บทที่ 7
ผมจมอยู่กับความฝันนั้นตลอดบ่าย พอรู้สึกตัวอีกทีหนึ่งก็ถึงเวลาจะต้องกลับโรงเรียนแล้ว...ฝนเริ่มตกตอนที่ผมออกจากร้าน ผมจึงเดินเรื่อยๆ ไปทางบรอดเวย์ จนกระทั่งถึงร้านขายของชำของมิสเตอร์เยมี่ พ่อของเลสรี่ย์ก็เปียกไปทั้งตัวพอดี
“เออ...ดีใจจังที่นายมาได้ เอาครีมโซดาไหมล่ะ?” เลสรี่ย์มีท่าทางดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด
ผมเลือกช๊อคโคแล็ต หลังจากที่เราดื่มจนหมดแล้วจึงได้นั่งคุยกัน ซึ่งทำให้ผมได้รู้ว่าเขายังอ่อนกว่าผมเสียอีกแต่เรียนหนังสือชั้นเดียวกัน เราคุยกันไปได้สักพักหนึ่ง สาววัยรุ่นคนหนึ่งก็เดินออกมาพูดกับเลสรี่ย์
“เร็วเข้าเถอะเลสรี่ย์ เดี๋ยวไม่ทันเวลาซัปเปอร์”
เธอเป็นพี่สาวของเลสรี่ย์อย่างที่ผมคิดจริงๆ เขาแนะนำกับผมว่า
“ดอยย์กี้ นายรู้จักเกรย์ พี่สาวเราสิ”
“เฮลโล...”เธอหันมายิ้มให้ผม”ยินดีที่ได้รู้จัก”
เกรย์อยู่ในวัยประมาณ 15ปีเห็นจะได้และน่ารักมาก ผมสีบรอนซ์ซอยเหมือนเด็กชายวัยรุ่น ดวงตาสีน้ำเงินเหมือนเลสรี่ย์ ที่เหมือนยิ่งกว่านั้นก็คือเธอชอบจ้องมองดูคู่สนทนาตรงๆ รูปร่างของเธอเล็กๆ บางๆ สูงเกือบเท่าผม
เพราะฉะนั้น พอเลสรี่ย์ถามว่า ผมอายุสักเท่าไร ผมก็ตอบไปเลยว่า 16 เพราะอย่างน้อยก็อยากให้เกรย์ประทับใจในตัวผมบ้าง
เลสรี่ย์เล่าให้พี่สาวของเขาฟังว่า มันเกิดอะไรขึ้นเมื่อบ่ายวันนี้ เธอมองหน้าผมแปลกๆ แล้วก็เดินออกไปโดยไม่ได้พูดจา ผมอดรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้ว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เลสรี่ย์ดูจะรู้ใจผมเมื่อเขาพูดขึ้นว่า
“พวกผู้หญิงนี่ตลกนะ เออ...พูดถึงเรื่องที่นายบอกเราเรื่องต่อยมวยเมื่อตอนบ่าย เรานึกออกแล้วว่ามีนวมอยู่คู่หนึ่ง นายสอนให้เราหน่อยได้ไหมล่ะ?”
“คืนนี้เลยน่ะเรอะ?”
“ใช่สิ...หลังซัปเปอร์แล้วก็ได้ นายกลับไปกินให้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยมาใหม่จะได้สอนให้เรายังไงล่ะ”
“น่ากลัวจะไม่ได้หรอก เราไม่ได้อยู่บ้านนี่ อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าต่างหาก ถ้าลองเข้าไปตอนซัปเปอร์แล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ออกมาอีก”
“อ้าว...อย่างนั้นหรอกเหรอ...”ดวงตาเขาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยว...รอเดี๋ยวนะ...”เขาวิ่งเข้าไปหลังร้าน ผมได้ยินเขาพูดอะไรกับพ่ออยู่แว่วๆ แล้วก็วิ่งกลับออกมาหาผม
“เราขออนุญาตพ่อแล้ว เดี๋ยวนายไปกินซัปเปอร์ที่บ้านเราแล้วค่อยสอนเราก็ได้”
ผมพยักหน้ารับเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจจะไปเสียด้วยซ้ำ...
