บทที่ 10
วันรุ่งขึ้นมาร์ตี้ชวนผมไปฉลองความสำเร็จกันที่บ้านของเขา เราซ้อมมวยกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาซัปเปอร์ มาร์ตี้จึงได้ขอตัวไปอาบน้ำ ส่วนผมก็ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว จึงได้เข้าไปคอยเขาอยู่ในห้องครัว
“มาร์ตี้ไปไหนเสียล่ะ?” จูลี่เอ่ยถามผมยิ้มๆ
“อาบน้ำ...เดี๋ยวคงมา” ผมอดรู้สึกกระดากไม่ได้ เมื่อคิดถึงคืนวันที่ผ่านมา จูลี่ดูจะสวยซึ้งขึ้นทุกวัน อย่างชุดสม๊อคเรียบๆ ที่เธอสวมใส่อยู่ขณะนี้ ทำให้เธอดูอ่อนวัยกว่าอายุจริงมาก
“ซ้อมมวยไปถึงไหนกันแล้วล่ะ?”
“ก็ดี...เขาดีขึ้นเรื่อยๆ”
“แล้วบทเรียนอื่นของคุณล่ะคะ?” เธอหยดเสยงตอนท้ายอย่างน่าหวั่นไหว
“บทเรียนอะไร?” ผมถามเซ่อๆ
“อย่างนี้ไงล่ะ” เธอจับแขนผมให้โอบรอบตัวไว้
เนื้อตัวเธออบอุ่นและความอบอุ่นนั้นก็ดูจะแผ่ซ่านเข้าไปในร่างกายของผมด้วย ริมฝีปากเราสัมผัสกันอย่างดูดดื่ม ผมซุกหน้าลงตรงซอกคออย่างที่เธอชอบให้ผมทำ เสียงเธอครางเบาๆ ด้วยความรัญจวนใจ
“ดอยย์กี้ เธอรักฉันไหม?”
“อย่าถามอย่างเด็กๆ หน่อยเลยน่า”
“เด็ก...แล้วเธอล่ะอายุสักเท่าไหร่กันเชียว”
“จะสิบหกอยู่แล้ว”
“ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังโตกว่าเธอตั้งสี่ปีอยู่ดีนั่นแหละ” เธอทำเสียงอ่อนเสียงหวาน
ผมไม่ตอบซุกหน้าลงตรงซอกคอเธออีกครั้ง คราวนี้เธอจับมือผมไปวางไว้บนทรวงอกซึ่งทำให้หัวอกหัวใจผมเต้นระทึกขึ้นมาทันที สัมผัสนั้นให้ทั้งความนุ่มนวลละอบอุ่น จนน้ำตาแทบจะหยาดหยดออกมาเสียให้ได้ เสียงเธอกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูว่า
“ดอยย์กี้ เธอเก่งขึ้นมากรู้ไหม...นี่เธอกำลังจะเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้วนะ”
ผมสั่นศีรษะไม่ตอบ แต่ใบหน้ายังซุกไซ้อยู่อย่างนั้น
“บอกฉันสิดอยย์กี้...บอกสิ ว่าเธอรักฉัน”
“ไม่บอก”
“น่า...ดอยย์กี้...พูดสิ...พูดว่าจูลี่ผมรักคุณ”
ผมละริมฝีปากจากซอกคอที่อวลอบด้วยกลิ่นหอม ควานหาริมฝีปากของเธอซ้ำอีก...แต่เสียงผิวปากอย่างร่าเริงของมาร์ตี้ดังลั่นมาจากห้องน้ำ เราจึงผละออกจากกัน...ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมกำลังมีดวงตาที่เป็นประกาย ริมฝีปากเป็นรอยเยินด้วยแรงจูบ
“ฉันจะต้องทำให้เธอพูดให้ได้...เอาไว้ก่อนเถอะ”
ผมหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กของเธอ เสียงมาร์ตี้ดังมาจากหน้าประตู
“หัวเราะอะไรกันน่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก”
แล้วเสียงฝีเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะก็ดังตามมา เกรย์โผล่เข้ามาในห้อง
“ขอโทษที ช้าไปหน่อย วันนี้เลือกประธานคณะที่โรงเรียนเสียด้วย...อ้อ...คุณก็มาด้วยหรือนี่?” เธอมองจ้องหน้าผมนิ่งๆ
“ใช่ รังเกียจไหมล่ะ?” ผมถามอย่างท้าทาย
เกรย์ไม่ตอบ ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว แล้วก็ขอตัวออกจากห้องไปก่อน...
หลังจากที่เราเสร็จจากซัปเปอร์แล้ว ผมก็ยังนั่งคุยอยู่กับมาร์ตี้อีกครู่ใหญ่จึงได้ขอตัวกลับ ตอนนี้เองที่เกรย์ตามออกมาส่งถึงหน้าประตู
“คุณนี่ ไม่ยอมทำตามที่ฉันขอเลยนะ”
“อย่ามายุ่งกับผมได้ไหม มันไม่ใช่กงการอะไรของคุณสักหน่อย” เมื่อพูดออกไปแล้วผมก็รู้สึกเสียใจ อย่างน้อยผมก็แสดงความหยาบคายกับพี่สาวเพื่อนอย่างไม่ควรกระทำ ยิ่งเห็นน้ำตาคลอหน่วยอยู่ในดวงตาเธอผมก็ชักใจเสีย
“ขอโทษ เกรย์...ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“อย่ามาถูกตัวฉันนะ ฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหม...คุณมันไม่ได้ทำตัวอย่างเด็กๆ ในวัยนี้เขาทำกัน ชอบทำตัวแก่แดด ฉันจะบอกให้ก็ได้ ฉันรู้สึกยังไงตั้งแต่วันที่เห็นคุณครั้งแรก คนอย่างคุณน่ะถ้าไปแตะต้องอะไรเข้า สิ่งนั้นมันต้องพินาศไปหมด...ฉันไม่อยากให้คุณมาข้องเกี่ยวกับน้องชายฉัน เพราะฉันไม่อยากเห็นชีวิตเขาพินาศตามไปด้วย ได้ยินแล้วใช่ไหม?”
ประตูปิดปังใส่หน้า...ผมขบริมฝีปาก เดินออกจากตรงนั้นด้วยใบหน้าร้อนผ่าว แต่พอผ่านประตูเล็กก็เห็นจูลี่ยืนดักคอยอยู่แล้ว
“ทำไมช้านักล่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมเดินตามเธอไปเงียบๆ จนถึงห้องหอของเรา พายุภายในกำลังพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง...คำพูดของเกรย์ยังก้องอยู่ในหู...ผมฟัดหวี่ยงจูลี่อย่างบ้าระห่ำและจูบเธอจนหายใจหายคอไม่ออก...ก็ให้มันพินาศไปสิ...ไม่ใช่ชีวิตของผมนี่
“เดี๋ยว...ดอยย์กี้” เธอหัวเราะระรื่น “เดี๋ยว บอกก่อนสิว่าจูลี่ผมรักคุณ...”
ผมรัดร่างเธอไว้แน่น มือป่ายเปะอยู่ตรงสะโพก
“ไม่เอา...ไม่เอานะดอยย์กี้ บอกมาก่อนสิว่า จูลี่ผมรักคุณ”
ผมผลักเธอให้นอนหงายลงบนเตียงและก่อนที่มันจะเริ่มขึ้น ผมก็กระซิบใส่หูเธอเบาๆ ว่า
“ใช่...จูลี่ ผมรักคุณ...”
