ตอนที่ 1 พนันกันไหมคะ
สนามบิน
หญิงสาวร่างเล็กยืนอยู่ภายในสนามบินกับเพื่อนสนิท ข้างกายมีกระเป๋าเดินทางหลายใบ และในตอนนี้มือข้างหนึ่งก็ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู รออยู่นานและคนปลายสายที่กดโทรหาก็ไม่รับสักที
“พี่ชายแกไม่รับเหรอหมวย” เป่าเป้ยเอ่ยถามเพื่อนที่พยายามกดโทรออกหลายครั้งแล้ว
“อืม...ไม่รู้ว่าเฮียตี๋ทำอะไรอยู่ ทั้งที่ฉันบอกไว้แล้วแท้ ๆ ว่าจะมาถึงวันนี้ตอนสองทุ่ม” กีรติตอบกลับแล้วก็เอาโทรศัพท์มากดโทรออกอีกครั้งหลังจากที่สัญญาณตัดไป และในที่สุดก็มีคนรับสาย
//อ๊า...เสี่ย//
แต่เสียงที่ดังลอดออกมานั้นกลับไม่ใช่เสียงพี่ชายของเธอ ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรง ๆ ก่อนที่ผู้เป็นน้องสาวจะพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“นี่เฮียตี๋ หมวยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะมาถึงวันนี้ตอนสองทุ่ม แล้วนี่มันยังไง ถึงได้พาผู้หญิงมาเอาเวลานี้ฮะ”
//มันติดพันว่ะหมวย จะให้หยุดกลางคันก็ไม่ได้ เดี๋ยวเฮียหาคนไปรับแล้วกัน รอหน่อย//
“ให้มันเร็ว ๆ เลยนะ ไม่อย่างนั้นหมวยจะฟ้องป๊ากับม๊า”
กีรติกดตัดสายไปในทันทีแล้วก็ยกแขนขึ้นกอดอกด้วยความหงุดหงิด เป็นอย่างนี้ตลอด เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง มันจะมีอารมณ์อะไรได้ตลอดเวลา เห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่าน้องนุ่งตลอด!
“พี่แกว่าไงหมวย”
“เฮียตี๋บอกว่าจะหาคนมารับน่ะ เดี๋ยวเราออกไปรอด้านหน้าก็แล้วกัน”
ความจริงจะเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ แต่กระเป๋าเดินทางของตัวเองและเพื่อนสนิทที่นับรวมกันได้ประมาณสิบใบ เลยคิดว่าให้ที่บ้านมารับจะดีกว่า อีกอย่าง จะได้แวะไปส่งเป่าเป้ยที่คอนโดด้วย อย่างไรก็เป็นเพื่อนกัน จะให้อีกฝ่ายนั่งแท็กซี่กลับคนเดียวก็ยังไงอยู่
Rrrr
Rrrr
เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่หลายครั้ง บวกกับรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเป็นชื่อของเพื่อนสนิท ทำให้ภัทรกรวางปากกาที่กำลังขีด ๆ เขียน ๆ บนเอกสารอยู่ลงแล้วกดรับสาย
“มีอะไรไอ้ตี๋”
//ไอ้กร มึงช่วยไปรับหมวยที่สนามบินหน่อยดิ ด่วนเลย หมวยมาถึงแล้ว//
หนึ่งปีแล้วเหรอที่ยัยตัวแสบไปเรียนแลกเปลี่ยนที่จีน จะว่าไปก็เร็วเหมือนกัน เผลอแป๊บเดียวเธอก็กลับมาแล้ว
“แล้วทำไมมึงไม่ไปเอง น้องก็น้องมึง เกี่ยวอะไรกับกู”
ไอ้การที่ต้องไปรับเด็กดื้อมันไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร หากว่าหนึ่งปีที่แล้วเขาไม่สร้างเรื่องเอาไว้ด้วยการเผลอไผลไปมีอะไรกับเธอ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเอาเสียเลย แต่ว่า...คนเป็นผู้ชายจะทนแรงยั่วขนาดนั้นไหวได้ยังไง
//ไอ้เหี้ยกร ช่วยกูหน่อย ตอนนี้กูกำลังเอากับเด็กอยู่ แม่งหยุดไม่ได้//
“รู้ว่าน้องจะกลับมา มึงก็ยังเสือกไปเอากับผู้หญิงเนาะ เป็นพี่ภาษาอะไรวะ”
//มึงเลิกบ่นกูแล้วออกไปรับหมวยเดี๋ยวนี้เลย แค่นี้แหละ เดี๋ยวกูบอกน้องกูไว้//
พูดเพียงแค่นั้นกิตติภพก็ตัดสายไป แต่ก่อนเสียงสัญญาณจะตัด เขาก็ยังได้ยินเสียงกระเส่าครางของผู้หญิงที่กำลังโดนเพื่อนซี้จัดหนักอย่างชัดเจน
ใบหน้าคมเข้มได้แต่ส่ายไปมา จะปฏิเสธก็ไม่ได้ อย่างไรก็คงต้องไปรับอยู่ดี
รถคู่ใจถูกเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วเพราะไม่อยากให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงประเทศไทยต้องรอนาน โชคดีที่วันนี้รถไม่ติด แต่กว่าจะขับรถมาถึงสนามบินก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง
ระหว่างที่กำลังต่อคิวเข้าไปยังบริเวณรับผู้โดยสารนัยน์ตาสีน้ำตาลก็คอยสอดส่องมองหายัยตัวเล็กที่ไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งหนึ่งปี แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับใครคนหนึ่งที่เขาจำใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของเธอได้ดี
รถเคลื่อนจอดเทียบด้านหน้าสองสาวที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ให้เดาก็คงเป็นกิตติภพที่บอกน้องเอาไว้ว่าส่งเขาเป็นคนมารับแทน
ภัทรกรรีบลงจากรถ ช่วยทั้งสองคนขนกระเป๋ากว่าจะยัดเข้าด้านในรถได้หมดก็เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย กีรติขึ้นมานั่งข้างคนขับอย่างไม่ต้องเอ่ยถาม ส่วนเป่าเป้ยก็เข้ามานั่งยังเบาะด้านหลังในทันที
“ไม่คิดว่าพี่กรจะมารับหมวย” กีรติพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส ต่างจากชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ที่นั่งหน้าเคร่งขรึม
“ก็ถ้าไอ้ตี๋ไม่ขอร้อง พี่ก็คงไม่มา”
“เสียงเข้มจังเลยค่ะ ไม่เห็นเหมือนคืนนั้นเลย”
สายตาคมตวัดมองยัยตัวแสบที่ฉีกยิ้มแป้นอยู่ข้างเขา ภัทรกรได้แต่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดลึก ๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะขับรถออกจากบริเวณสนามบิน
“พี่กรไปส่งเป้ยก่อนนะคะ แล้วค่อยไปส่งหมวยที่คอนโด คงไม่รบกวนมากเกินไปใช่ไหม”
“แล้วปฏิเสธได้ไหมล่ะ”
“แน่นอนว่าไม่ได้ค่ะ”
ถูกต้อง...ในเวลานี้เขาไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อยู่แล้ว กีรติหันไปพูดกับเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง สองสาวคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กันสนุกสนาน มีบางครั้งที่เขาแอบมองเด็กดื้อเป็นระยะ ผ่านไปหนึ่งปี เธอแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย
อืม...จะเปลี่ยนไปบ้างก็ตรงนิ้วเรียวสวยที่แต่งแต้มสีแดงเอาไว้บนเล็บ ทำให้ดูเป็นสาวขึ้นกว่าเมื่อก่อน
ครู่ใหญ่ รถของภัทรกรก็มาจอดยังหน้าคอนโดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่พักของเป่าเป้ย ช่วยกันขนกระเป๋าลงจากรถให้เธอแล้ว สองสาวโบกมือลาให้กันก่อนที่กีรติจะกลับขึ้นมานั่งยังตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
และเมื่อเหลือเพียงเขาและเธอแค่สองคน ยัยตัวแสบที่นั่งทำเหมือนไม่สนใจมาตลอดทางก็ออกลาย
“พี่กรยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ แต่เอ๊ะ...หมวยว่าหล่อกว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนตั้งเยอะแหนะ”
กีรติพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่การกระทำนั้นกลับค่อย ๆ เขยิบตัวเข้ามาหาเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
“นั่งดี ๆ หมวย พี่ไม่มีสมาธิขับรถ”
เขาออกคำสั่งด้วยเสียงเข้ม ๆ หวังให้ยัยเด็กดื้อกลับไปนั่งยังเบาะของตัวเองแล้วไม่กวนเขาอีก แต่ว่า...คนอย่างกีรติเคยฟังเสียที่ไหน เธอยังคงเบียดเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทั้งยังใช้ดวงตากลมโตน่ารักมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย รวมไปถึงริมฝีปากนิ่มที่เคยจูบเมื่อหนึ่งปีก่อนกำลังคลี่ยิ้มน่ามันเขี้ยว
“พี่กรเฉยชากับหมวยจังเลยนะคะ ทั้งที่คืนนั้น...”
