บทที่3.เด็กปั๊ม
“แวะปั๊มดีกว่า ปวดฉิ๊งฉ่อง จะได้เติมน้ำมันรถด้วย”
“อืม” เพื่อนสาวตอบสั้นๆอย่างเคย
วีรดาจึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มขนาดใหญ่แห่งนั้น ก่อนจะพบว่า ผู้คนไม่รู้มาจากไหน เดินเกร่เต็มลานไปหมด แล้วยังรถหลายคันที่จอดรอเติมน้ำมันเกือบทุกตู้
“สงสัยพวกทัวร์ล่ะ” สิตางค์ชี้ให้ดูรถทัวร์คันหนึ่งที่จอดอยู่ วีรดาพยักหน้า “โชคดีจัง คันหน้าจะออกแล้ว” เธอเหลือบไปเห็น ขณะเข้าไปจ่อท้าย
เด็กปั๊มกำลังรับเงินจากคนขับรถคันหน้าก่อนวิ่งไปที่พนักงานเก็บเงินตรงตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ รถยนต์คันนั้นก็แสนดีมีมารยาท เคลื่อนรถออกไปก่อน เพื่อให้รถที่จอดรอเคลื่อนเข้ามาแทน ไม่เสียเวลา แล้วค่อยไปรอเงินทอนตรงลานจอดหน้ามินิมาร์ท
เด็กปั๊มยังไม่กลับมา
วีรดาจอดรถเรียบร้อย หันรีหันขวาง ไม่เห็นเด็กปั๊มว่างสักคน นอกจากเด็กปั๊มคนหนึ่งที่สวมหมวกแก๊ปยืนก้มหน้าพิงเสากำลังกดปุ่มมือถือตัวเองอย่างเมามันส์
“เฮ้ น้องน้อง” นายนั่น หันซ้ายขวาหน้าหลัง
“เอ้า น้องนั่นล่ะ พี่จะเติมน้ำมัน เร้ว” วีรดาเรียก หันมานิ่วหน้าบอกเพื่อน “ปวดฉิ๊งฉ่องจะแย่ แกก็ดันขับรถไม่เป็น”
เธออยากไปห้องน้ำเต็มแก่ จึงนึกค่อนที่เด็กปั๊มนั่นอู้งาน ไม่ดูลูกค้า มัวแต่เล่นมือถือ
“สงสัยกำลังเห่อ พวกแรงงานต่างด้าวก็เงี้ย กว่าจะเก็บเงินซื้อได้” เธอเปรย ขณะที่ฝ่ายนั้นเดินกึ่งวิ่งเข้ามาที่รถวีรดา
“เต็มถัง” เธอบอกเสียงหนัก เหลือบดูหน้าตี่ๆของเด็กปั๊มที่เดาว่า คงเป็นพวกแรงงานนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ท่าทางหมอนี่ก็ดูมึนๆงงๆชอบกล คงฟังภาษาไทยไม่ค่อยออก
วีรดาอ่านตัวเลขที่ขึ้นมาบนจอเล็กๆหลังจากน้ำมันเต็มถังและเด็กปั๊มกดปุ่มหยุดพร้อมกับเก็บหัวจ่ายน้ำมัน
“เอ้า ไม่ต้องทอน ที่เหลือไว้ซื้อบัตรเติมเงินนะ จะได้โทร.จีบสาวไทย ไม่เหงา เผลอๆได้อยู่เมืองไทยถาวร”
วีรดาทำเป็นใจดี เมื่อหยิบแบงค์สีเทายื่นให้เด็กปั๊ม แล้วเคลื่อนรถออกทันที.
....
“ไง ก่อง” เสียงทักทายดังขึ้นข้างหลังเด็กหนุ่ม
เขาหันไปมองทั้งที่มือยังกำแบงค์สีเทาของผู้หญิงท่าทางเปรี้ยวจี๊ดตัดผมม้าสั้นเต่อเก๋ไก๋เธอเพิ่งเคลื่อนซีวิครุ่นล่าสุดออกไปจอดที่หน้าห้องน้ำของสถานีบริการน้ำมัน
“อ้าว พี่คิม” กองกนิสหันมาเห็นชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เขารู้จักสนิทสนมตั้งแต่เด็ก จนเติบโตก็ยังไปมาหาสู่สม่ำเสมอ
“ไปไหนมาฮะ” เขาทักถาม
“เพิ่งพาเจ้าแสนดีไปหาหมอ เผอิญผ่านทางนี้ก็เลยแวะมาคุยกับก่องด้วย”
คิมหันต์ตอบ พลางหันไปมองรถยนต์ซีวิคคันเมื่อครู่ เขาว่าหน้าตาเด็กสาวที่นั่งข้างคนขับนั่นคุ้นๆแต่มองแวบๆผ่านกระจกติดฟิลม์จึงเห็นใบหน้าไม่ถนัดนัก
หากก็คุ้นตาเสียเหลือเกิน
“เดี๋ยวนี้มันไม่สบายบ่อยนะฮะ” กองกนิสเปรย
“หืม มันแก่แล้วก็แบบนี้ ยังดีที่บ้านหลังใหม่ของพี่อยู่ในสวนมีพื้นที่ให้มันได้เดินได้วิ่งตั้งแต่เด็ก มันก็เลยยังแข็งแรงกว่าหมารุ่นเดียวกันนะ”
“เฮ้อ พี่คิมนี่มีความอดทนสูงชะมัด ถ้าเป็นผมก็คงเบื่อเหมือนกัน ต้องมานั่งดูแลหมาแก่ยิ่งกว่าประคบประหงมคนเสียอีก”
คิมหันต์หัวเราะ “แต่มันก็เพลินดีเหมือนกันนะ กลับจากงานมาถึงบ้านได้คุยได้เล่นกับมันก็หายเหนื่อยได้ พี่อยู่กับมันมาหลายปีจนผูกพัน”
เขานึกไปถึงใครบางคนที่เคยยกเจ้าแสนดีให้ไป ก่อนที่มันจะกลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง
“ข้าวตังฝากแสนดีไว้ก่อนนะคะ พี่คิมขา แล้วข้าวตังจะกลับมารับมัน”
หากจนป่านนี้เจ้าของคำสัญญาก็ไม่เคยกลับมา
“โธ่ พี่คิมคร้าบ” เสียงร้องของกองกนิสทำให้คิมหันต์ตื่นจากภวังค์“แบบนี้เมื่อไหร่ ผมจะมีพี่สะใภ้กันเล่าฮะ พี่คิมเล่นเลี้ยงหมาเพลินยังงี้”
“โอ๊ย ไม่ไหว” เขาโบกมือ “อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว”
กองกนิสรีบกระซิบบอก “อย่าพูดอย่างนี้ให้พี่พิมได้ยินเชียวนะ ไม่งั้นอีเต้นเป็นงิ้วหลงโรงแน่ เป็นมดแดงแฝงโคนมะม่วงมาตั้งหลายปี”
“เฮ้ย ดูพูดเข้า นายก่อง” คิมหันต์ตำหนิ “นั่นน่ะ พี่สาวเรานะ”
“โอ๊ย เขานับผมเป็นน้องก็ดีหรอก”
“ไม่เอาน่า นายก่อง พูดแบบนี้ลับหลังพี่เชื้อไม่ดีหรอกนะ ยังไงเราก็โชคดีที่มีพี่มีน้อง ถึงจะแค่ลูกพี่ลูกน้องก็เถอะ”
“คร้าบ ขอโทษครับพี่”
