ตอนที่ 17
“ลุงให้แม่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว ไป”
เขายิ้มเย็น
“ได้ครับ”
เพียงแค่กานต์เดินตามหม่อมราชวงศ์ชายระพีเข้าไปในปราสาทสีงาช้างที่สวยงาม สร้อยก็ปรากฏอยู่ที่เดิม แต่จากนั้นไม่นานนัก มันก็หายไปด้วยมือของภูตบริวารของมนต์ดำ
“มองอะไรหรือป้า”
คำถามของอ้อ ทำให้มัชฌิมาที่กำลังจัดเตรียมอาหารเช้าสำหรับกานต์ต้องละมือแล้วหันไปมองหน้าแม่บ้านสุภา
“คุณชายระพีน่ะสิ ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็น ท่านเดินไม่ได้ อาการเหมือนจะไม่รอด แต่ว่าตอนนี้ดูแข็งแรงเหมือนไม่เคยเจ็บป่วย”
“ไหนล่ะป้า”
“เข้าไปแล้ว คุณกานต์คงไม่รับอาหารเช้าที่นี่หรอก”
แม่บ้านสุภาหันกลับมาพร้อมกับตวัดสายตามองหน้ามัชฌิมาที่เห็นเธอรีบก้าวไปมองดูที่หน้าต่างแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรเพราะกานต์กับคุณชายระพีเดินเข้าไปด้านในแล้ว
“เสียดายหรือคะคุณ ที่คุณกานต์ไม่ได้ทานอาหารที่คุณอุตสาห์ลุกขึ้นมาเตรียม ความจริง คุณกานต์ไม่ค่อยได้ทานอาหารสักเท่าไหร่ มีเพียงแค่กาแฟถ้วยเดียวเขาก็ไปทำงานแล้ว..เก็บแรงไว้ไม่ดีกว่าหรือคะ”
แม่บ้านเปรยออกมาเบา ๆ แต่มัชฌิมาแทบไม่ได้ยินคำพูดของหล่อนเพราะเธอกำลังหวาดหวั่น ว่าบุคคลที่กานต์เรียกว่าลุง ทำไมเขาอยู่บ้านเดียวกับภูตมนต์ดำ แล้วเขาไม่รู้หรือว่าป้าของเธอถูกกักขังอยู่ที่นั่น เขาไม่ได้ยินเสียงร้องของป้าเธอหรือ
มัชฌิมาเดินวนไปวนมาด้วยความกลัดกลุ้ม เธออยากจะถามกานต์เกี่ยวกับลุงของเขา เธออยากรู้ว่าทำไมลุงของกานต์ยอมให้ภูตอำมหิตอย่างมนต์ดำพักอาศัยอยู่ร่วมบ้าน เธออยากจะถามลุงของเขาว่าป้าของเธอเป็นอย่างไร ทำไมถึงทนดูภูตตนนั้นทำร้ายป้าของเธอ เธออยากจะหาช่องทางที่จะช่วยเหลือ
“คุณกานต์คะ”
หลังจากที่นั่งรอจนมองเห็นกานต์เดินกลับมาเธอก็รีบลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าไปหาเขา ทำให้เขานึกฉงนในท่าทีของเธอเป็นอันมาก
“ผมลืมบอกคุณไปว่า คุณชายระพี ลุงของผมท่านเชิญผมไปทานอาหารมื้อเช้าด้วย ทำให้คุณต้องนั่งรอผม ขอโทษจริง ๆ นะครับ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ”
เขาย่นคิ้วพลางมองหน้าเธอ ทำให้มัชฌิมารีบยิ้มหวานออกมาก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วช้อนสายตามองหน้าเขา ที่รู้สึกอิ่มเอมใจเหลือเกินเมื่อได้มองเห็นรอยยิ้มที่แสนหวานของเธอ เธอช่างสวยหวานและงามละมุนเสียจริง
