บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 อยากรู้จักพี่แก - 1

เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มือเล็กของคนซึ่งครึ่งหลับครึ่งตื่นเอื้อมมากดปิดอย่างนึกรำคาญ แต่แล้วร่างกายที่นอนราบอยู่บนเตียงนุ่มก็ต้องดีดตัวลุกขึ้นด้วยความไว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก

เป่าเป้ยเข้าไปอาบน้ำอย่างเร่งรีบ ตอนเช้าในเมืองกรุงรถติดแค่ไหนทุกคนก็รู้ดี หากช้าอีกแค่เพียงเสี้ยววินาทีอาจจะไปถึงมหาวิทยาลัยสายกว่าที่คิด

อาบน้ำเสร็จก็มาหยุดยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่กับตู้เสื้อผ้า ชุดชั้นในแสนเซ็กซี่และเสื้อนักศึกษารัดรูปถูกหยิบมาสวมก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยกระโปรงสีดำทรงเอสั้นผ่าหน้าโชว์เรียวขาสวยที่ออกกำลังกายบริหารเป็นอย่างดี

ครีมบำรุงผิวต่าง ๆ ถูกบรรจงทาบนผิวหน้าตามลำดับขั้นตอนก่อนแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้าเพียงบาง ๆ ความจริงก็ไม่ได้ชอบแต่งหน้าอะไรขนาดนั้น แต่เพราะเป็นคนดังในโซเชียล จึงเหมือนโดนบังคับกลาย ๆ ว่าเธอต้องดูดีทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก ถามว่าเหนื่อยไหม บางทีมันก็รู้สึกเหนื่อย แต่ว่า...เวลามีแฟนคลับเข้ามาทักทายพร้อมกับขอถ่ายรูปมันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง

ดังนั้น...การทำตัวเองให้สวยทุกวันเพื่อตอบแทนคนที่เขาชื่นชมในตัวเรา มันก็ไม่ได้ลำบากมากมายอะไรนัก

“สวยเหมือนกันนะเนี่ย”

เสียงหวานเอ่ยชมตัวเองผ่านกระจกขณะที่กำลังใช้หวีแปรงนุ่มหวีผมยาวสลวยอย่างเบามือ เสร็จแล้วก็หมุนซ้าย หมุนขวา เพื่อเช็กความเรียบร้อยอีกรอบ เมื่อทั้งเสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างลงตัว เป่าเป้ยก็เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเตียงนอนขึ้นมาเก็บภาพวันแรกของการไปเรียนเทอมนี้ ก่อนจะโพสต์ลงหน้าเพจของตัวเองพร้อมกับแคปชั่น ‘เป้ยไปเรียนก่อนนะคะ’

ไม่ถึงหนึ่งนาที ยอดกดไลค์ก็เด้งขึ้นรัว ๆ ราวกับว่าทุกคนที่ติดตามเธออยู่ต่างกำลังเฝ้ารอเวลาให้เน็ตไอดอลคนสวยแจ้งอัปเดตสถานะของตัวเอง รวมไปถึงคอมเมนต์ที่ถูกส่งมาหาจนอ่านไม่ทัน

‘ใส่ชุดนักศึกษาน่ารักจังเลยครับ’

‘ขอให้เป็นวันที่ดีนะน้องเป้ยคนสวย’

‘เดินทางปลอดภัยนะคะพี่เป้ย’

‘เลิกเรียนแล้วอย่าลืมมาไลฟ์นะครับ’

เป่าเป้ยเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กแล้วหยิบกุญแจรถคู่ใจ จะว่าไป นานแล้วที่ไม่ได้ขับรถในกรุงเทพฯ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนได้ใบขับขี่มาใหม่ ๆ เลย...

โชคดีที่ตื่นตามเสียงนาฬิกาปลุกเลยทำให้ไม่ต้องผจญกับรถติดและมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนเวลาเข้าเรียน หญิงสาวดีกรีดาวของคณะอักษรศาสตร์เดินเข้ามาในโรงอาหารของคณะฯ แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่ง

แต่ก่อนที่จะไปสั่งอาหารก็ยังไม่ลืมพิมพ์ข้อความส่งหาเพื่อนซี้ที่อยู่คณะบริหารธุรกิจซึ่งอยู่ติดกัน และเธอมั่นใจว่ากีรติก็น่าจะมาถึงมหาวิทยาลัยแล้วเช่นกัน

หมวย : ถึงพอดีเลย ขอห้านาที เจอกัน

ระหว่างที่รอเพื่อนมาหา เป่าเป้ยก็ไปสั่งก๋วยเตี๋ยวมาทานพลาง ๆ ห้านาทีไม่ขาดไม่เกิน กีรติก็เดินมานั่งยังโต๊ะที่เธอรออยู่

บทสนทนาของสองเพื่อนซี้ไม่ได้มีอะไรมากนอกจากการบอกคิดถึงและสอบถามเรื่องราวหนุ่มสุดหล่อของเพื่อนรัก พร้อมกับเอ่ยถามในเรื่องที่ตนอยากรู้

“เออ...หมวย” เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ เป่าเป้ยก็เอ่ยเรียกเพื่อนที่กำลังนั่งซดน้ำก๋วยเตี๋ยวอยู่

“หืม...มีอะไรเหรอเป้ย”

“คือ...ฉันอยากจะถามว่าพี่ชายแกมีแฟนยังอะ”

เพียงแค่จบประโยค กีรติก็แทบจะสำลักน้ำก๋วยเตี๋ยวที่เพิ่งซดเข้าไปพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณ

“ที่โบกมือนี่หมายความว่าพี่แกยังไม่มีแฟน?”

“ยังไม่มีแฟน แต่ที่โบกมือหมายความว่า แกอย่าไปยุ่งกับเฮียตี๋ดีกว่า รายนั้นน่ะ ไม่มีคุณสมบัติเป็นแฟนที่ดีได้หรอก”

กีรติบอกกับเธอเรื่องนี้หลายรอบและแน่นอนว่าไม่เคยสนับสนุนให้ไปชอบพี่ชายสุดเจ้าชู้ของตัวเองเลยสักครั้ง มีแต่ห้ามและเตือนสติบอกย้ำกับเธอเสมอว่าอย่าไปเล่นกับไฟ

“งั้นเหรอ..” เป่าเป้ยตอบกลับสั้น ๆ แต่แววตานั้นเป็นประกาย “แต่ฉันชอบความท้าทายแกก็รู้”

“ก็ตามใจแก”

เพื่อนรักห้ามจนไม่รู้จะห้ามอย่างไร สุดท้ายก็ต้องตามใจ แน่นอนว่าไม่ได้มั่นใจถึงขนาด 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะทำให้เขาคนนั้นหันมาสนใจเธอได้ แต่ในพจนานุกรมของเป่าเป้ยนั้นมีแต่คำว่า ‘ต้องลองถึงจะรู้’

“ฉันอยากรู้จักพี่แกน่ะ ขอเบอร์ได้ปะหมวย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel