ตอนที่ 1 ไม่ใช่สเปก
ร้านอาหารสไตล์ยุโรปตกแต่งสวยงาม มีสวนน้ำพุด้านนอกและรูปปั้นหญิงสาวประดับไว้ตรงทางเข้าทั้งสองด้านราวกับกำลังทำหน้าที่ต้อนรับแขก นอกจากนั้น บริเวณรอบ ๆ แม้แต่ลานจอดรถยังมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้บรรยากาศร่มรื่นแม้จะอยู่ใจกลางเมืองกรุงก็ตาม
“บริษัทเครื่องประดับงานมันน้อยเกินไปหรือไงถึงได้หาเรื่องเปิดร้านอาหารน่ะ”
กิตติภพเอ่ยถามอัคราผู้เป็นเจ้าของร้านและเป็นเพื่อนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจ พลางกวาดสายตาสีเข้มมองไปรอบ ๆ อย่างสนอกสนใจ
“ก็แค่อยากหาอะไรทำแก้เบื่อน่ะ” อัคราตอบกลับพร้อมกับผายมือให้นั่งลงยังโต๊ะที่จัดไว้ให้
“จะว่าไปที่นี่ก็ตกแต่งได้ไม่เลวนะ ไม่คิดว่ากลางเมืองกรุงจะมีร้านอาหารที่ร่มรื่นขนาดนี้”
แขกผู้มาตามคำเชิญเอ่ยชมสถานที่ ถึงจะบอกว่าหาอะไรทำแก้เบื่อ แต่เขาก็รู้ว่าอัคราคงลงทุนไปไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างว่า...ระดับเจ้าของบริษัทเครื่องประดับชั้นแนวหน้าของประเทศไทย จะทำอะไรเล่น ๆ ได้ไง
“เรื่องนี้ต้องขอบใจมึงนะไอ้ตี๋ ที่แนะนำนักออกแบบให้น่ะ ร้านกูถึงได้ออกมาดูดีขนาดนี้”
“จะมาขอบใจอะไร เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้”
กิตติภพยกแก้วเครื่องดื่มที่พนักงานเพิ่งเอาเสิร์ฟจิบ ๆ เพียงเล็กน้อยในระหว่างที่ยังมองดูรอบ ๆ ร้านอย่างสนอกสนใจ จนสายตาไปหยุดอยู่ที่โต๊ะใหญ่โต๊ะหนึ่ง ซึ่งคล้ายกำลังจัดงานฉลองหรืองานชุมนุมอะไรสักอย่าง
“ตรงนั้นทำอะไรกันวะ ทำไมคนเยอะจัง”
“อ๋อ...พนักงานแจ้งว่ามีกลุ่มแฟนคลับจองจัดงานเลี้ยงต้อนรับเน็ตไอดอลที่ตัวเองชอบเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกน่ะ ได้ข่าวว่าดังมากในโซเชียล”
‘ไร้สาระ’ กิตติภพได้แต่นึกในใจ คนเรานี่ก็แปลก...ไปคลั่งไคล้ผู้หญิงที่รู้จักผ่านโซเชียลทั้งที่ไม่ได้รู้จักนิสัยกันจริง ๆ แม้แต่นิดเดียว แถมยังมาจัดงานเลี้ยงต้อนรับเสียใหญ่โต โคตรจะไร้สาระ
“นี่เป็นของขวัญจากพี่ครับ”
“อันนี้เป็นของพี่กับน้องสาวทำมาให้ค่ะ”
“ของพี่อันนี้ครับ”
แฟนคลับทั้งหญิงและชายต่างพากันมองขอบขวัญให้กับหญิงสาวที่พวกเขารู้จักผ่านทางไลฟ์สด เมื่อรู้ว่าเธอกลับมาถึงประเทศไทย ทั้งหมดจึงรวมตัวกันจัดงานเลี้ยงต้อนรับ
“ขอบคุณมากเลยนะคะ เป้ยดีใจมาก ๆ เลยค่ะที่ทุกคนเอ็นดูเป้ยขนาดนี้”
เป่าเป้ยรับของจากทุกคนแล้วเอาวางไว้บนโต๊ะที่พนักงานจัดเตรียมไว้ให้ บนใบหน้าหวานระบายรอยยิ้มกว้างและพูดคุยกับทุกคนอย่างอารมณ์ดี
ถึงแม้เธอจะได้รับของขวัญจากเหล่าบรรดาแฟนคลับบ่อย ๆ แต่ว่าก็ยังดีใจทุกครั้งเวลาที่มีใครให้ของขวัญ มันทำให้รู้สึกว่าบนโลกที่เหลือเพียงตัวคนเดียวยังมีคนมากมายที่พร้อมโอบกอดและยอมรับในตัวตนของเธอ