ในความรู้สึกส่วนตัวของผมนั้น สิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับก็คือ ผมนับถือโคชอยู่มาก ค่าที่เขาเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการที่ไม่มีโรงเรียนไหนในโลก ที่จะสอนได้ คือวิชาการพนันอย่างโต๊ดเถื่อนที่เขาบอกกับผมว่า
“ง่ายมากไอ้หนู แกไปที่ถนน 64นะ ฉันจะบอกลูกค้าไว้ให้ ว่าแกเป็นคนของฉัน ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก ไปถึงก็ส่งรายชื่อหมาให้เขาเลือกแทง ถ้าคนซื้อเป็นลูกค้ารายใหม่ฉันจะทำบัญชีแยกไว้ให้ ถ้าเป็นลูกค้าเก่าแกก็กินเปอร์เซ็นต์ไปเลย 50-0 แต่ต้องจำไว้ว่าอย่ารับแทงจากคนที่ฉันไม่ได้ให้ชื่อไว้ มันอันตรายมาก อีกอย่างหนึ่งถ้ากลับมาไม่มัน แกจะต้องรีบโทรศัพท์เข้ามาบอกก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันเวลาแข่งขัน”คำแนะนำมีเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นผมก็บุกเดี่ยว เพียงวันเดียวผมก็สามารถทำเงินได้ถึง 22.50 เหรียญ แบ่งกับโคชคนละครึ่งก็ได้แล้ว 11.25เหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นรายได้ที่งดงามพอที่ผมจะลืมความปรารถนาที่จะไปพักตากอากาศในฤดูร้อนกับเจอรี่เสียได้
และพอถึงปลายสัปดาห์ ผมก็สามารถทำเงินได้ถึง 51 เหรียญ รวมกับค่าทำความสะอาดสถานที่ให้โคชอีก 6 เหรียญก็เป็นเงินถึง 57เหรียญ ซึ่งผมไม่เคยหาเงินได้มากอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ใครจะว่าผมไม่รู้จักค่าของเงินหรืออย่างไรก็ตามแต่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีเงินเต็มกระเป๋า ดังนั้นสิ่งแรกที่ผมทำ คือเดินเข้าไปในร้านอาหาร สั่งแฮมเบอเกอร์กับโค๊กมากินเสียจุใจ
วันอาทิตย์ต่อมา ผมมีนัดว่ายน้ำกับจูลี่หลังจากเสร็จนมัสการแล้ว เราไปขึ้นรถไฟที่ไทม์สแควร์ คนแน่นจนต้องเบียดกัน ดูเหมือนว่าใครๆ จะมีความคิดตรงกันในการที่จะหลบลมร้อน
ผมซื้อกางเกงอาบน้ำสีขาว เลือกแบบที่มีกระเป๋าพอที่จะเก็บเงินได้ด้วย จูลี่อยู่ในชุดสีแดง รูปร่างเธอดูเล็กลงไปอีกเมื่ออยู่ในชุดนี้ มันทำให้ผมอดภูมิใจอย่างลมๆ แล้งๆ ไม่ได้ที่ได้เดินควงคู่ไปกับเธอ
น้ำอุ่นใส คลื่นเป็นฟองขาวอยู่บนพื้นน้ำทะเลสีเขียวมรกต เราว่ายเล่นกันอยู่พักใหญ่ แล้วก็ขึ้นมานอนผึ่งกันอยู่บนหาด ร่างขาวผ่องของเธอนอนหงายอยู่บนผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่
“ตอนนี้งานการเป็นยังไงบ้างล่ะ ดอยย์กี้” เธอตะแคงตัวเข้ามาหาผม
“ดีมาก...อาทิตย์ที่แล้วผมได้มาตั้งห้าสิบเอ็ดเหรียญแน่” ผมทำเสียงหยิ่งๆ
“อะไร...ตั้งห้าสิบเอ็ดเหรียญเชียว?”
“ใช่...ดูไหมล่ะ...นี่ไง...”ผมดึงปึกธนบัตรออกมาอวด
“เก็บไว้เถอะ...เชื่อแล้ว ว่าแต่เธอคิดจะเอาเงินไปทำอะไร?”
