ตอนที่ 3
ฉันเดินไปดูโต๊ะที่ทำงานของเขา เห็นมีเอกสารวางอยู่เยอะแยะ พร้อมหนังสือเล่มโต
"กำลังคิดค้นอะไรคะเนี่ย"
ฉันถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว
"กำลังศึกษาเกี่ยวกับการย้อนเวลาน่ะ ในโลกนี้มีคนเดินทางข้ามกาลเวลาได้จริง ๆ นะ...น่าสนใจไหมล่ะ"
ฉันฟังดูแล้วน่าสนใจจริง ๆ ด้วย
"แล้วทำยังไงถึงจะเดินทางข้ามกาลเวลาได้ล่ะคะ"
เขาเหลือบมองฉัน
"ฉันถือว่าเธอเป็นศิษย์คนโปรดของฉันนะ เลยจะเล่าให้ฟังนิดนึง คือเรื่องนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้ แต่เชื่อว่า...มันเป็นคลื่นจากสนามแม่เหล็กของโลกเกิดการสลับขั้วกระทันหัน ทำให้เวลาของมิติบิดเบี้ยว จนเกิดเป็นช่องว่างของเวลา ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ สามารถข้ามเวลาไปสู่อีกยุคหนึ่งได้ แต่จะเป็นอดีตหรืออนาคต...อันนี้ตอบไม่ได้"
"แล้วจะย้อนได้ยังไงคะ"
"มันก็แล้วแต่นะ อาจเป็นอุโมงค์มิติ หรือท้องฟ้าแปรปรวน มันมีหลายวิธีมาก ฉันยังค้นคว้าไม่ถึงตรงนั้น เพิ่งเริ่มต้นเอง"
ฉันพยักหน้า ก็พอเข้าใจอยู่นะ
"แล้ววันนี้...มีธุระอะไรหรือเปล่า"
"ว่าจะมาชวนไปเหอหนานด้วยกันค่ะ เดือนหน้าฟู่เหล่าซือจะพาพวกเราไป"
เขาส่ายหัว...เอาทิชชู่เช็ดปาก
"ไปหลายครั้งแล้ว ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย เธอจะไปเหรอ"
"ค่ะ...ฉันอยากไป"
เขาไม่ตอบ ลุกเดินไปที่ตู้เก็บของ ๆ เขา เปิดตู้หยิบแว่นอันหนึ่งมาให้ฉัน
"อะไรคะเนี่ย"
"แว่นปรับสภาพ แว่นอันนี้เปลี่ยนสีเลนส์ได้ตามสภาพแสง เห็นปุ่มข้าง ๆ ไหม เป็นปุ่มปรับโฟกัส ขยายวัตถุได้ถึง 100 เท่า มองเห็นในที่มืดได้ ฉันให้เธอ...เผื่อจะเป็นประโยชน์"
ฉันยกมือไหว้ขอบคุณ ลองเอามาใส่ดู เป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ ด้วย สิ่งประดิษฐ์ของเขาสุดยอดมาก
"มีอีกไหมคะ"
ฉันยังโลภอยากได้อีก เขาส่ายหัว
"เอ้า...เอาไอ้นี่ไป ไฟแช็คโซล่าเซลล์ เอาตากแดดสัก 2 ชั่วโมง จะใช้ได้ 3 วัน โดนน้ำ ตกน้ำก็ไม่เป็นไร"
ฉันยิ้มแป้น พยายามมองว่ามีอีกไหม
"ไม่ต้องมอง เอาไปแค่นี้พอแล้ว"
ฉันหัวเราะเขิน ๆ ได้ของแล้วก็บอกลาเขาเพื่อกลับหอ
ฉันพยายามจะแปลงานให้จบก่อนที่จะไปเที่ยวในเดือนหน้า ซึ่งเป็นวันปิดเทอม และไม่ลืมที่จะโทรไปเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังด้วย
"ฮัลโหล...แม่ขา"
"ผึ้ง...ปิดเทอมนี้กลับบ้านไหมลูก"
แม่ถามทันทีที่ได้ยินเสียงฉัน
"ก็นี่แหละ...ที่ผึ้งจะโทรมาบอกแม่ ผึ้งจะไปเหอหนานกับอาจารย์ค่ะแม่"
