ตอนที่ 8
เผลอแป๊บเดียว...ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ 2 เดือนแล้ว วัน ๆ มีแต่ฝึกซ้อมอย่างน่าเบื่อ ยังดีที่พอมีเวลาให้ออกไปเดินเที่ยวดูตลาดบ้าง
"มี่มี่...วันนี้ไปตลาดกันดีหรือไม่"
เจ๋อเจ๋อเพื่อนนางรำมาชวนแต่เช้า เพราะวันนี้เป็นวันหยุด ฟ่งเหนียงเข้าวัง พวกเราเลยได้พักวันนึง
"ไม่ล่ะ...ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย"
เจ๋อเจ๋อหัวเราะเสียงใส
"ตลาดก็เป็นเช่นนี้ทุกวันแหละ ข้าจะมาชวนเจ้าไปดูผ้า เราไปกันหลายคน...เจ้าจะไปกับเรารึไม่"
"อืม...ก็ได้ ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ"
ฉันพยักหน้า เอากระเป๋าคู่ใจมาสะพาย
"นี่ถุงอะไรของเจ้า ดูแปลกตาดี"
เจ๋อเจ๋อมาลูบคลำอย่างสนใจ ฉันแค่ยิ้ม ขี้เกียจตอบอะไรยืดยาว
พวกเรา 5 คนออกมาเดินเที่ยวตลาด มีฉัน เจ๋อเจ๋อ เสี่ยวฉิน อันอันและมู่ตาน พวกเราเดินดูโน่นดูนี่ตามประสาผู้หญิง ที่ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน เรื่องความสวยความงามต้องมาก่อนเสมอ
พวกเราเดินไปดูเขาขายพวกเครื่องหอมเครื่องสำอาง จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาแทรกพวกเรา
"นี่เจ้า...ช่างไร้มารยาทนัก พวกเราดูอยู่ก่อนนะ"
มู่ตานต่อว่าเสียงดัง
"เฮอะ...คิดว่าเป็นผู้ใด ที่แท้...ก็พวกสำนักฟ่งอู่นี่เอง ทำไม...พวกเจ้าดูได้ พวกข้าจะดูบ้างมิได้รึ"
"หากเจ้าอยากดู...ใครจะว่าได้ แล้วไยพวกเจ้าต้องมากระแทกทำร้ายคนด้วยเล่า"
ฉันช่วยมู่ตานต่อว่าพวกนาง หญิงนางนั้นจ้องหน้าฉันเขม็ง
"เจ้ากระมัง...นางรำคนใหม่ของฟ่งอู่ ที่คนเขาลือกันว่ามาจากแดนไกล ดู ๆ ไปก็มิเท่าไหร่ หน้าตาก็แปลก ๆ หาได้มีความงามสักนิดไม่"
นางพูดแล้วยกมือปิดปากหัวเราะ ฉันโกรธจนกำมือแน่น หนอย...มาว่าฉันหน้าประหลาด ไม่สวย ตัวเองสวยตายล่ะ ตาเล็กอย่างกับเม็ดกวยจี๊ จมูกเล็ก ปากก็ทาเสียดูเล็ก มองแล้วเหมือนคนปากจู๋ หน้าอย่างกับหุ่นกระบอก...ยังมีหน้ามาว่าฉันอีก ใครกันแน่...หน้าประหลาด
ฉันไม่ใช่คนก้าวร้าว ไม่เคยหาเรื่องใคร แต่วันนี้อาจต้องมีเรื่อง เพราะมีคนเหมือนจงใจจะมาหาเรื่อง เดี๋ยวจะให้ลองแม่ไม้มวยไทยสักหน่อย รู้จักฉันน้อยไปแล้ว...นังเม็ดกวยจี๊