“ยังไม่รู้เลย คงจะซื้อเสื้อผ้าบ้าง ซื้อพวกของใช้ส่วนตัวนิดๆ หน่อยๆ ผมเบื่อที่จะต้องใส่เสื้อที่มีคนบริจาคมาให้เต็มทนแล้ว อยากซื้อเสื้อผ้าอย่างที่เคยอยากได้แล้วก็เป็นของตัวเองจริงๆ เสียที”
ผมควักบุหรี่ออกมาจุดส่งให้เธอมวนหนึ่ง เธอพ่นควันเป็นทางยาวก่อนจะพูดว่า
“ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะเอาเงินนี่ไปเปิดบัญชีไว้กับธนาคาร เก็บสะสมไว้ พอเข้าวิทยาลัยจะได้มีเงินใช้”
“เฮ่ย...ผมไม่ได้แคร์เรื่องเรียนเท่าไหร่นักหรอก ตอนนี้ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะหาเงินจริงๆ จังๆ เสียที แล้วผมก็อยากได้คุณเป็นแฟนจริงๆ ด้วย”
“คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือคะดอยย์กี้” เสียงถามนั้นอ่อนหวานน่ารัก
“จริงสิ...”ผมมองตาเธออย่างกระหาย...แต่คนบนหาดเต็มไปหมด ผมจึงได้แต่ระงับความกระวนกระวายไว้
แล้ววันที่เจอรี่จะไปตากอากาศก็มาถึง ความมีน้ำใจทำให้เขาอุตส่าห์มาหาผมถึงร้านมิสเตอร์โคช
“อยากให้นายไปกับเราจัง ดอยย์กี้”
“ไม่ได้หรอก นายก็รู้แล้วนี่ว่าเราต้องทำงาน”
“รู้...รู้...เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้านายเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็เขียนจดหมายบอก แล้วเราจะให้พ่อช่วยจัดการให้”
“โอเค...ขอให้สนุกนะเจอรี่”
“บาย”
เราจับมือกันแนบแน่น ผมส่งสายตาตามหลังเขาไปอย่างละห้อย อย่างน้อยในนาทีนั้น ผมก็อดรู้สึกอิจฉาเขาไม่ได้ มันช่างเป็นโชคอันประเสริฐเสียเหลือเกิน ที่เมื่อคนเราเกิดมาแล้ว ต้องการในสิ่งไหน เพียงแต่ออกคำสั่งก็ได้ตามความปรารถนาแล้ว
ผมก้าวกลับเข้าไปในร้าน ลงมือล้างส้วมอย่างรีบเร่ง เพราะอีกสักครู่ก็จะต้องออกไปหาลูกค้าโต๊ดเถื่อนอีกแล้ว รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่ผมเอาเงินไปเปิดบัญชีไว้กับธนาคาร ตามคำแนะนำของจูลี่และตอนนี้ก็มีเกือบ 80 เหรียญแล้ว มันก่อให้เกิดความย่ามใจและสนุกกับการหาเงิน ในการหาเงินด้วยวิธีนี้ขึ้นมาอย่างจริงๆ จัง ความหวังที่จะมีเงินอย่างใครเขาบ้างก็ดูจะใกล้ความเป็นจริงเข้ามาบ้างแล้ว
ซึ่งก็ไม่น่าห่วงอะไรนัก เพราะในอาทิตย์หนึ่งๆ มีคนที่ซื้อโต๊ะแล้วไม่ถูกเลยตั้งหลายครั้ง วิธีนี้ทำเงินให้กับเราได้มาก มิสเตอร์โคชก็ดีกับผมอย่างเหลือจะกล่าว เขายกเงินส่วนเกินนั้นให้กับผมทั้งหมด สำหรับรายที่เป็นลูกค้าโดยตรงของผมและอีก 50 เปอร์เซ็นต์สำหรับรายที่เป็นลูกค้าของเขา ดูเขาช่างเป็นคนที่มีสัจจะอย่างน่านับถือ
อีกประการหนึ่งโดยสันดานของคนเรานั้น ถ้าลองแทงไม่ถูกในคราวแรกๆ แล้ว เขามักจะทุ่มแทงให้หนักมือในครั้งต่อไป ซึ่งก็อีกนั่นแหละ ถ้าเกิดถูกขึ้นมา บางทีก็เลยแทงต่อจนแทบหมดตัวเอาทีเดียว แต่ถ้าวันไหนเป็นวันที่มีลูกค้าแทงถูกกันมากๆ มันก็เป็นวันที่ไม่น่ารื่นรมย์สำหรับผมเหมือนกัน
