ตอนที่ 9
แต่คำสั่งนั้นทำให้บริวารภูตทั้งหลายต่างรู้ได้ทันทีว่าคำพูดของคำหยาดและรศยาเป็นความจริง ภูตมนต์ดำเสื่อมจากอำนาจและกระแสพลังแต่หนหลังแล้ว ทำให้พวกมันเตรียมขัดขืน แต่ทว่าภูตมนต์ดำเหมือนรู้ถึงความคิดของบริวารทั้งหลายมันจึงหยิบห่อกำมะหยี่สีแดงออกมา แล้วยื่นมาเบื้องหน้า
“พวกเจ้าคิดว่า ข้าหมดอำนาจแล้วใช่หรือไม่ แสดงว่าพวกเจ้าปรารถนาจะสัมผัสกับความเจ็บปวด ความทรมาน ได้ หากมันผู้ใดคิดทรยศหักหลังข้า..”
ภูตมนต์ดำพูดจบก็บีบของในห่อสีแดงนั้น ฉับพลันบรรดาบริวารภูตทั้งชายหญิงที่แปลงร่างเป็นมนุษย์มีใบหน้าและรูปร่างเหมือนมนุษย์ทั่วไป ต่างกรีดร้องออกมาอย่าโหยหวน แสดงออกถึงความเจ็บปวดทรมาน
บ้างก็ลงไปนอนกลิ้งดิ้นรนอย่างทุรนทราย บ้างก็คืบคลานเข้าไปแล้วกอดขาเขาไว้พร้อมขอชีวิต ทำให้ภูตมนต์ดำแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวตามด้วยเสียงคำรามกึกก้องกัมปนาท
“หากพวกเจ้าไม่ปรารถนาความเจ็บปวด จงอย่าได้ทรยศข้า อย่าได้กระทำ แม้แต่ความนึกคิด”
มนต์ดำมองหน้าภูตบริวารทุกตนที่รีบลุกขึ้นแล้วยืนก้มหน้านิ่ง
“ไปจัดหาสาวพรหมจรรย์มาให้ข้า หามาให้มากที่สุด”
เพียงแค่สิ้นคำสั่ง ภูตบริวารทั้งชายหญิงต่างแยกย้ายกันออกไปทันที แต่ทว่าเมื่อคล้อยหลังพวกบริวารภูตมนต์ดำกลับมีสภาพเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง ฝ่ามือของเขาที่กำห่อผ้ากำมะหยี่สีแดง ได้รับบาดเจ็บราวกับถูกสับด้วยมีดที่คมกริบจนเนื้อบริเวณมือและนิ้วฉีกป่น เลือดไหลอาบ
ภูตมนต์ดำเก็บห่อกำมะหยีสีแดงอันเป็นที่รวบรวมดวงจิตของบรรดาภูตบริวารไว้ที่เดิมพลางขบฟันแน่นด้วยความเคียดแค้นและชิงชังตนเองที่ไม่สามารถมีพลังเป็นอำมตะตามที่ปรารถนา
ไอลดาขับรถมาหากานต์ที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่หมายจะดูให้รู้ชัดว่ากานต์พาผู้หญิงเข้ามาอยู่ร่วมบ้านจริงตามคำบอกเล่าของแม่สุภา หรือไม่ ทำให้กานต์นึกฉงนกับการมาของหล่อนเพราะหล่อนไม่เคยมาหาเขาเช้าแบบนี้
“มีอะไรหรือครับ”
“ต้องมีด้วยหรือคะ การที่ไอจะมาหาคนรักของไอ ต้องมีธุระเท่านั้นหรือคะ”
เจ้าหล่อนจ้องหน้าเขานิ่งเมื่อก้าวเดินเข้าไปหาในขณะที่กานต์อยู่ที่สนามเพื่อวิ่งออกกำลังกายเหมือนเช่นทุกวัน
“กานต์มีคนอื่นใช่ไหม ไอถึงเป็นคนน่ารำคาญ”
เขายิ้มเย็น
“เกิดอะไรขึ้นครับ หือ คนดีบอกผมสิ ผมไม่เคยเห็นคุณมาหาผมเช้าแบบนี้ ผมเลยสงสัยนึกว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
ไอลดาก้าวเข้าไปใกล้เขาอีกนิด
“เราคบหากันมานานแค่ไหนแล้วคะกานต์ อยู่เมืองนอกเราก็เห็นหน้ากันทุกวัน กินด้วยกัน กลับเมืองไทยเราก็พบกันเกือบทุกวัน ไม่มีความผูกพันเลยหรือคะ”
เขาระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความงุนงง
“ผมจะทักทายคุณว่าอย่างไรดีนะ ผมนึกไม่ออกจริง ๆ หากคำพูดของผมทำให้คุณขุ่นเคืองใจ ก็ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ”
ความสุภาพของเขา แทนที่จะทำให้หล่อนฉุนเฉียวแล้ววีนใส่เขาหาเรื่องเขา ความตั้งใจที่มาจากบ้าน หล่อนต้องการมองเห็นผู้หญิงที่กานต์พาเข้ามาอยู่ หากหล่อนพบว่าเขามีอะไรกับเธอคนนั้น หล่อนจะอาละวาดแล้วหาทางบีบเขาให้ขอหล่อนแต่งงานให้จงได้
แต่ทว่าเมื่อมาแล้ว ความสุภาพและใจเย็นของเขากลับทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มของหล่อนผ่อนคลายลงอย่างมาก ความตั้งใจแต่เดิมดูเหมือนจะถดถอยลงไปทุกขณะ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยนของเขา หัวใจของหล่อนก็ชุ่มเย็นมากขึ้น
“ไอ มาขอทานอาหารเช้าด้วย”
เขายิ้มกว้างก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะที่น่าฟัง
“เท่านั้นเองหรอกหรือครับ”
“หรือจะออกไปทานข้างนอกดีคะ”
หล่อนปรับสีหน้าให้ดูผ่อนคลายลงพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเขาสอดมือไปคล้องแขนเขาไว้
“ทานที่นี่ดีกว่าครับ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมกลับมาเมืองไทย แล้วคุณมาขอทานอาหารที่บ้านผม..”
เขาหันไปมองที่ประตูบ้านพร้อมกับผายมือออกเป็นการเชื้อเชิญหล่อนเข้าไปด้านใน ทำให้หล่อนยิ้มออกมา ทว่าเพียงแค่หล่อนเดินเคียงข้างเข้ามาถึงห้องอาหารสายตาก็ต้องสะดุดที่ร่างบางอรชรที่ดูแช่มช้อยของสตรีสาวคนหนึ่ง
“ใครคะกานต์”
เพียงเท่านั้นรอยยิ้มและอารมณ์ที่เหมือนจะคลี่คลายของหล่อนกลับขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหันไปมองหน้าเขา ซึ่งมองตรงมายังร่างของมัชฌิมาที่กำลังช่วยหวานจัดอาหารบนโต๊ะ
“คุณมัชครับ”
แทนคำตอบ เขาร้องเรียกเธอเบา ๆ ทำให้เธอเดินเข้ามาหาเขา
“นี่คุณไอลดานะครับ เธอเป็น..”
“คนรักของเขา และในไม่ช้าเราจะแต่งงานกัน”
ไอลดารีบแนะนำออกไป ทำให้กานต์มองหน้าหล่อน แต่คงไม่เท่ามัชฌิมาที่ก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับหลุบเปลือกตามองที่พื้น
“นี่คุณมัชฌิมาครับ”
“ญาติข้างไหนหรือคะ ไอไม่เคยเห็น”
คำถามนั้นทำให้เขานิ่งไปชั่วครู่
“ฉันไม่มีที่ไปค่ะ เลยมาขอพักที่นี่”
“เดี๋ยวนี้บ้านของคุณกลายเป็นสถานรับเลี้ยงคนจรแล้วหรือคะกานต์”
เขาขบกรามแน่น
“ผมขับรถชนเธอ ได้รับบาดเจ็บและสมองกระทบกระเทือนจนความจำเสื่อมครับ เธอจำอะไรไม่ได้ ผมต้องรับผิดชอบเธอ จนกว่าเธอจะหายเป็นปกติ”
“ความจำเสื่อม”
ไอลดาหันมามองหน้าเขา ก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองหน้าหวานละไม ไม่ว่าจะเป็นปาก คอ คิ้ว คาง เธอสวยงามเหมาะเจาะและผิวพรรณหมดจดดูสะอาดสะอ้านน่าทะนุถนอม เธอแบบบางอ้อนแอ้น เหมือนลูกคนมีเงินที่ไม่เคยตรากตรำทำงานหนัก
มันน่าจะเป็นเพราะความงามละมุนของเธอมากกว่า ที่ทำให้กานต์ต้องการรับผิดชอบเธอ เมื่อคิดดังนี้มันทำได้ไอลดากำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ ไม่ว่าจะอย่างไร หล่อนจะหาทางให้มัชฌิมาออกไปจากบ้านนี้ให้เร็วที่สุด แล้วต้องออกไปจากชีวิตของกานต์ด้วย
“ทำไมไม่ให้เธออยู่โรงพยาบาลล่ะคะ ให้อยู่ใกล้หมอไม่ดีกว่าหรือคะ”
“หมอบอกว่า อาการของดิฉันจะดีขึ้นค่ะ และดิฉันไม่อยากรบกวนเพราะการอยู่โรงพยาบาลต้องมีค่าใช้จ่าย”
มัชฌิมาชิงพูดออกมาทำให้ไอลดามองหน้าเธอนิ่งอย่างไม่พอใจ
“มีอะไรทานบ้างล่ะหวาน”
กานต์ตัดบทด้วยการเดินไปที่โต๊ะอาหาร
“เยอะเลยค่ะคุณกานต์ วันนี้คุณมัชลงมือทำครัวเองเลยนะคะ อาหารน่าตาแปลกแต่กลิ่นหอมเชียวค่ะ แล้วรสชาติดีด้วยนะคะ”
“งั้นหรือ”
กานต์เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วมองหน้าไอลดา ทำให้หล่อนจำต้องก้าวไปนั่งยังเก้าอี้ตัวนั้นแต่เขากลับหันไปมองหน้ามัชฌิมาที่รีบก้าวห่างออกไป
“ฉันจะทานกับหวานค่ะ”
เพียงแค่เธอพูดออกมาอย่างนั้นทำให้ไอลดารู้สึกดีขึ้นเพราะหากเธอมานั่งทานอาหารด้วย หล่อนคงต้องอดกลั้นเหมือนคนที่ใกล้จะจมน้ำตายแน่ ๆ
