ตอนที่ 4
ฉันคร่ำเคร่งแปลหนังสือเล่มนั้นจนจบในเวลา 40 วัน และแปลเสร็จก่อนออกเดินทางไม่นาน ฉันรับเงินค่าแปลมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางพอดี
คณะนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ได้ยกขบวนออกเดินทางมุ่งหน้าสู่มณฑลเหอหนาน อันเป็นที่ตั้งของเมืองลั่วหยาง อดีตราชธานีสมัยราชวงศ์ถังแล้ว
มณฑลเหอหนานมีประชากรมากที่สุดในประเทศจีน ภูมิประเทศ ทิศตะวันตกเป็นเทือกเขาทอดตัวยาวสลับซับซ้อน อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,000 เมตร ทางตะวันออกเป็นพื้นที่ราบ สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 100 เมตร จุดที่สูงที่สุดของมณฑลอยู่ที่ยอดเหล่ายาช่า ในเมืองหลิงเป่า ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2413.8 เมตร ภูมิอากาศมีสภาพภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อนกึ่งอบอุ่น มีฤดู 4 ฤดูอย่างชัดเจน อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปี 13-15 องศาเซลเซียส
ฉันตื่นเต้นมาก รู้สึกเหมือนกำลังกลับบ้านเกิดของบรรพบุรุษ ฉันอยากรู้ทุกอย่างของที่นี่ มณฑลเหอหนานนั้นกว้างใหญ่ มีเมืองสำคัญอยู่หลายเมือง แต่พวกเรามีเวลาจำกัด คงเที่ยวได้ไม่หมด อย่างมากก็แค่เมืองซีอาน กับเมืองลั่วหยางเท่านั้น และคืนแรกนี้...พวกเราต้องพักโรงแรมที่เมืองซีอาน
ฉันเอาสัมภาระมาเก็บที่ห้อง ฉันได้พักกับยายมะนาว และเพื่อนสาวอีกคน ที่เรียนสาขาเดียวกับฉันชื่อเหอซิ่วซิ่ว
"เมืองนี้ไม่เลวนะ ทันสมัยพอสมควรเลยล่ะ"
ซิ่วซิ่วพูดขึ้น พร้อมกับเดินไปเปิดม่านหน้าต่าง
"คนที่นี่อยู่กันเยอะนะ มีหลายเชื้อชาติด้วยล่ะ"
"ฉันดีใจที่พรุ่งนี้จะได้ไปเมืองลั่วหยางมากกว่า"
ฉันบอกกับเพื่อน ๆ
"จริงสินะ...พรุ่งนี้เราจะได้เห็นอดีตราชธานีของราชวงศ์ถังอันเกรียงไกร คิดแล้วน่าตื่นเต้นนะมี่มี่"
ซิ่วซิ่วจับมือบอกฉัน ยายมะนาวนั่งลงที่เตียง เราก็นั่งตาม มะนาวเล่าให้พวกเราฟังว่า...
"พวกเธอรู้ไหม...โจสิดลูกชายของโจโฉ เคยแต่งกลอนให้นางเอียนสีพี่สะใภ้ ชื่อ "ลำนำเทพธิดาแห่งแม่น้ำลั่ว" ด้วยนะ เป็นการเปรียบเปรยนางเอียนสีว่าสวยงามเหมือนเทพธิดาแห่งลำน้ำลั่ว และแสดงถึงความรักความคิดถึงที่มีต่อนาง"
"ต๊าย...โรแมนติกจังเลยนะ แต่น้องผัวรักพี่สะใภ้เนี่ยนะ ยังไงมันก็ผิดล่ะ ไม่สมควรเลย"
ซิ่วซิ่วย่นจมูก...ไม่เห็นด้วย
"ความรักมันไม่มีชนชั้น ไม่เกี่ยวกับฐานันดรหรอกนะซิ่วซิ่ว"
ฉันพูดราวกับเป็นผู้รอบรู้
"ความจริงโจสิดพบรักกับนางก่อน แต่โจผีมาแย่งไป แล้วก็ระแวงโจสิดกับนางเอียนสีมาตลอด สุดท้ายก็เนรเทศน้องชาย และประทานยาพิษให้นางเอียนสี"
"เฮ้อ...จบลงด้วยความเศร้าสินะ"
"ไม่เศร้า ๆ พรุ่งนี้เราจะไปตะลุยเมืองลั่วหยางกันแล้ว"
พวกเราเฮกันอย่างสนุกสนาน แล้วต่างก็แยกย้ายเข้านอน เอาแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้น...คณะนักศึกษา ก็ออกเดินทางจากซีอานไปยังเมืองลั่วหยาง เมืองลั่วหยางอยู่ไปทางตะวันออกของซีอานไปราว 400 กม. หากใช้รถยนต์จะต้องนั่งไปราว 4-5 ชม. แต่ปัจจุบันสามารถใช้รถไฟความเร็วสูงไปได้ในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 ชม.เท่านั้น
ทุกคนตื่นเต้นกับเมืองเก่าแก่แห่งนี้มาก หลังจากเช็คอินเข้าห้องพักแล้ว พวกเราก็พากันไปเดินเที่ยวดูกำแพงเก่า เดินเที่ยวชมเมือง ที่นี่ยังอนุรักษ์บ้านเมืองแบบเก่าอยู่
นอกจากนี้ อาหาร street food ของที่นี่ก็มีอาหารหลากหลาย ล้วนน่าชวนชิมลิ้มลอง และมีราคาไม่แพงเลย ฉันและเพื่อนสนุกสนานกับการถ่ายรูป และชิมอาหารข้างทางจนอิ่มหนำ ทุกคนแยกย้ายกันเดินเที่ยวเดินกินกันจนดึกดื่น จึงแยกย้ายกันกลับห้องพัก กลุ่มของฉันทยอยกันอาบน้ำ แล้วมานั่งคุยกัน
"วันนี้สนุกมากเลยเนอะ ถ้าไม่มาคงเสียดายแย่"
ซิ่วซิ่วพูดขึ้นก่อน
"ฉันอยากมาตั้งนานแล้ว ถ้าได้อยู่ที่นี่ก็คงดีเนาะ"
ฉันพูดแล้วล้มตัวลงนอนบนที่นอน หลับตาจินตนาการว่า ตัวเองอยู่ในยุคสมัยถังอันรุ่งเรือง
"พวกเราพักเอาแรงกันดีกว่านะ พรุ่งนี้ยังต้องไปกันอีกหลายแห่ง"
ยายมะนาวพูด เราเห็นดีด้วย จึงปิดไฟเข้านอนกัน ฉันเอาหยกที่ห้อยคอขึ้นมาคลำในความมืด น่าแปลกนะ…หยกที่ควรจะเย็นกลับรู้สึกอุ่น ๆ ฉันเอาหยกมาแนบแก้ม นึกสงสัยว่า…ทำไมมันไม่เย็น ทั้งที่ที่นี่อากาศค่อนข้างเย็น หรือมันอาจจะอุ่นจากไอตัวฉันก็ได้มั๊ง ฉันเลิกสนใจมัน...เอาใส่ไว้ในคอเสื้อเหมือนเดิม ไม่นานฉันก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
