4/1 มันต้องเป็นคนที่ฉันรักเท่านั้น
เช้านี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความมาคุด้วยเพราะมีธนา เจ้าของเมค อิท แฮพเพน ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ผู้เป็นพ่อของไทเกอร์มาร่วมโต๊ะอยู่ด้วย คนเป็นพ่อมาพร้อมกับอาหารจานโปรดของลูกชาย มีทั้งปลาอินทรีทอดน้ำปลา ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว หลนปู ตบท้ายด้วยกุ้งอบวุ้นเส้น ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารฝีมือป้าวรรณแม่นมและพี่เลี้ยงที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กบนับจากที่แม่ของเขาจากไป ซึ่งป้าวรรณมีหน้าที่เพียงทำอาหารตามคำสั่งคนเป็นพ่อที่อยากจะมาเอาใจลูกชายตัวเอง
เพียงได้เห็นอาหารแต่ละชนิดตรงหน้ากุลจิราก็รู้ดีว่าคุณซุปตาร์เรื่องเยอะคนนี้จะไม่ยอมแตะมันแม้แต่คำเดียว ไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าพ่อนั้นเพียงต้องการมาเอาใจเขาเรื่องที่ดินที่เชียงใหม่ เป็นมันเป็นเพราะมื้อเช้าของเขาจะมีแค่กาแฟกับไข่ลวกและสลัดเท่านั้น แค่เท่านั้นจริงๆ ต่อให้อาหารตรงหน้าจะเป็นจานโปรดแค่ไหน เขาก็ไม่แตะ อาหารเหล่านี้คงต้องอดทนรอเขาจนกว่าจะถึงมื้อเที่ยง
“กินสักหน่อยสิ…ป้าวรรณเขาทำสุดฝีมือเลยนะ” คุณพ่อวัยเกือบจะหกสิบเอ่ยกับลูกชาย ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้รับการอนุญาตให้มาเยี่ยมเยียนกันได้
“ดูน่าอร่อยทั้งนั้นเลยนะคะ หวานลองชิมนี่ดีกว่า” พอเห็นคุณซุปตาร์คนดังเอาแต่นั่งนิ่ง กุลจิราก็รีบหยิบช้อนมาตักหลนปูไปวางลงในจานข้าวตัวเอง หน้าที่ของเธอในเช้าวันนี้ก็คือการเป็นคนกลางคอยห้ามศึกไม่ให้สองพ่อลูกฆ่ากันตาย
“พ่อจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ” ไทเกอร์รู้ตั้งแต่ที่พ่อบอกว่าจะมาหาแล้ว เขารู้ว่ามันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง…ถ้าหากไม่ใช่เรื่องที่อยากให้เขาไปบริหารค่ายหนังต่อจากท่าน ก็คงเป็นเรื่องที่ดินที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผืนที่คุณปู่ชลธิศมอบให้เขาเมื่อหลายปีก่อน แต่พ่อดันอยากได้มันไปทำคาเฟ่สวนดอกไม้ให้สาวในสต๊อกของตัวเอง
“อย่าใจดำกับพ่อนักเลยน่ะเจ้าเสือ จะให้พ่อดูหน้าแกผ่านบิลบอร์ดบนทางด่วนกับในทีวีอย่างเดียวเลยหรือไง?” มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างสองพ่อลูก เมื่อก่อนทั้งสองก็เคยรักกันดี ทว่าหลายปีก่อน…อยู่ๆ ไทเกอร์ก็ไม่ยอมเข้าหน้าผู้เป็นพ่อ จนถึงทุกวันนี้กุลจิราก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะสาเหตุอะไร เพราะไม่กล้าถามและรู้ว่าต่อให้ถามไป คนอย่างไทเกอร์หากไม่คิดจะบอกเอาอะไรมาง้างปากเขาก็ไม่พูด รังแต่จะไปทำให้เราขุ่นเคืองเสียเปล่าๆ
