาใจอาก๋งอาม่ามากกว่า
“พี่พิมเขาไม่ชอบขี้หน้าผมหรอก ผมมันเด็ก เขาชอบทำว่าตัวเองโตแล้ว” กองกนิสเคยฟ้องคิมหันต์ เขาสังเกตอยู่เหมือนกันว่า เด็กหญิงค่อนข้างทำตัวแก่แดดเกินวัย พูดจาเหมือนผู้ใหญ่เกินตัว จนเขาได้พบมารดาของศศิพิมพ์ในวันหนึ่ง...
กองกนิสถอนหายใจ
“อากงอาม่าไม่รู้ซะดีกว่าฮะพี่คิม เท่านี้น้าโฉมก็ยิ่งคิดว่า อากงอาม่ารักผมมากกว่าพี่พิม”
เขาบ่น ก่อนเล่าให้อีกฝ่ายฟัง
“ที่จริงผมก็ไม่ได้คิดจะมาเป็นเด็กปั๊ม เรียนรู้ภาคสนามทุกอย่างที่นี่หรอกฮะ” เขายอมรับ
“แต่นู้น ยายม้าเต่อเจ้าของซีวิคสีดำนั่น”
กองกนิสพยักเพยิดไปที่รถคันเดิมที่ย้ายมาจอดหน้ามินิมาร์ท ยายผมม้าเต่อของกองกนิสเจ้าของแบงค์สีเทาในมือเขา เธอกำลังก้มหน้าคุยกับใครอีกคนที่อยู่ในรถ
“เธอคงคิดว่า ผมเป็นเด็กปั๊ม ก็เลยกวักมือเรียกมาเติมน้ำมัน แถมวันนี้คนเยอะจนไม่มีเด็กว่าง ผมเลยเนียนไป”
คิมหันต์เลิกคิ้ว
“ยังไม่พอนะฮะ เธอยังคิดว่า ผมเป็นต่างด้าวอีกต่างหาก”
คราวนี้ คิมหันต์ปล่อยพรืด หัวเราะออกมา “เขาคงคิดว่านายเป็นกะเหรี่ยงเพิ่งลงดอยมากระมัง”
“ฮะพี่ หรือไม่ก็พม่า แถวนี้เยอะเสียด้วย” กองกนิสชูแบงค์ในมืออวด “นี่ไงฮะ ไม่ต้องทอน แสบชะมัด แบบนี้ผมชอบจัง สงสัยต้องตามจีบ”
คิมหันต์ส่งเสียงกระแอมในลำคอ “น้อยหน่อย พ่อนักรัก ไอ้ที่นายมีอยู่ พี่ว่าก็แทบหมดอำเภอแล้วกระมัง”
“โอ๊ย ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกฮะพี่” กองกนิสเสเอามือเสยผมแก้เก้อ
“แต่พี่ว่า มองดูเหมือน... อายุมากกว่านายอยู่นะ นายก่อง” เขามองเธอจากที่ยืนอยู่ เห็นยายผมม้าเต่อของกองกนิสเหลือบมองมาเช่นกัน
เขารีบหันหน้ากลับมา ไม่อยากให้รู้ว่า เสียมารยาทที่นินทาสาว
“นั่นล่ะฮะ กำลังอินเทรนด์”
กองกนิสหัวเราะที่เห็นคนแก่กว่าทำหน้างง
“ผมลืมไป พี่คิมหันต์เลยวัยอินเทรนด์ไปแล้ว ถึงไม่รู้ว่า รุ่นผมเขามีแฟนอายุมากกว่ากันทั้งนั้น ตามอย่างที่ดาราสาวๆ กินเด็กไงฮะ ผมก็เลยอยากเป็นเด็กให้สาวรุ่นพี่กินกะเขาบ้าง”
