บท
ตั้งค่า

บทที่ 3: เจ้าแมวตัวร้าย【2】

ถึงจะรู้ว่าสู้ไม่ได้ในเรื่องของพละกำลัง กระนั้นซิ่นเฉิงก็ยังจะดื้อด้านสู้ ครั้นเห็นเทียนอี้หลบหลีกทุกกระบวนยุทธที่เขาสำแดงออกมาได้ชะงัด สีหน้าของซิ่นเฉิงก็กราดเกรี้ยว ขัดใจไม่น้อยที่ไม่อาจจะต่อกรได้ ก่อนจะเปลี่ยนจากการใช้หมัดมาใช้กรงเล็บ วิชามารที่เขาเรียนรู้จากผู้เฒ่าคนหนึ่งในเผ่าซึ่งอดีตเคยเป็นนักรบ

ฝ่ามือพุ่งไปคว้าคอเสื้อของเทียนอี้ ก่อนกระชากเต็มแรง ส่งผลให้อาภรณ์ขาดวิ่นเป็นชิ้น เทียนอี้ชำเลืองมอง เห็นตนเสียท่าก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรจะหยอกล้อกับคนตรงหน้าอีกแล้ว จริงอย่างที่พ่อบ้านเหลียงพูด ใจดีด้วยมากไป อีกฝ่ายจะกำเริบเสิบสาน

ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะยั้งมืออีกต่อไป ทันทีที่เห็นซิ่นเฉิงพุ่งเข้ามาหาพร้อมกับวิชากรงเล็บมาร เขาก็คว้าเอาข้อมือข้างนั้นไว้ บิดไพล่หลังเสียจนอีกฝ่ายร้องโอดโอยเมื่อความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย อีกทั้งยังเตะตัดขาให้อีกฝ่ายทรุดลงไปกองกับพื้น

“ถึงเวลาที่เจ้าต้องหยุดพยศเสียที”

ซิ่นเฉิงซึ่งเจ็บปวดจนใบหน้าเหยเกเหลือบมองอมนุษย์ตนนั้น ก่อนจะแค่นเสียง

“ขะ...ข้า...จะไม่ยอมก้มหัวให้เจ้า ไม่มีวัน!”

ดื้อดึงเสียจนน่าจับโบยนัก!

“แต่มันถึงเวลาแล้ว” ถึงจะคิดเช่นนั้น เทียนอี้ก็ไม่อยากจะถือสาหาความใด ได้แต่บอกเสียงเรียบ พลันปล่อยมือออกจากร่างกำยำนั้น

ทว่า... การปล่อยให้ซิ่นเฉิงเป็นอิสระ แทนที่เขาจะเข็ดหลาบเพราะความเจ็บปวดที่เทียนอี้มอบให้ เขากลับไม่ยอมอ่อนลงง่ายๆ สบโอกาสก็พุ่งเข้ามาหา หมายจะทำร้ายคนตรงหน้าอีก

เทียนอี้หันกลับมาในชั่วพริบตา ยื่นมือออกไปตรงหน้า คว้าเอาลำคอแกร่งของซิ่นเฉิงไว้ พลันออกแรงบีบเสียจนคนที่คิดร้ายต่อเขาหายใจไม่ออก ซิ่นเฉิงดิ้นพล่าน มือทั้งสองพยายามรั้งเอามือของเทียนอี้ออก ทว่าก็ไร้ประโยชน์เมื่อมันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าคล้ำแดดเริ่มซีดขาวด้วยขาดอากาศหายใจ จึงสะบัดขาเตะเข้าที่ช่องท้องของเทียนอี้เต็มแรง

ถึงจะความอดทนเป็นเลิศ แต่ถูกเตะเข้าไปอย่างนั้นก็ทำเอาจุกเหมือนกัน เทียนอี้คลายฝ่ามือออกเล็กน้อย ก่อนที่ซิ่นเฉิงจะวาดกรงเล็บมารเข้าที่ใบหน้า หากแต่เทียนอี้หลบได้จึงพลาดไปโดนยังลำคอ

ขนสีเงินยวงกระจุกหนึ่งหลุดติดมือชายหนุ่มมา เทียนอี้เหลือบมองแล้วก็คำราม

“เจ้า...!”

ชักจะโกรธขึ้นมาเสียแล้ว อุตส่าห์ให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่เจ้าแมวป่าตัวนี้ก็หาได้เชื่องขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยังจะตอบแทนบุญคุณเขาด้วยการข่วนจนขนของเขาหลุดอีก ช่างน่าทำโทษนัก!

ส่วนซิ่นเฉิง เห็นขนบริเวณลำคอของเทียนอี้หายไปกระจุกหนึ่งก็ยิ้มเยาะออกมาด้วยกำแหง

“ทำไมรึเจ้าหมาน้อย”

เทียนอี้หมดความอดทนแทบจะในทันที ส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งเข้ามาหาอีกฝ่าย ซิ่นเฉิงหมายจะหลบ แต่คราวนี้เทียนอี้เอาจริง หลบไปก็เท่านั้นเพราะเขาถูกคว้าลำคอเสียเต็มแรง ก่อนจะถูกเหวี่ยงไปยังเตียง ตามมาด้วยร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมา

เสียงลมหายใจกระหืดหอบดังออกมาจากอมนุษย์ออกมาคล้ายกับว่าสะกดโทสะที่พวยพุ่ง ซิ่นเฉิงพยายามขยับด้วยหายใจไม่ออกแต่ไม่เป็นผลครั้นเมื่อสบดวงตาสีทองอำพัน เขาก็หยุดเคลื่อนไหวไปในทันที

สีหน้าของเทียนอี้ในตอนนี้หาใช่นิ่งเรียบอย่างที่เคยเห็นอีกต่อไปทว่าดูกราดเกรี้ยว แยกเขี้ยวใส่ราวกับจะบอกว่าหากเขาไม่หยุดดื้อดึง คมเขี้ยวสีขาวมุกคู่นี้แหละจะฝังลงมาบนลำคอของเขาแล้วฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ จนจำซากเดิมไม่ได้

“อย่าดื้อรั้นกับข้า”

พอจะหายใจได้เกือบเป็นปกติแล้ว เทียนอี้ก็ว่าขึ้นเมื่อเห็นว่าสายตาที่ซิ่นเฉิงมองมาแฝงไปด้วยความหวาดกลัว

ใช่...หวาดกลัว ถึงจะกล้าเพียงใด แต่ทุกครั้งที่ถูกเทียนอี้จับจ้อง ลึกๆ ในใจเขาก็ประหวั่นพรั่นพรึงอมนุษย์ตนนี้อยู่ดี

ครั้นเห็นว่าการสั่งสอนสมควรพอแค่นี้ เทียนอี้ก็คลายฝ่ามือแล้วผละขึ้นนั่ง ซิ่นเฉิงไอโขลกหน้าดำหน้าแดงกระทั่งน้ำตาไหล เจ็บใจไม่น้อยทีเดียวที่สู้เทียนอี้ไม่ได้ ไม่เพียงแค่พละกำลังมากกว่าเขามหาศาล ยังจะมีวรยุทธที่เหนือชั้นกว่าอีกโข แม้จะมีร่างกายใหญ่โต แลดูคล้ายกับว่าจะเคลื่อนไหวได้เชื่องช้า ทว่าผิดถนัดด้วยเทียนอี้นั้นเคยเป็นเทพ ถึงจะสูญสิ้นซึ่งพลังตบะที่สั่งสม แต่ก็ไม่แปลกที่เขาจะยังมีวรยุทธสูงส่งติดตัวอยู่ เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาฝึกฝนจนแก่กล้าเสียก่อนที่จะกลายเป็นเทพเสียอีก อีกทั้งยังหวาดกลัวเทียนอี้จนร่างกายแข็งทื่ออีก เป็นความจริงที่ไม่อยากยอมรับแต่ก็จำยอมด้วยไม่อาจเลี่ยงได้

ช่างน่าเจ็บใจจริงๆ!

เทียนอี้จ้องมองมนุษย์หนุ่มด้วยสายตายากจะอ่าน ไม่รู้ว่าเขากำลังระอาใจอย่างที่พ่อบ้านเหลียงระอา หรือครุ่นคิดหาวิธีกำราบพยศอยู่กันแน่แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มหยุดไอแล้ว เขาก็เปรยออกมา

“หากเจ้ามีเรี่ยวแรงมากมายถึงเพียงนั้น รุ่งขึ้นให้มาพบข้าที่ลานกว้างของจวน ไม่ต้องไปกับพ่อบ้านเหลียง”

ซิ่นเฉิงไม่รู้ว่าเทียนอี้ให้เขาไปพบทำไม แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนักด้วยเจ็บแค้นเสียจนตามืดบอดเสียมากกว่า

“ข้าจะไม่ทำตามคำสั่งของเจ้า! โอ๊ย!” ถึงจะกลัว แต่ก็ไม่วายยอกย้อน พลางดันตัวขึ้นหมายจะลุก ทว่าเมื่อใช้ข้อมือที่ถูกบิดดันตัวขึ้น ความปวดแปลบก็พร่างพรายจนต้องนั่งลงไปอย่างเดิม

เทียนอี้เห็นว่าข้อมืออีกฝ่ายแดงเถือกก็คว้าแขนข้างนั้นของซิ่นเฉิงไปพินิจ

“แค่กล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อย ใช้สมุนไพรประคบเพียงครู่ก็หาย ไปที่ห้องโอสถกับข้า ข้าจะประคบให้ ป่านนี้พ่อบ้านเหลียงคงเข้านอนแล้ว”

เห็นท่าทางนั้น ซิ่นเฉิงก็กระชากแขนกลับ

“ข้าไม่ต้องการความเมตตาจากสุนัขป่าอย่างเจ้า!”

“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าดื้อดึงกับข้า” เทียนอี้ถามเสียงต่ำ

ซิ่นเฉิงชักสีหน้า “หากข้าจะต้องตาย ข้าจะยอมตายถ้าต้องวิงวอนขอชีวิตจากเจ้า”

คล้ายจะได้ยินเสียงถอนหายใจดังออกมาจากเทียนอี้

เอาเถิด ไม่อยากจะประคบสมุนไพรก็ช่าง ถ้าเช่นนั้นก็...

“กลับเรือนนอนไป รุ่งเช้าข้าจะให้คนไปตาม”

...ไล่เลยแล้วกัน อยู่ด้วยนานๆ แล้วชักจะปวดกะโหลกอย่างที่พ่อบ้านเหลียงเป็นแล้ว

ไม่ต้องให้ไล่ซ้ำ ซิ่นเฉิงก็ไม่อยู่ต่อ ต่อให้ไม่ไล่ก็ไม่มีวันอยู่ เขารีบผุดลุกขึ้น ส่งสายตาเจ็บแค้นมาให้เทียนอี้ ก่อนจะพรวดพราดกลับออกไปในพริบตา

เสียงร้องโหวกเหวกด้วยความโมโหพร้อมกับเสียงกิ่งไม้ของต้นไม้บางต้นถูกทำลายลอยตามมาให้ได้ยิน ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าป่านนี้ซิ่นเฉิงคงจะระบายอารมณ์กับต้นไม้ในสวนเขาอยู่

นี่คงหมายจะให้สวนของเขาพินาศให้จงได้สินะ?

กระนั้นเทียนอี้ก็ไม่ถือสาใดๆ ทำเพียงยกมือขึ้นแตะลำคอบริเวณที่ขนหายไป พลางพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง

เจ้าแมวตัวร้าย...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel