3
ไฟบนผนังที่ถูกหรี่เป็นสีส้มนวล ค่อยๆ ถูกหมุนระดับให้สว่างจ้าเป็นสีขาว คนที่กำลังค่อยๆ ปลดต่างหูและเครื่องประดับออกจากเรือนกายอย่างระมัดระวัง หันมามองคนกระทำเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ผู้หลักผู้ใหญ่ทิ้งคำอวยพรกองใหญ่เอาไว้ ก่อนปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้อยู่กันตามลำพัง
กลีบกุหลาบที่ถูกโรยอยู่บนที่นอนสีขาวขนาดกว้าง ยังคงรูปอยู่ แบบยังไม่ได้รับการแตะต้อง กลิ่นของเทียนอโรมาที่จุดไว้ตามจุดต่างๆ คลุ้งเคล้าปนกับกลิ่นกุหลาบสด จนคนที่มีความสุขได้กับทุกอย่างรอบตัว ต้องสูดดมกลิ่นนั้นให้ชื่นใจ พร้อมฮัมเพลงออกมาเป็นระยะเบาๆ
แต่พอฮัมได้ไม่เท่าไหร่ ทีท่าฮึดฮัดของใครบางคนก็ตามมา ดนุปลดเสื้อผ้าออกจากเรือนกายด้วยความรวดเร็ว ราวกับในห้องนี้ไม่มีเธอยืนอยู่
แววตาใสเหลือบมองแผงอกล่ำสันของคนที่พอจะเห็นผ่านตามาบ้าง ตามอินเตอร์เน็ตที่เขาได้ลงเอาไว้ แต่พอได้มาเห็นใกล้ๆ กลับดูดียิ่งกว่า...
เธอชื่นชมในเรือนร่างนี้ เพียงแต่ชื่นชม ไม่ได้คิดนึกพิศวาสใดๆ นี่คือความสัจจริง คนที่ไม่เคยคิดที่จะมีคู่หรือแต่งงานมาก่อนอย่างเธอ มีเพียงแค่ความรู้สึก ‘ชื่นชม’ เท่านั้น ที่พอจะมีให้เขาได้
ดนุหายเข้าไปในห้องน้ำสักพัก ก็ออกมาพร้อมกับการสวมชุดใหม่ กางเกงยีนเดนิมสีซีดกับเสื้อยืดสีขาว พร้อมสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำทับอีกที ปลายสายตามองมายังเจ้าสาวป้ายแดงของตัวเองเล็กน้อย
พอดีกับที่เจ้าหล่อนมองเขากลับไป
“ผมจะออกไปข้างนอก” เขาบอกด้วยแววตาเชิงหยัน อยู่ลึกๆ แววตาใสที่สะดุดกึกทันทีเช่นกัน...ทำเอาเขาต้องแอบยิ้มพราย
เขาคิดหาวิธีแสนแปดพันอย่าง เพื่อที่จะทำให้เธอทนไม่ไหวและขอเขาหย่าด้วยตัวเอง เขาทำได้เพียงเท่านั้น...เพียงเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
“อ๋อ...ค่ะ” เธอตอบเสียงยาว พร้อมยิ้มให้กับเขาด้วยแววตาใสคู่เดิม ไร้แววสะดุดตามทีท่า
ซึ่งความใสในแววตาของเธอนี่แหละ ที่ทำให้เขานึกหงุดหงิด ไม่ชอบใจ แต่ก็ยิ่งอยากจะเอาชนะ เขาอยากจะเห็นคนอย่างเธอรู้สึกอะไรบ้างก็ได้ในแววตาคู่นั้น ไม่ใช่ไร้แววใดๆ มาเสมอเหมือนเช่นในตอนนี้!
ตอนที่เขาพยายามจะทำและพูดให้เธอรู้สึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง
“จะบอกคุณแม่ก็ได้ เพราะผมไม่ได้สนใจ” คำพูดต่อมาของเขา ทำเอาคนที่ทำเป็นเหมือนจะหันไปสนใจอย่างอื่นแล้ว ต้องช้อนสายตาขึ้น
“แต่ฉันสนใจ ฉันจะไม่ทำอะไร...ที่ทำให้ท่านไม่สบายใจแน่” เธอสวนกลับในทันที ด้วยแววตาที่มีริ้วของความเคืองขึ้นมาเล็กน้อย
และเหมือนจะเป็นความเคืองเดียวแล้ว ที่เขาพอจะเคยเห็นมันจากเธอ เพราะผู้หญิงคนนี้ปกป้องมารดาของเขา ราวกับเป็นมารดาแท้ๆ ของตัวเอง
“ก็ดี ถ้าคิดว่าจะทนไปได้ตลอด..ก็ดี” เจ้าบ่าวผู้กำลังจะโดดเรือนหอในค่ำคืนนี้ ขยับเรือนกายสูงสง่าเข้ามาใกล้
แววตาใสทอรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเชิดใบหน้าขึ้นประชันกับคนที่ตัวเองสูงเพียงไหล่เขาเท่านั้น
“บอกแล้วไงคะ ว่าอยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะใช้ชีวิตแบบไหนก็ใช้ ฉันไม่ได้คิดที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตคุณทั้งนั้น” คำตอบสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยของเธอ ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด
จนอยากจะถามคำถามที่เธอไม่ยอมตอบเขาให้กระจ่างอีกครั้ง แต่ก็ยับยั้งตัวเองเอาไว้ได้
“ก็จะรอดู ว่ามันจะเป็นแบบนั้นไปได้สักกี่น้ำ” รอยยิ้มหยันที่ออกมาจากริมฝีปากหยักเชิงดูแคลนเรื่อยมา ทำเอานวลเนื้อส่ายหน้าเล็กน้อย
พร้อมถอนหายใจอย่างขี้เกียจจะถือสาคนอย่างเขา
อาจจะด้วยที่เขาใช้ชีวิตมาบนความพร้อมสรรพ ทั้งรูปทรัพย์ นามทรัพย์ ทรัพย์สินเงินทองที่ครอบครัวกองเอาไว้ให้ ทำให้เขามั่นใจว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนจะไม่หลงรักตน
และเขาก็เชื่อว่า...ผู้หญิงคนนี้กำลังทำเป็นเล่นเกมอยู่ ทุกอย่างที่เธอทำลงไป อาจจะไม่ใช่เพราะว่าเธอรักมารดาของเขา แต่เป็นเพราะเธอหลงรักเขาจนพยายามเข้าหาทางท่านมากกว่า
‘คงไม่มีผู้หญิงคนไหน ทนผู้หญิงอย่างแม่นุได้หรอกค่ะคนที่ทำได้ ก็มีแต่ผู้หญิงตอแหลเท่านั้น คนประสาทเสียอย่างแม่ของนุ...ไม่มีทางที่ใครจะทนท่านได้จริงๆ หรอกค่ะนุ!’
พรรณนา มงกุฎธิดาหรือแพน เคยเผลอหลุดปากคำนี้ออกมาในวันหนึ่ง แม้เขาจะสะดุดและคาดไม่ถึง แต่ก็แอบมีความเห็นด้วย
เขาไม่ชอบที่พรรณนาว่ามารดาตัวเองอย่างนั้น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาไม่กล้าตกลงปลงใจกับเธอสักที ปล่อยให้กลายเป็นเรื่องจิ้นในวงการอินเตอร์เน็ตมาสักพักใหญ่ เพราะอยากจะแน่ใจว่าดาราสาวพ่วงตำแหน่งนางสาวไทยเมื่อสองปีก่อน ปรับตัวเข้ากับมารดาของเขาได้บ้างหรือไม่
แต่ก็คงไม่มีทางได้
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้ากำลังทำอยู่ เธอทำเหมือนเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไร การแต่งงานคือแต่งไปอย่างนั้น...
เขาไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่เลย!
ทำไมนางเอกชิลล์ขนาดน้านนน อยากรู้เหมือนกันนะ
พวกเธออยากรู้กันเปล่าา คอมเมนต์มาหน่อยน้าา