2. ตกตะลึง
“ยังต้องให้บอกอีกเหรอ ทำเสียงดังหนวกหูชาวบ้านขนาดนี้ยังไม่รู้อีกว่ามันคือการขาดมารยาทอย่างแรงสำหรับการอยู่อาศัยร่วมกับคนอื่น”
ฝนทิพย์ ต่อว่าพร้อมจ้องหน้านิษฐา เขม็ง
“อ๋อเหรอ? แล้วทีเธอเคาะประตูห้องคนอื่นเขาปัง ๆ แถม
ผลักประตูเข้ามาจนทำให้เพื่อนฉันหน้าหงายนี่ เขาเรียกว่าอะไรเหรอ ฮีโธ่!”
นิษฐา พูดเหยียดปาก
“ถ้าพวกคุณไม่ทำเสียงดังก่อนฉันจะขึ้นมาไหมล่ะ แต่ที่ฉันต้องมาก็เพราะทนฟังเสียงโขลก เสียงตำครกของพวกคุณไม่ไหวแล้ว ถึงต้องมาขอร้องพวกคุณให้กรุณาหยุดทำเสียงดังรบกวนด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะไปแจ้งที่นิติบุคคลให้จัดการ”
ฝนทิพย์ ขู่แววตาวาววับเมื่อเห็นว่าทุกคนนิ่งอึ้งกันหมด
“ผมต้องขอโทษแทนเจ้าของห้องด้วยครับ..เดี๋ยวผมจะบอกนายต้นให้หยุดทำอาหารเดี๋ยวนี้เลย”
อายุธ รีบบอก เขาไม่คิดว่าจะซวยถูกผู้หญิงด่าในวันแรกที่เพิ่งจะแวะมาหาเพื่อนที่นี่
“นี่คุณไม่ใช่เจ้าของห้องเหรอ”
ฝนทิพย์ จ้องหน้าอายุธ รู้สึกผิดหวังที่ด่าผิดตัว
“นั่นไง! เจ้าของห้องตัวจริงมาแล้ว มีอะไรก็บอกเขาไปสิ”
เสาวนีย์ ร้องบอกเมื่อเห็นต้นกล้ากำลังเดินมาในชุดที่มีผ้ากันเปื้อนคาดอยู่
“ดี!..ฉันจะได้ด่าถูกตัวหน่อย”
ฝนทิพย์ บอกอย่างไม่สะทกสะท้าน เตรียมคิดถ้อยคำที่จะต่อว่าให้สาสมกับความโมโห
“ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นครับ”
ต้นกล้า เดินออกมาที่หน้าประตู ทำให้อายุธ รีบหลบเข้าไปข้างใน ปล่อยให้เจ้าของห้องตัวจริงเจรจากับคู่กรณีโดยตรง
ทันทีที่ต้นกล้า เห็นหญิงสาวที่ยืนตรงหน้าประตู ก็รู้สึกตกตะลึงกับใบหน้าและการแต่งตัวของผู้มาเยือนไม่น้อย หากเขาเห็นเธอคนนี้อยู่ที่อื่น ก็คงจะคิดว่าพบคนสติไม่สมประกอบเข้าให้แล้ว
ในขณะที่ ฝนทิพย์ อ้าปากหวอ จ้องหน้าชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องที่มายืนตรงหน้าด้วยแววตาตกตะลึงเช่นกัน แต่เป็นการตกตะลึงในความหล่อ ทำให้คำต่อว่าที่คิดไว้หายวับไปในพริบตา เมื่อเห็นหน้าตาชายหนุ่มรูปงามที่ตรงสเป๊กประดุจพระเอกละครเกาหลีที่เธอชื่นชอบอยู่พอดีราวกับฝาแฝด อะไรมันจะใช่ขนาดนี้
ฝนทิพย์ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ความหล่อของเขาจะสกัดต่อมโมโหของตัวเองให้หยุดทำงานไปได้ในฉับพลัน เผลอจ้องหน้าเขาคล้ายต้องมนต์สะกด ภาพของพระเอกเกาหลีในฉากที่ถอดผ้าอาบน้ำที่เพิ่งจะดูไปเมื่อไม่นาน ปิ๊งแว้บเข้ามาในใจจนทำอะไรไม่ถูก
ทำไมเขาถึงได้หน้าคล้ายกับพระเอกคนโปรดได้ถึงเพียงนี้หนอ หรือว่าเธอจะคลั่งไคล้พระเอกซี่รีย์เกาหลี จนตาลายก็เป็นได้ จึงยกมือขึ้นมาขยี้ตา แต่ภาพตรงหน้าก็ยังเป็นหนุ่มหล่อคนเดิมอยู่ดี
ให้ตายเถอะฝนทิพย์ นี่มันพระเอกเกาหลีหลุดมาจาก ซีรีย์ หรืออย่างไร ฝนทิพย์อุทานในใจอย่างตื่นเต้น
“คุณครับ....ว่าไงครับ”
ต้นกล้า ถามย้ำพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ไปเมื่อเห็นอีกฝ่าย เอาแต่ยืนจ้องหน้าเขา เหมือนคนที่กำลังตกตะลึงอะไรบางอย่าง จนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า ผู้หญิงคนนี้คงมีปัญหาทางจิตก็เป็นได้ เพราะสมัยนี้ มักจะมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เห็นบ่อย ๆ เสียด้วย
แต่ต้นกล้า หารู้ไม่ว่าฝนทิพย์ กำลังจะหัวใจละลายไปกับรอยยิ้มหวานนั้น พลอยทำให้แข้งขาอ่อนระทวยจนนึกอยากจะแกล้งล้มทำหัวฟาดพื้นให้เขาเข้ามาประคองไว้ในอ้อมแขนล่ำ ๆ ของเขาด้วยซ้ำไป
ผู้ชายบ้าอะไร เพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ เหมือนหุ่นยนต์ก็ยังดูดี ยิ่งมาส่งยิ้มให้อีก ก็ยิ่งมีเสน่ห์บาดลึกไปถึงหัวใจเชียวนะ
“คุณครับ!...”
คราวนี้ ต้นกล้า เรียกเสียงให้ดังขึ้น
พอได้ยินเสียงทักของเขา ก็ทำให้ฝนทิพย์ เริ่มมีสตินึกขึ้นได้ว่าเธอขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด จึงรีบทำหน้าขรึมทันที
“ผู้หญิงคนนี้เขาจะมาด่าต้นค่ะ”
นิษฐา โผล่หน้าเข้ามาบอกให้ต้นกล้ารับรู้
“มาด่าผมเหรอครับ..ด่าเรื่องอะไรครับผม”
ต๊าย! ถามมาได้ แต่ให้ตายเถอะ! เสียงของเขาทำไมมันช่างทุ้มหวานไพเราะเหมาะกับหน้าตาเสียเหลือเกิน แถมยังดูสุภาพสุด ๆ นี่มันสุภาพบุรุษในฝันของฝนทิพย์ชัด ๆ
ว้าย!..นี่ฉันขึ้นมาด่า หรือว่ามาชื่นชม คนที่ทำเสียงดังหนวกหูกันเนี่ย
ฝนทิพย์ คิดด้วยหัวใจเต้นระทึกครึกโครม ก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วเชิดหน้าให้ดูเป็นสาวมั่น เริดเชิดหยิ่งแบบไม่ยอมสยบกับชายใดง่าย ๆ แม้จะหล่อบาดใจก็เถอะ
“ฉันไม่ได้มาด่า แค่ขึ้นมาเตือนเท่านั้นว่ากรุณาอย่าทำเสียงดัง เพราะฉันอยู่ห้องข้างล่าง ดูซีรีย์ไม่รู้เรื่องเลย”
ฝนทิพย์ บอกด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับไม่ให้มันอ่อนหวานประจานความอ่อนระทวยในหัวใจตัวเอง
“คุณอยู่ห้องไหนครับ”
ต้นกล้า มองสบตาฝนทิพย์ แม้เธอจะพอกหน้าหนาเตอะจนไม่ทราบใบหน้าที่แท้จริง แต่แววตาของผู้หญิงตรงหน้านี้ก็ดูมีเสน่ห์แปลก ๆ โดยเฉพาะขนตาหนางอนงามนั้นสะดุดตาเขาไม่น้อย แต่พอเขาละสายตาไปมองส่วนอื่น ๆ ก็ต้องพยายามที่จะกลั้นยิ้มไว้ในหน้า เพื่อจะไม่ให้เห็นว่าเขากำลังขบขันเธออยู่
เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงจะโมโหจัด ถึงขนาดวิ่งขึ้นมาทั้งที่สภาพหน้าตา และการแต่งตัวไม่พร้อมที่จะออกสู่สายตาคนภายนอกได้เช่นนี้ เธอคงโกรธจนลืมตัวนั่นเอง
“ห้องข้างล่าง ที่มีระเบียงตรงกับห้องคุณนี่แหละ”
ฝนทิพย์ รู้สึกว่าน้ำเสียงดุดันของตัวเองดูจะหมดพลังไปตั้งเยอะ ใจก็สั่นระรัว รู้สึกร้อนที่ใบหน้ากับลำคอ ราวกับจะเป็นไข้ ดีที่มีดินสอพองพอกหน้าขาววอกปิดบังสีหน้าแดงระเรื่อเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครจับได้ว่าเธอกำลังปิ๊งผู้ชายคล้ายกับรักแรกพบ อะไรทำนองนั้น
“ผมต้องขอโทษด้วยครับ ผมนึกว่าเสียงมันจะไม่ดังมากจนไปรบกวนห้องข้างล่าง เพราะได้ใช้ผ้ารองครกกับเขียงเอาไว้หลายชั้นแล้ว แสดงว่ามันไม่ได้ผลเลย ต่อไปผมจะไม่ทำเสียงดังให้รบกวนคุณอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ผมขอโทษจริง ๆ”
เขาโค้งศีรษะพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนเหลือเกิน แถมแววตาก็แสดงความเป็นมิตร ทำให้คนที่สำนึกผิด กลายเป็นฝนทิพย์ ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เออ! ฉันผิดไปแล้ว ฝนทิพย์คิดในใจ แต่ปากกลับพูดว่า
“อุ๊ย!.มะ...ไม่ เป็นไรค่ะ”
เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อนอกจากกล่าวคำนี้ แล้วก็รีบถอยกลับห้องดีที่สุด ก่อนที่เขาจะจับได้ว่าแววตาของเธอมันแอบซ่อนความชื่นชมเขาอยู่ ขืนอยู่นานกว่านี้จะต้องแสดงอาการมากกว่านี้ก็เป็นได้ พอคิดเช่นนั้นก็รีบผลุนผลันออกไปทันที
“เดี๋ยวสิครับคุณ!”
ชายหนุ่มพยายามเรียก แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อหญิงสาวเดินแกมวิ่งเห็นแต่หลังไว ๆ ของเธอหายลับไปจากสายตา
“จะไปเรียกให้หล่อนกลับมาด่าอีกรึไงยะนายต้น” เสาวนีย์ บอกกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงกึ่งประชด
“ว่าจะให้ขนมเขาน่ะ”
ต้นกล้า หันมาบอกเพื่อนสาว
“เขาขึ้นมาด่าเราขนาดนี้ ต้นยังจะเอาขนมให้อีกหรือไง ไม่ต้องให้อะไรทั้งนั้นแหละ”
เสาวนีย์ รีบบอกเพื่อนหนุ่ม