"ไม่กลับอีกแล้วเหรอ ผึ้งไม่ได้กลับบ้านมาเป็นปีแล้วนะลูก"
ได้ยินแบบนี้...ฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมาในใจ ตั้งแต่มาเรียนที่จีน 2 ปี ฉันกลับบ้านแค่ครั้งเดียวเอง แม่คงคิดถึงฉันมาก
"ผึ้งขอโทษค่ะแม่...ผึ้งไม่อยากเปลืองค่าตั๋วบินไปบินมา ที่จะไปนี่ผึ้งก็ไม่เสียตังค์นะคะ ผึ้งอยากจบเร็ว ๆ จะได้กลับเร็ว ๆ ไงคะแม่"
เสียงแม่ถอนใจ จริง ๆ ฐานะทางบ้านฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไร พ่อแม่ของฉันเป็นนักวิชาการทั้งคู่ก็จริง แต่ก็มีมรดกของปู่ย่าตายายให้กินใช้ไม่ลำบาก ฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เลยรับแปลหนังสือ เพื่อจะได้อ่านหนังสือหายากที่มีคนมาจ้างแปล เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งความรู้และได้เงินใช้ไม่ขาดมือ แต่เรื่องนี้ฉันไม่ได้บอกครอบครัวหรอกนะ
"ผึ้ง...ถ้าลูกมีความจำเป็นก็ช่างเถอะ แค่อยากให้รู้ว่าพ่อกับแม่คิดถึงลูกมากนะ จะไปเที่ยวไกล ๆ ก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ"
"ค่ะแม่...ไม่ต้องห่วงนะคะ ผึ้งจะดูแลตัวเองอย่างดีค่ะ เอ่อ...แม่คะ ผึ้งขอถามอะไรเกี่ยวกับหยกหน่อยค่ะ"
'หยก...ทำไมเหรอลูก"
"คือ...แม่พอจะรู้รายละเอียดของหยกที่ปู่ให้ผึ้งบ้างไหมคะ ทำไมปู่ถึงให้ผึ้ง ทำไมไม่ให้พี่ต่อที่เป็นหลานชายคนโตล่ะคะ"
"เห็นปู่เคยเล่าว่า หยกนี้ถ้าอยู่กับผู้หญิง...จะนำความสุข จะแคล้วคลาดปลอดภัย แต่ถ้าอยู่กับผู้ชาย จะตรงกันข้ามกันเลยจ้ะ"
"แต่หยกนี้ฮ่องเต้พระราชทานให้บรรพบุรุษเราที่เป็นผู้ชายไม่ใช่หรือคะ แล้วทำไม..."
"เรื่องนี้แม่ก็ไม่รู้รายละเอียดนะลูก คุณปู่เองท่านก็ไม่น่าจะรู้ด้วย แม่รู้แค่ว่า...ตระกูลคุณพ่อไม่มีลูกสาวมา 10 ชั่วอายุคนแล้ว หยกอันนี้เลยถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด จนมาถึงรุ่นคุณพ่อ...ที่มีหนูเป็นลูกสาวนี่แหละ คุณปู่เลยให้หนู...ไม่ให้พี่ต่อไงล่ะ"
ฉันเอามือลูบคลำแผ่นหยกที่ห้อยคอ
"แปลกจังนะคะแม่..."
"ของสำคัญประจำตระกูล เก็บให้ดี ๆ นะลูก จะได้คุ้มครองหนู"
"ค่ะแม่...ผึ้งต้องทำการบ้านแล้วค่ะ แค่นี้นะคะแม่..."
ฉันวางสายลง ยกแผ่นหยกขึ้นมาดู อดคิดไม่ได้ว่า
"หยกนี่อายุพันกว่าปี คงมีมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว เราต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี"
ฉันบอกกับตัวเอง แล้วเอาหยกสอดเข้าไปในคอเสื้อ..ลงมือนั่งแปลหนังสือต่อ เพราะจะเร่งแปลให้เสร็จก่อนออกเดินทาง
