นัดดูตัวว่าที่ภรรยา
เมื่อถึงตอนหกโมงเย็นตามเวลานัดหมายชาคริตมาถึงร้านอาหารสุดหรูบนโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาแต่เขาไม่ได้รีบเข้าไปในร้านทันทีที่มาถึง ชายหนุ่มจอดรถแล้วยืนสูบบุรี่อยู่ที่ลานจอดรถ เพื่อทำใจนานเกือบสิบห้านาทีกว่าจะยอมเข้าไปด้านใน
การยอมมาตามนัดครั้งนี้ไม่ใช่กลัวจะอดตาย เพราะเขาเองก็มีทรัพย์สมบัติและบริษัทนำเข้ารถหรูของตัวเองอยู่แล้ว แต่เพราะไม่อยากให้มารดามาตามยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเขาอีก จึงต้องยอมมาดูตัวให้พอเป็นพิธีเหมือนครั้งก่อน ๆ จากนั้นก็ค่อยตีตัวออกห่างจากพวกเธอ จนอีกฝ่ายก็พอจะเดาออกว่าเขาไม่ได้ชอบและเลิกติดต่อกันไปในที่สุด
ชายหนุ่มพอใจกับชีวิตโสดตลอดสามสิบห้าปี เขาใช้ชีวิตอิสระมีความสุขกับการอยู่คนเดียว ไม่ต้องมีใครมาตามจุกจิกกวนใจ อยากได้ผู้หญิงคนไหนจะเอากับใครก็ได้ทั้งนั้น
เมื่อเดินเข้ามาในร้านพนักงานก็จดจำใบหน้าของชายหนุ่มได้ เพราะร้านนี้เป็นร้านโปรดของคุณหญิงกานดา ดังนั้นครอบครัวเขาจึงมาบ่อยเกือบทุกอาทิตย์จนมีโต๊ะประจำทำให้พนักงานรู้ว่าต้องพาไปที่โต๊ะไหน
“เชิญครับคุณชาคริต คุณหญิงมาถึงสักพักแล้วครับ”
พนักงานชายวัยกลางคนเดินนำหน้าลูกค้าหนุ่มหล่อไปที่โต๊ะด้านในสุด ซึ่งติดกับผนังกระจกบานใหญ่ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยายามพระอาทิตย์กำลังตกดิน เป็นภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามทำให้อิ่มตาอิ่มใจของคุณหญิงกานดา แต่สำหรับลูกชายแค่ได้ทานของโปรดอิ่มท้องก็พอแล้ว
เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารซึ่งมีมารดานั่งอยู่กับผู้หญิงสองคนต่างวัยกัน ไม่ต้องเดาว่าคงเป็นคู่แม่ลูกที่แม่ของเขานัดมาทานข้าวด้วยกัน เพื่อจะมาดูหน้าคาตากันก็เท่านั้น
“ขอโทษครับที่มาถึงช้า พอดีว่าประชุมด่วนติดพันเลยเวลาไปหน่อยน่ะครับ” ชาคริตรีบแก้ตัวอย่างสุภาพ พลางขยับเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ข้างมารดา ทั้งที่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรอย่างที่ปากพูด
“ไม่เป็นไร ๆ แม่ก็เพิ่งมาถึงกันได้ไม่นาน ชาคริต แม่จะแนะนำให้รู้จักนะ นี่คุณน้าผกาเป็นรุ่นน้องแม่สมัยเรียนมหาลัย ส่วนนี่หนูฟ้าใสลูกสาวของคุณน้าผกาจ้ะ”
หลังจากจบคำแนะนำทั้งสองฝ่ายก็ยกมือไหว้สวัสดีทักทายกันตามมารยาท ชาคริตเป็นฝ่ายยิ้มให้กับหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามก่อน เธอจึงหันมาสบตาและยิ้มกลับ หากเป็นรอยยิ้มแบบเกร็งๆ เหมือนไม่เต็มใจนักคล้ายกับว่ากำลังฝืนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ขณะที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟชาคริตก็ต้องทนนั่งฟังเรื่องอดีตของมารดาและเพื่อนเก่า ถึงแม้จะรู้สึกเบื่อเซ็งและรู้สึกหิวมากยังไงก็ไม่สามารถปริปากพูดออกมาได้ เขาเพียงเหม่อมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังเป็นสีท้องอร่ามเมื่อพระอาทิตย์กำลังตกดิน
ทว่าเมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปก็ไม่มีอะไรน่าชมอีก สายตาเขาจึงหันกลับมาที่ใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม แต่มองแค่หางตาเหล่เท่านั้นก็เห็นว่าเธอ มีใบหน้าเรียวเล็กขาวซีดไร้เครื่องสำอาง ดูซีดเสียวราวกับคนป่วยเป็นโรคร้ายแรงแต่ผิวพรรณขาวละเอียดไร้ตำหนิ ความสวยก็พอมีอยู่บ้างแต่สำหรับเขาเธอดูจืดชืดไร้เสน่ห์ไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลยสักนิด
ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกรวบถักเปียไปด้านหลัง ทำให้เธอดูเด็กทั้งที่เขารู้มาว่าปีนี้เธออายุจะสามสิบแล้ว ทว่ายังแต่งเนื้อแต่งตัวเหมือนเด็กกะโปโลอายุยี่สิบต้นๆ ยิ่งใส่ชุดเดรสยาวลายดอกไม้เล็ก ๆ กับเสื้อคลุมทับสีเดียวกัน สไตล์การแต่งตัวไร้รสนิยมแสนเชยและเฉิ่มจนดูน่าตลก
ผู้หญิงสามคนก่อนหน้านี้ที่เคยไปดูตัวถึงไม่ได้สวยจัดจนน่ามอง แต่พวกเธอก็แต่งเนื้อแต่งตัวดูดีกว่าหญิงสาวผู้นี้เสียอีก ดูรวม ๆ แล้วเธอไม่ตรงสเปกเขาเลยสักอย่างไม่ใช่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แบบนี้ให้ถูกตัดออกจากกองมรดกยังซะจะดีกว่าต้องมาแต่งงานกับยัยเฉิ่มนี่
และเหมือนเธอจะรู้ตัวว่าเขาแอบมองอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันมาสบตาเข้ากับเขาตรง ๆ ทว่าเธอมองเขาไม่ถึงห้าวินาทีก็รีบเบี่ยงตัวหันไปทางผู้ใหญ่ทั้งสองคน อากัปกิริยาคล้ายกำลังจะเมินเขา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีเขาจะได้ไม่ต้องคิดวิธีตีตัวออกห่าง
ชาคริตไม่ได้สนใจหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามอีกและเริ่มทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย คิดซะว่ามื้อนี้มานั่งทานร้านอาหารประจำได้กินของโปรดก็ถือว่าไม่ได้แย่มาก