“เรื่องที่ดิน?” ลูกชายเลิกคิ้วถาม แต่ดูเหมือนปฏิกิริยาตอบสนองจากพ่อทำให้รู้ว่าเขาเดาผิด “เรื่องค่ายหนัง? ผมเคยบอกไปแล้วว่าจะไม่เข้าไปบริหารค่ายหนังให้พ่อ ถ้าจะมีสักวันที่ผมอยากเป็นเจ้าของค่ายหนังขึ้นมา ผมจะสร้างมันขึ้นมาใหม่…ด้วยสองมือของผมเอง พ่อเตรียมตัวลงเป็นรองให้ผมได้เลย เมื่อไหร่ที่ผมทำค่าย พ่อจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวเพิ่มมาอีกคน”
“เกอร์…” กุลจิราพยายามเอามือสะกิดหน้าตักไทเกอร์ เพื่อปรามให้เขาเบาฝีปากอันร้ายกาจลงบ้าง
“ดูมันสิหนูหวาน…ดูมันพูดกับพ่อมัน อ้าปากทีไรถ้าไม่ด่าพ่อเรื่องผู้หญิง ก็ขู่แต่ว่าจะตั้งตนเป็นคู่แข่ง”
“ตกลงว่าพ่อมีเรื่องอะไร? ผมรู้ว่าที่มาถึงนี่พร้อมกับอาหารพวกนี้ก็เพราะพ่อมีจุดประสงค์อื่น”
“อีกไม่กี่เดือนแกก็จะสามสิบแล้วนะไอ้เสือ” สุดท้ายคุณพ่อผู้ยังดูอ่อนกว่าวัยและยังคงความหล่อเอาไว้ก็เอ่ยออกมา “ถึงเวลาที่แกต้องวางแผนอนาคตแล้ว”
“แล้ว?”
“แกยังจำหนูบัวบูชาได้ไหม? ต้องจำได้สิเพราะเขาเป็นแฟนคนแรกของแก” ได้ยินแบบนั้นไทเกอร์ก็ชำเลืองมองกุลจิราที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาจำแฟนตัวเองได้ทุกคน จำได้หมดเพียงแต่ไม่เคยใส่ใจ
“บัวทำไม?”
“คืออย่างนี้นะ พ่อเพิ่งจะมารู้ว่าหนูบัวเขาเป็นลูกสาวของคุณครรชิต เป็นลูกค้าที่สปอนเซอร์ให้หนังในค่ายเรามาหลายเรื่องแล้ว วันก่อนเขาบอกว่าลูกสาวเขายังโสดอยู่ คุยไปคุยมาก็ได้รู้ว่าเป็นบัวบูชา พ่อก็จำได้ว่าแกเคยเป็นแฟนกับเธอเมื่อนานมาแล้วน่ะ”
“แล้วยังไง?”
“พ่อแค่อยากให้แกลองไปเจอเธอ รับเธอไปดื่มกาแฟ พาไปกินข้าว” พูดง่ายก็คือลองออกเดต เรื่องที่ธนาต้องการเอ่ยกับลูกชายแท้จริงแล้วก็คือการให้ลูกเตรียมหาเมียนั่นเอง
“หวาน…หวานขอตัวก่อนนะคะ” กุลจิราที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ พอได้ยินว่าสองพ่อลูกกำลังคุยเรื่องส่วนตัว เธอก็ไม่อยากนั่งเป็นบุคคลที่สาม ทว่าในตอนที่เธอคิดจะลุกจากโต๊ะ มือหนาก็รั้งมือเล็กเอาไว้แล้วบังคับให้เธอนั่งอยู่ที่เดิม
“ไม่ต้องไป” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมเข้มนั้นเอาแต่จ้องหน้าผู้เป็นพ่อ “ถ้าพ่อรู้ว่าผมเคยคบบัวบูชา ก็น่าจะต้องรู้ด้วยว่าผมเป็นคนบอกเลิก แถมคบกันแค่ช่วงสั้นๆ ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันอะไร ที่สำคัญ…ผมไม่เคยคิดอยากจะย้อนศรไปหาแฟนเก่า”
“นั่นมันผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว ตอนนี้น่ะหนูบัวเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคมาก สวยจนต้องเหลียวหลังมอง หน้าที่การงานก็ดีเลิศ เธอกำลังเป็นที่พูดถึงในแวดวงธุรกิจ มีคนเข้ามาขายขนมจีบเยอะแยะจนเลือกไม่ถูก”
“ถ้ามีแต่คนอยากได้ขนาดนั้น แล้วทำไมพ่อจะต้องให้เป็นเป็นหนึ่งในแมลงวันที่เข้าไปตอมขี้?”
“ไอ้เจ้าลูกคนนี้!” ลูกชายเถียงคำไม่ตกฟากทำเอาคนเป็นพ่อของเริ่มขึ้น “บัวบูชาน่ะเป็นดอกไม้ ไม่ใช่ขี้! ส่วนแกก็เป็นดาว…ไม่มีผู้ชายคนไหนเหมาะสมกับหนูบัวได้มากเท่าแกแล้ว!”
“แต่ผมไม่สนไง! พ่อก็รู้อยู่แล้วว่าพ่อบังคับอะไรผมไม่ได้ พ่อไม่มีวันทำได้! ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน สิ่งเดียวที่คนอย่างพ่อไม่มีสิทธิ์คือบงการชีวิตผม! กลับไปซะ…ถ้าพ่อจะมาพูดโน้มน้าวให้ผมหาเมียหรือแต่งงานกับคนที่พ่อหามาให้ รู้เอาไว้เลยนะว่าผมจะไม่ทำตามเด็ดขาด!”
“ไทเกอร์!” กุลจิราไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่ไทเกอร์พูดแบบนั้นกับพ่อที่รักเขามาก
“ดูมันหนูหวาน! ไอ้ลูกบ้านี่มันไม่เคยพูดดีๆ กับพ่อมันเลยสักครั้ง!”
“ก็พ่อทำตัวให้ผมควรต้องพูดดีด้วยหรือไง?!”
“พอเถอะไทเกอร์!” กุลจิราขึ้นเสียงใส่ไทเกอร์ เธอทนฟังเขาทำนิสัยแบบนี้ต่อหน้าผู้เป็นพ่อไม่ไหวแล้ว
“เธอเองก็เหมือนกัน! เลิกสั่งให้ฉันทำตัวดีๆ กับเขาสักทีได้ไหม?! ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไร…เธอจะแปลกใจด้วยซ้ำที่ฉันยังยอมให้เขามาเจอหน้าได้!”
“แกจะโทษพ่อฝ่ายเดียวไม่ได้! แกคิดว่าพ่ออยากทำแบบนั้นหรือไงไอ้เสือ! แล้วพ่อก็ขอโทษแกไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! ทำไมแกไม่ยอมยกโทษให้พ่อสักที?!”
“หึ! ยกโทษเหรอ? กับสิ่งที่พ่อทำน่ะเหรอ?! ถามตัวเองไหมว่าถ้าโดนหลอกมาเกือบทั้งชีวิตแล้วจะยอมยกโทษให้ได้ไหม!”
จากเรื่องค่ายหนังเป็นเรื่องที่ดิน จากเรื่องที่ดินกลายเป็นเรื่องแต่งงานและจากเรื่องแต่งงานก็เข้าเรื่องในอดีต เรื่องราวที่เป็นสาเหตุให้สองพ่อลูกต้องผิดใจกันมานานนับสิบปี คุณซุปตาร์หนุ่มทิ้งท้ายไว้ด้วยคำถามให้คนเป็นพ่อได้คิด ก่อนที่เขาจะลุกออกไปจากโต๊ะกินข้าวทันที จนที่ตรงนี้เหลือเพียงแต่กุลจิราที่นั่งทำหน้าไม่ถูก ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้ แต่ก็ไม่เคยชินชากับมันได้เสียที
ยังไงซิ้ ยังไง
อยู่ๆ ทำไมบัวบูชาแฟนคนแรกที่นังเสือมันเทไปเป็นสิบๆ ปี ถึงย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง?