คืนนั้นพ่อกับแม่ของเลสรี่ย์ไม่อยู่บ้าน เพราะฉะนั้นก็จะเหลือแต่เราเด็กๆ ที่อยู่กันตามลำพัง คือเลสรี่ย์ เกรย์และผม มีคนรับใช้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งเป็นคนเสิร์ฟอาหารให้
เธอชื่อจูลี่ อายุอานามอยู่ในวัยสาวสะพรั่งคือประมาณ 22 ปี มีสายเลือดผสมฝรั่งเศส-คานาดา เวลาพูดมีสำเนียงน่าขัน เธอได้รับอนุญาตให้นั่งร่วมโต๊ะกับเราด้วย
อาหารวันนี้เป็นชุดง่ายๆ เรารับประทานกันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เข้าไปในห้องนั่งเล่นซึ่งมีตู้วิทยุชุดใหม่ เล่นแผ่นเสียงได้ด้วย ดูเหมือนที่นี่จะเป็นแห่งที่ 3 ที่ผมได้ฟังวิทยุก็เลยรู้สึกสนใจมาก ชั่วโมงต่อมาเลสรี่ย์ก็ชวนเข้าไปในห้องซ้อมกีฬา ซึ่งจัดเป็นห้องสมุดรวมอยู่ในตัวเสร็จ เราจะซ้อมมวยกัน
สำหรับผมเองแล้วโอเคเสมอ แต่เกรย์คงไม่ชอบนัก เพราะเธอไม่ได้ตามเข้ามา อ่างว่าจะอ่านหนังสืออยู่ข้างนอก เราช่วยกันเลื่อนเก้าอี้ให้ห้องดูกว้างขึ้น จากนั้นก็จัดแจงสวมนวม
“เอาละ...นายจะต้องเริ่มต้นอย่างนี้นะ ใช้ซ้ายเป็นหมัดนำ มือขวาจดไว้ใต้คาง...อย่างนี้” ผมทำท่าทางให้เขาดูและสอนให้เขาทำตาม จากนั้นผมก็ถอยหลังออกมาจรดสายตาอยู่ที่เขา ฉากออกไปทางซ้ายเล็กน้อยและสั่งให้เขาต่อยผม
“เราไม่อยากทำให้นายเจ็บนี่” เขาว่า
“อย่าห่วงเลยน่า”
เขาปล่อยหมัดขวาออกมา ผมปิดและเต้นเข้าไปหา
“ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้านายปล่อยหมัดซ้ายออกมาแล้วไม่ใช่ขวาปิดไว้ เราจะต่อยนายได้อย่างนี้...เห็นไหม...เอ้า...แย๊ปด้วยซ้าย...วิธีนี้จะกันไม่ให้คู่ต่อสู้เข้ามาใกล้ตัวเรา”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว” เขาเรียนได้อย่างรวดเร็ว ผมปล่อยให้เขาชก2-3หมดและปิดไว้
“อย่าลืมใช้ซ้ายกันสิ”
พอเราเริ่มใหม่อีกครั้ง ประตูก็เปิดออก ผมหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ เกรย์เดินเข้ามาพอดี จังหวะนั้นเองที่เขาปล่อยหมดออกมาโดนเข้าเต็มที่ อาจจะด้วยสัญชาตญาณที่ทำให้ผมปล่อยหมัดออกไปเข้ากระบอกตาเขาพอดี เลสรี่ย์ล้มลงทันที
เกรย์วิ่งเข้าไปประคองน้องชายด้วยความตกใจ เลสรี่ย์ยังนั่งงงอยู่กับพื้นห้อง
“อะไรกันนี่...?” เกรย์ร้องลั่น “ไม่เห็นหรือว่าคุณตัวใหญ่กว่าเขาตั้งเยอะ?”
ผมพูดไม่ออก...
“ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกเกรย์ เราขอให้เขาช่วยสอนมวยให้ต่างหาก”
“แต่ดูตาเธอสินั่นน่ะ...มาร์ตี้...ดูสิ...เขียวแล้ว...เห็นหรือเปล่า?”
“ขอโทษนะ มาร์ตี้ เราไม่ได้ตั้งใจจะชกนายแรงอย่างนั้นเลย” ผมเข้าประคองเขาให้ลุกขึ้นยืน
ดูเหมือนจูลี่จะได้ยินเสียงเข้าอีกคนหนึ่งจึงโผล่หน้าเข้ามาดู
“ต้องใช้ผ้าเย็นประคบไม่อย่างนั้นบวมแน่” เธอว่า
เลสรี่ย์ค่อยๆ ถอดนวมออก
“ไม่เป็นไรน่าอีกสองสามวันก็หาย นายรอเราอยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวมา”
จูลี่คงจะเห็นผมยังสวมนวมอยู่ จึงเดินไปหยิบนวมคู่ที่เลสรี่ย์ถอดทิ้งไว้ขึ้นมาถือ
“ให้ฉันลองสวมนวมหน่อยได้ไหมคะ?” เธอถามยิ้มๆ
“เอาสิ ไม่ใช่ของผมหรอก”
“โอ...ฉันไม่เห็นมันจะอันตรายตรงไหนเลย สวมเข้าไปแล้วกลับยิ่งจะทำอะไรไม่สะดวกด้วยซ้ำ”
“เธอเคยสวมมาแล้วหรือ?”
“พ่อบอกว่าฉันน่าจะเป็นเด็กผู้ชายมากกว่า ฉันชอบทำอะไรๆ เหมือนเด็กผู้ชาย มันสนุกดีออก คุณสอนให้ฉันชกบ้างสิคะ ดอยย์กี้ ไม่ใช่ชกจริงๆ นะ เอาแค่หลักๆ ก็พอ”
“ก็ได้”
“แต่อย่าชกฉันแรงๆ นะฉันกลัวเจ็บโดยเฉพาะแถวๆ นี้” เธอใช้นวมชี้ลงตรงทรวงอก ผมมองตามมือนั้น ความรู้สึกประหลาดๆ ที่เคยเกิดขึ้นตอนเจอกับแมรี่เริ่มรบกวนผมอีกแล้ว
“จะลองดูสักสองสามหมัดก็ได้”
เธอจรดมวยด้วยท่าทางน่าขัน ชกผม2-3ครั้งผิดๆ แต่ก็ยังเต้นเข้ามาใกล้ ผมปิดไว้และเต้นเขาไปหา เธอตวัดแขนจับมือผมไว้มั่น...การชกมวยกับผู้หญิงนี่ มันรู้สึกประหลาดๆ อย่างไรพิกล ตื่นเต้นดีชะมัด...แต่ไม่ใช่เพราะชกมวยแน่
“คุณนี่แข็งแรงดีจังเลย” เธอเอนตัวเข้ามาใกล้
ผมมองดูเธอ จูลี่ค่อนข้างสูงกว่าผมเล็กน้อย พวกผมเป็นสีดำสนิท หน้าผากกว้าง ปากเต็มอิ่ม ดวงตามีแววรื่นรมย์อยู่เสมอ เรายืนชิดกันอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง แต่แล้วจู่ๆ เกรย์ก็โผล่เข้ามาอย่างไม่ทันให้เราตั้งตัว ผมจึงรีบผละออกจากจูลี่ทันที
“เธอกำลังขอให้ผมสอนมวยให้...”ผมพูดเก้อๆ ทำไมต้องรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าอย่างนั้นก็ไม่รู้
“อยากเป็นยีนส์ ทันเน่ย์หรือไง...นี่คุณ...เลสรี่ย์อยากพบแน่”
ผมถอดนวมออกส่งให้จูลี่แล้วจึงเดินตามเกรย์ไปที่ห้องนอนของเลสรี่ย์ ตอนนี้เขาขึ้นไปนอนแผ่อยู่บนเตียงมีผ้าเย็นปิดหน้าไว้
“เสียใจจริงๆ ดอยย์กี้ ไม่นึกว่าจะเป็นอย่างนี้เลย พรุ่งนี้นายไปพบเราที่ร้านพ่อนะจะได้เล่นกันอีก”
“ได้สิ มาร์ตี้ ขอโทษนะที่เราทำให้นายเจ็บ พรุ่งนี้พบกัน”
แล้วผมก็ออกจากห้อง มีเกรย์เดินตามมาส่งที่ประตู
“กู๊ดไนท์ เกรย์”
“กู๊ดไนท์” เธอตอบเบาๆ ก่อนจะปิดประตูลง แต่แล้วเหมือนตัดสินใจ เธอแง้มบานประตูค้างไว้พูดต่อว่า
“นี่...ฉันขออะไรคุณอย่างหนึ่งได้ไหม?”
“ได้สิ”
“อย่าคบกับน้องชายฉันอีก คุณมันเป็นคนละประเภทกับเรา ฉันไม่อยากให้เขาเสียเด็ก” แล้วเธอก็ปิดประตูใส่หน้าผมดังปังใหญ่
ผมเดินช้าๆ ออกไปจากบ้าน มันพูดไม่ออกเอาจริงๆ เสียด้วย
“จู๊ย์...จุ๊ย์...”มีเสียงคนจุ๊ย์ปากดังขึ้นเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าต่างชั้นบน จูลี่ยืนอยู่ที่นั่น ผมเหลียวกลับไปมองประตูที่เพิ่งผ่านออกมาอย่างระแวง แล้วก็นึกสงสัยว่าจูลี่ขึ้นไปทำอะไรอยู่บนนั้น
“มาทางนี้สิ” เธอกระซิบบอกพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือ ผมก็เลยเดินไปตามทางที่จะเข้าประตูอีกด้านหนึ่ง ซึ่งพอไปถึงหน้าประตูก็พบว่าจูลี่ยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว มันเป็นประตูด้านหลังทีเปิดเข้าไปในห้องครัว ซึ่งเมื่อเดินผ่านห้องครัวก็จะถึงห้องขนาดเล็กที่อยู่อีกด้านหนึ่งของตัวบ้าน ผมได้ยินเสียงเธอปิดประตูตามหลังลงเบาๆ
“ห้องนอนของฉันเองแหละ...อย่าทำเสียงดังไปก็แล้วกัน”
เธอบอกให้ผมค่อยๆ ...นรกน่ะสิ...ผมเองก็ตื่นเต้นจนพูดไม่ออกอยู่แล้ว ทำได้แค่มองดูเธอเท่านั้น เธอกำลังเดินไปปิดไฟแล้วก็เข้ามายืนจนชิดตัว อ้าแขนโอบผมเข้าไว้ทั้งตัว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้จูบผู้หญิงอย่างดูดดื่ม ลิ้นของเธอระรัวอยู่ในปากผม และมือของเธอก็ลูบไล้จนแทบทั้งร่างผม...แล้วจะให้ผมอยู่เฉยได้ยังไง...ในที่สุดเราก็ล้มตัวลงบนเตียงนอนพร้อมๆ กัน
“คุณแข็งแรงออก...อย่าทำฉันเจ็บนะ...อย่านะ...อย่าทำฉันเจ็บ...”
แต่แล้วนาทีต่อมาเธอก็ตะกุยตะกายร้องออกมาว่า
“ทำให้ฉันเจ็บกว่านี้สิ...ทำสิ...ได้โปรดเถอะ...ให้ฉันเจ็บกว่านี้อีก...!”
เที่ยงคืนพอดีที่ผมออกจากห้องนั้น เดินเหงาๆ ไปบนถนนสายเงียบสงัด ทั้งเนื้อตัวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อแต่ก็เอมอิ่มใจ...ความรู้สึกในส่วนลึกบอกอยู่ว่า...
บัดนี้...ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว...ทั้งที่อายุยังไม่ถึง 14 ดีเลย...