“หมวย หยุด” ภัทรกรรีบห้ามก่อนที่เธอจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ “เราตกลงกันแล้วนะว่าจะจบแค่คืนนั้น”
มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ความเผลอไผล หรืออะไรก็ตามแต่ แต่เขาไม่ได้ต้องการจะสานสัมพันธ์ต่อ ยังไม่ต้องการจะมีใครมาผูกมัด โดยเฉพาะถ้าผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวของเพื่อนสนิท หากวันไหนอยู่กันไม่ได้ ต้องเลิกรากัน คงไม่พ้นต้องผิดใจกับเพื่อนตัวเองไปด้วย
“หมวยก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ อีกอย่าง หมวยก็ไม่ได้บอกเฮียตี๋ตามที่สัญญากับพี่กรไว้”
“ก็ดี เพราะเรื่องคืนนั้นพี่ลืมไปหมดแล้ว”
เขาตั้งใจพูดตัดสัมพันธ์ให้เด็ดขาด เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องคิดอะไรไกลไปกว่านี้ แต่แทนที่กีรติจะเงียบไป จังหวะหนึ่งที่หันไปมองใบหน้าเนียนกลับพบว่า มันมีรอยยิ้มกว้างจนเกือบจะถึงติ่งหูประดับอยู่
“พี่กรลืมจริง ๆ เหรอคะ” นิ้วเรียวเริ่มกรีดกรายลงบนแผงอกกว้างของคนที่กำลังขับรถ “ถ้าอย่างนั้น เรามารื้อฟื้น...”
“หยุดเลยหมวย เราตกลงกันแล้วว่าคืนนั้นแค่คืนเดียว”
ฝ่ามือหนาจับมือซุกซนนั้นให้หยุดก่อนจะดึงออกไปให้พ้นตัว แต่ว่า เด็กดื้อก็ยังขยับตัวมาใกล้อย่างเดิม
“เหรอคะ หมวยตกลงแบบนั้นกับพี่กรเหรอ”
สีหน้าท่าทีใสซื่อราวกำลังขบคิดในสิ่งที่เขาเพิ่งเอ่ยบอกไป แต่คำพูดพวกนี้มันเป็นสิ่งที่เธอพูดเองไม่ใช่หรืออย่างไร จะมาทำเป็นลืมอะไรตอนนี้
“พี่เคยบอกหมวยแล้วใช่ไหมว่าไม่ได้คิดอะไรกับเรามากไปกว่าคำว่าพี่น้อง” ภัทรกรเน้นย้ำคำเดิมที่เคยบอกอีกครั้ง
“จำได้ค่ะ แต่พี่กรก็จำได้ใช่ไหมคะว่าหมวยเคยบอกว่าชอบพี่กร แล้วก็อยากได้พี่กรเป็นแฟน”
รถที่กำลังแล่นอยู่บนถนนถูกหักหลบเข้าจอดข้างทางแทบจะทันที เมื่อหยุดนิ่ง สายตาคมก็ตวัดมองคนข้าง ๆ อย่างเอาเรื่อง
“หยุดความคิดเลยนะหมวย พี่ไม่อยากมีแฟน”
“พี่กรก็ลองให้หมวยจีบพี่ดูก่อนสิคะ ไม่แน่ว่าพี่กรอาจจะชอบหมวยเข้าสักวันก็ได้”
คนตัวเล็กพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ ราวกับล่วงรู้อนาคตว่าสักวันเขาคงตกหลุมรักเธอแน่
“ไม่มีทาง”
“งั้นพนันกันไหม ว่าเกมนี้ระหว่างหมวยกับพี่กร ใครจะชนะ ถ้าถึงที่สุดหมวยทำทุกทางแล้วพี่กรยังไม่ชอบ หมวยก็จะหยุดเองค่ะ” ใบหน้าสวยเชิดรั้นอย่างท้าทาย “กล้าไหมคะ”
“ก็ได้ แต่มาร้องไห้เสียใจทีหลังพี่ไม่รับผิดชอบนะ”
“ดีลค่ะ”
///////////////////////////////////////////////////////