แต่ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น สายตาก็บังเอิญเหลือบมองไปทางด้านหลังของคนตรงหน้า การกระทำทุกอย่างนิ่งค้างกลางคันทันทีทันใด เมื่อเธอเห็นใครบางคนที่คุ้นตาเหลือเกิน
ชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำ ใบหน้าหล่อคมรับกับทรงผมที่จัดแต่งทรงไว้อย่างดี แม้มองจากตรงนี้จะเห็นเพียงด้านข้าง แต่เสน่ห์ที่พุ่งออกมาจากตัวเขาก็ทำให้ผู้หญิงหวั่นไหวได้ไม่ยากเลย เป่าเป้ยจำเขาได้ดี เพราะกีรติมักอวดรูปถ่ายให้ดูบ่อย ๆ จนเธอเองตกหลุมรักพี่ชายของเพื่อนซี้ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
ไม่ผิดคนแน่...แถมตัวจริงของเขานั้นดูดีกว่าในรูปถ่ายที่เพื่อนเอามาโชว์ตั้งหลายเท่า แบบนี้จะเรียกว่าโลกกลมหรือพรหมลิขิตได้หรือเปล่า แต่ว่า...กีรติมักบ่นให้ฟังเป็นประจำว่าพี่ชายเจ้าชู้มาก
“อ๊ะ...” เป่าเป้ยรีบลุกจากเก้าอี้เมื่อเห็นเขาคนนั้นลุกเดินไปทางห้องน้ำ “เป้ยขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ทุกคนรอเป้ยแป๊บหนึ่งนะ”
“ได้ครับ น้องเป้ยรีบกลับมานะ”
“ค่ะ ๆ เป้ยจะรีบกลับมานะคะ”
หญิงสาวผู้เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังสาวเท้ายาว ๆ อย่างเร่งรีบไปทางห้องน้ำ ในเมื่อเพื่อนเธอบอกว่าเขาเจ้าชู้ มันก็ต้องลองดูหน่อย
เป่าเป้ยมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ หัวใจดวงน้อยเต้นรัว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเธอเลยก็ว่าได้ที่กล้าทำอะไรบ้าบิ่นขนาดนี้ แม้จะไม่ใช่เรื่องเสี่ยงตายหรืออันตราย แต่การมาดักรอเพื่อเจอหน้าผู้ชายที่ตนเองรู้จักเขาเพียงฝ่ายเดียวนั้น มันก็เป็นเรื่องที่กล้าเกินไปจริง ๆ
แล้วหัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมกับร่างสูงกำยำเดินออกมา เป่าเป้ยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามทำให้ตัวเองดูธรรมชาติที่สุด แล้วแกล้งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์พร้อมกันเดินตรงไปยังเขา
“อุ๊ย!...” เป่าเป้ยทำเสียงตกใจเมื่อร่างกายสัมผัสเข้ากับคนที่เดินสวนออกมา “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
กิตติภพหยุดเดินก้มมองหญิงสาวที่บังเอิญเดินชนกันแล้วเขาก็จำได้ว่าเธอเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังอะไรนั่นที่เพื่อนเล่าให้ฟังเมื่อครู่
“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบกลับแล้วเบี่ยงตัวหลบเพื่อจะเดินไปอีกทางเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของตน
“เอ่อ...คุณคะ” เสียงเล็กเอ่ยเรียกเอาไว้ พร้อมกับมือที่ยื่นไปดึงแขนของอีกฝ่าย “จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันอยากจะทำความรู้จักกับคุณไว้น่ะค่ะ”
“ไม่ดีมั้งครับ” กิตติภพตอบกลับโดยที่ไม่เสียเวลาคิดเลยแม้แต่วินาทีเดียว “ดูแล้วคุณก็น่าจะรุ่นเดียวกับน้องสาวผม บังเอิญว่าผมไม่ชอบเด็กน่ะครับ พอดีไม่ใช่สเปก”
คำตอบมาพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น มันเป็นคำตอบที่ดูมีมารยาทมาก ๆ แต่นั่นแหละ...ถึงอย่างไรความหมายมันก็คือการปฏิเสธแบบไม่เหลือความหวังเลยสักนิดเดียว
คนตัวสูงเบี่ยงตัวหลบเพียงเล็กน้อยแล้วเดินหนีไป จะให้รั้งไว้อีกครั้งแน่นอนคนอย่างเป่าเป้ยไม่ทำแน่ แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ในวันนี้ก็ทำให้รู้ได้ว่า ถึงเขาจะเจ้าชู้ แต่ก็ไม่ใช่จะยุ่งกับผู้หญิงทุกคนที่เข้าหา
ไม่ใช่สเปกงั้นเหรอ...แบบนี้สิ ท้าทายดี
หลังจากที่เดินหนีออกมาจากหน้าห้องน้ำ กิตติภพก็รีบก้าวขายาว ๆ เพื่อกลับโต๊ะที่อัครานั่งรออยู่
“ทำไมไปห้องน้ำนานจังวะ” อัคราเปรยถามทันทีเมื่อเพื่อนกลับมายังโต๊ะ
“ไม่มีอะไรหรอก แต่ตอนนี้กูกลับก่อนนะ” เขาตอบแล้วรีบหยิบของของตัวเอง “มีธุรด่วนน่ะ ไว้วันหลังค่อยมาใหม่”
“เออ ๆ งั้นก็ไม่เดินไปส่งนะ”
กิตติภพยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร แล้วก็รีบเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาต้องไปถึงรถให้เร็วที่สุด ก่อนผู้คนที่อยู่แถวนี้จะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“เป็นเหี้ยอะไรวะ!”
เขาสบถคำอย่างหัวเสียเมื่อเข้ามานั่งในรถและปิดประตูพร้อมกับล็อกแล้วเรียบร้อย สายตาก้มมองตรงเป้ากางเกง ซึ่งตอนนี้ไอ้สิ่งที่สมควรจะหลับอยู่ข้างในนั้นพองตัวดุนดันออกมาจนแทบจะระเบิด
แค่ได้กลิ่นหอม ๆ จากเด็กคนนั้นก็เกิดอารมณ์จนควบคุมไม่ได้ น้ำหอมยี่ห้ออะไรถึงได้ทำให้ร่างกายของเขามีปฏิกิริยาได้ขนาดนี้
“แล้วจะเอาลงยังไงวะเนี่ย” กิตติภพบ่นกับตัวเองในขณะที่กำลังพยายามควบคุมลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย เผื่อว่าไอ้ลูกชายตัวดีจะได้อ่อนตัวลง
แต่หลายนาทีผ่านไป ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ในตอนนี้เขาไม่ได้มีอารมณ์อยากจะมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น ในสมองเอาแต่ฉายซ้ำภาพของผู้หญิงคนเมื่อครู่ สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องรีบขับรถกลับคอนโดทั้งที่กึ่งกลางกายยังพองคับแน่น เพื่อจะได้รีบไปปลดปล่อยด้วยตัวเอง
///////////////////////////////////////////////////////
