6
บทที่ 6 คำขาด
ความโกลาหลที่หนิงชิงรั่วทิ้งไว้กลางโต๊ะอาหาร ทำให้บรรยากาศในบ้านตระกูลหนิงตึงเครียดไปตลอดช่วงสาย หนิงเจี๋ยนและหนิงเจียงพยายามคาดคั้นน้องชายคนเล็กว่าความลับของตนรั่วไหลไปได้อย่างไร แต่หนิงจางเองก็อยู่ในสภาพสับสนและหวาดกลัวไม่แพ้กัน
สุดท้ายแล้ว ความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดก็พุ่งเป้าไปที่คนคนเดียวหนิงชิงรั่ว
"ไปตามนังเด็กนั่นมาที่ห้องทำงานฉัน"
เสียงตวาดกร้าวของหนิงเจิ้งดังลั่นไปทั่วคฤหาสน์ ไม่นานนัก แม่บ้านคนหนึ่งก็เดินมาเคาะประตูห้องพักแขกด้วยท่าทีนอบน้อมแต่แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว
หนิงชิงรั่วเดินตามแม่บ้านไปยังห้องทำงานของหนิงเจิ้งที่อยู่ชั้นล่าง ที่นั่นหนิงเจิ้งนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้สักตัวใหญ่ ใบหน้าเคร่งขรึมอย่างน่ากลัว ขณะที่สวีลู่นั่งอยู่บนโซฟารับแขกข้างๆ กอดอกมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม
บรรยากาศในห้องหนักอึ้งราวกับมีพายุกำลังก่อตัว"หนิงชิงรั่ว" หนิงเจิ้งเป็นฝ่ายเปิดฉาก เขากระแทกมือลงบนโต๊ะเสียงดังปัง
"เมื่อเช้าเธอทำบ้าอะไรลงไป คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาพูดจาสั่งสอนพี่ๆ ของเธอแบบนั้น เธอจงใจจะสร้างความแตกแยกให้บ้านนี้ใช่ไหม"
ชิงรั่วเพียงยืนนิ่ง มองตอบกลับไปด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย
"พี่ๆ เหรอคะ?" เธอทวนคำ "หนูไม่แน่ใจว่าตอนนี้เรายังอยู่ในสถานะนั้นกันอีกหรือเปล่า"
"แก" คำตอบของเธอราดน้ำมันลงบนกองไฟ สวีลู่ลุกพรวดขึ้นชี้หน้าเธอ
"นังเด็กอกตัญญู ตระกูลหนิงเลี้ยงแกมาจนโต ยังไม่สำนึกบุญคุณอีก ตั้งแต่เวยอันกลับมา แกก็พยศขึ้นทุกวัน ทำให้ลูกสาวฉันไม่สบายใจ แกมันเป็นตัวหายนะ"
‘ต้องรีบไล่ยัยนี่ออกไปโดยเร็วที่สุด ยิ่งอยู่ยิ่งเป็นตัวอันตราย รู้เรื่องของบริษัทมากเกินไปแล้ว’ เสียงความคิดที่แท้จริงของหนิงเจิ้งดังขึ้น เขากังวลเรื่องความลับของบริษัท ไม่ใช่ความรู้สึกของใครหน้าไหนทั้งนั้น
‘ในที่สุด ในที่สุดนังตัวปลอมนี่ก็จะไสหัวไปให้พ้นๆ หน้าลูกเวยอันของฉันเสียที คิดแล้วก็มีความสุข’ ความคิดของสวีลู่นั้นเต็มไปด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิด
ชิงรั่วฟังเสียงในหัวของพวกเขาสลับกับคำพูดเสแสร้งที่พ่นออกมามันช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี
หนิงเจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์ให้ดูเหมือนผู้ใหญ่ใจดีที่กำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญ "เอาล่ะฉันตัดสินใจแล้ว" เขามองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
"เพื่อความสงบสุขของบ้าน และเพื่อสภาพจิตใจของเวยอัน ฉันให้เวลาเธอ 24 ชั่วโมง เก็บของแล้วออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ"
เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ "ฉันจะให้เงินเธอไปก้อนหนึ่ง ต่อไปนี้เธอกับตระกูลหนิงจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก"
นี่คือคำขาด คือการขับไล่อย่างเป็นทางการ
พวกเขาคาดหวังว่าจะได้เห็นเธอทรุดลงกับพื้น ร้องไห้อ้อนวอนขอความเห็นใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม
หนิงชิงรั่วยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากของเธอจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา
"ได้ค่ะ"
คำตอบรับที่ง่ายดายเกินคาดทำให้หนิงเจิ้งและสวีลู่ถึงกับพูดไม่ออก
"บ้านที่ไม่ใช่ของฉัน..." ชิงรั่วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและมั่นคง "ฉันก็ไม่อยากอยู่เหมือนกัน"
เธอปรายตามองเช็คเปล่าที่หนิงเจิ้งเตรียมจะเซ็น "ส่วนเงิน...ไม่ต้องหรอกค่ะ ถือว่าหนูคืนค่าข้าวค่าน้ำที่เคยเลี้ยงดูมาก็แล้วกัน เราจะได้ไม่ติดค้างอะไรกันอีก"
พูดจบ เธอก็หันหลังและก้าวออกจากห้องทำงานไปทันที ท่าทางของเธอมั่นคงและสง่างามราวกับราชินี ไม่ใช่เด็กสาวที่กำลังจะถูกไล่ออกจากบ้าน
ทิ้งให้หนิงเจิ้งและสวีลู่นั่งนิ่งแข็งทื่ออยู่ในห้อง พวกเขาต้องการจะขับไล่เธอออกไปอย่างผู้ชนะ แต่ทำไม...ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งเสียเอง