ฉันกับผู้หญิงนางนั้นยืนจ้องกันชนิดไม่มีใครยอมหลบใคร อันอันที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มพวกเรา เดินมาดึงมือฉัน
"มี่มี่...ใจเย็นไว้"
แล้วหันไปกล่าวกับหญิงนั้นว่า
"ชิวผิง...เจ้าอย่าได้มากความ พวกเรามิได้เกรงเจ้า แต่หากมีเรื่องกันตรงนี้ เจ้าคิดบ้างหรือไม่...ผู้ใดจะเดือดร้อนมากกว่ากัน"
ยายชิวผิงชักสีหน้า
"พวกเราไป"
นางชวนพรรคพวกจากไปดื้อ ๆ
"อันอัน...นางเป็นใคร ทำไมกร่างจัง"
อันอันขมวดคิ้วมองฉัน
"มี่มี่...เจ้ากล่าววาจาอันใด ข้าหาเข้าใจไม่"
ฉันเกาหัวเลย อันอันคงไม่เข้าใจคำว่า "กร่าง" สินะ
"ข้าหมายถึง..นางวางอำนาจน่ะ"
อันอันพยักหน้าเข้าใจ
"นางชื่อหลิวชิวผิง เป็นนางรำคนสำคัญของคณะเชี่ยอู่ (ระบำนกยูง) นางจึงมักทำตัวเย่อหยิ่ง ดูหมิ่นผู้อื่น เจ้าอย่าใส่ใจเลย หากพบนางที่ใด...ก็หลบหลีกเสีย"
มู่ตานบอกกับฉัน แต่ฉันส่ายหัวทำหน้าไม่ยอม
"ไม่...ข้าไม่มีทางหลบหลีกนาง คนเช่นนี้...ต้องถูกสั่งสอนซะบ้าง"
อันอันส่ายหัวทำหน้ายุ่ง
"มี่มี่...เจ้าอย่าได้มากความ มีข่าวว่านางอาจได้ถวายตัวให้แก่องค์ชายหลี่หลงจี หากมีเรื่องกับนาง...คงมิดีแน่"
ฉันเบะปากทำหน้าเซ็ง คนแบบนี้ถ้าได้เป็นใหญ่เป็นโต ฟ้าคงไม่ยุติธรรมแล้วล่ะ เสี่ยวฉินเดินมาจับไหล่ฉัน
"มี่มี่...อย่าได้ขุ่นเคืองใจเลยนะ ข้าเลี้ยงสมอเชื่อมเจ้าดีรึไม่"
ฉันยิ้มให้เสี่ยวฉิน นางน่ารักกับฉันเสมอ พวกเราจึงชักชวนกันไปเดินเที่ยวต่อ
ฉันข้องใจว่าตัวเองหน้าตาประหลาดตรงไหน พอกลับมาถึงสำนัก ฉันก็มาส่องกระจกดู ก็เห็นว่า...ตาฉันกลมโต ขนตายาวเป็นแพ จมูกก็โด่งดี ปลายเชิดนิดนึง พี่ต่อชอบว่าฉันหัวรั้นและดื้อ ปากฉันไม่บางไม่หนา ก็ดูสวยดีนี่
แต่พอคิดถึงผู้หญิงของที่นี่ ส่วนใหญ่ดวงตาจะเล็กแคบ จมูกก็โอเคแล้วแต่คน แต่ชอบทาปากให้ดูเล็ก ๆ หน้าก็พอกแป้งเสียขาววอก อย่างกับตกกระด้งแป้ง เอาสีทาแก้มให้แดง ๆ เขียนคิ้วหนา ๆ ดูแล้วน่าตลกชะมัด
ผู้หญิงที่นี่ตัวใหญ่ รูปร่างค่อนข้างอวบ ฉันเลยกลายเป็นผู้หญิงผอมบางไป ตรงนี้ที่ฉันเสียเปรียบ แต่ถึงใครจะว่าฉันประหลาดก็ช่างเถอะ ฉันพอใจที่พ่อแม่ฉันให้มาแบบนี้...ใครจะทำไม