“คือ ท่านเป็นคุณลุงของคุณ แต่ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ ยังไม่เคยพบท่านเลย ฉันมาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับวังของท่านแท้ ๆ”
“นึกว่าเรื่องอะไร คุณลุงของผมท่านป่วยครับ ตอนนี้อาการดีขึ้นแต่ก็ยังไม่แข็งแรงมากนัก เอาไว้ให้ท่านแข็งแรงกว่านี้อีกหน่อย ผมจะพาคุณไปรู้จักกับท่านนะครับ”
“ค่ะ”
เธอขานรับแต่เมื่อเขาเตรียมจะเดินต่อไปเพื่อจะไปเตรียมตัวออกไปทำงาน
“เอ่อ คุณกานต์คะ”
“ครับ”
เขาหันมาหาเธอ เป็นเวลาเดียวกับที่แม่สุภา เดินออกมาแล้วมองเห็นเธอก้าวขวางหน้าเขา ทำให้รู้สึกขุ่นใจเพราะคิดว่าเธอจงใจจะหน่วงเหนี่ยวเขาให้พูดคุยด้วย
“ท่านอยู่กับใครหรือคะ”
“อ๋อ อยู่คนเดียวกับ มีแม่บ้าน สาวใช้และคนสนิทที่ดูแลรับใช้ท่านครับ คุณลุงของผมท่านเป็นโสด ท่านไม่ได้แต่งงานครับ”
“ฉันหมายถึง คนอื่นค่ะ”
เขาขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่มีนี่ครับ”
เธอลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ประกอบกับสีหน้าที่ยิ้มละไมก็เผือดสลดลงจนน่าใจหาย
“มีอะไรหรือครับ”
“ไม่หรอกค่ะ”
เธอยิ้มให้เขาแล้วทำท่าจะเดินเลี่ยงไปแต่เหมือนนึกอะไรออก จึงหันกลับไปใหม่
“ฉัน เอ่อ ขอออกไปด้วยได้ไหมคะ”
เขามองหน้าเธอนิ่ง
“คือว่าฉัน อยากจะออกไปข้างนอกบ้าง บางทีอาจจะทำให้ฉันนึกอะไรออกได้บ้าง”
“เอาสิครับ”
เพียงเท่านั้นรอยยิ้มที่ฉ่ำหวานก็ผุดขึ้นแต่งแต้มบนใบหน้าหวานละไมอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกผุดผ่องใจอย่างมาก แต่ตรงข้ามกับแม่สุภา ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นหล่อนก็รีบไปที่โทรศัพท์ โทรรายงานให้ไอลดารู้ทันทีว่ามัชฌิมาขอติดรถกานต์ออกไปด้วย ทำให้ไอลดาไม่พอใจอย่างมาก
“นางหน้าด้าน แกประกาศตัวเป็นศัตรูกับฉันใช่ไหม”
ไอลดาคิดในใจเมื่อวางสายจากแม่สุภาแม่บ้านของกานต์หล่อนก็รีบแต่งตัวเตรียมออกไปด้านนอก
“จะไปไหนหรือไอ”
นายรเณศ ชายวัยหกสิบร้องถามลูกสาวคนโตขึ้นทันที เมื่อหล่อนทำท่าจะไม่ยอมทานอาหารเช้า
“ไอมีธุระค่ะพ่อ”
“ธุระอะไร”
เขาเอ่ยถามต่อทำให้หล่อนลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ
“ไอรีบค่ะพ่อ”
“ทานอาหารเช้าก่อนสิลูก”
ยังไม่ทันที่ไอลดาจะก้าวออกไปคุณสุวีรา แม่ของหล่อนก็เดินเข้ามาตามด้วยร่างบางของวรรณิตน้องสาวของไอลดา วัยยี่สิบปี สวมเครื่องแบบนักศึกษาเดินตรงมาหาผู้เป็นพ่อพร้อมกับมองหน้าพี่สาว
“จะรีบไปหาพี่กานต์หรือคะพี่ไอ”
“อย่าแส่ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ไอไปนะคะ”
หล่อนตวัดสายตาไปปรามน้องสาวแล้วก็รีบเดินตรงไปยังรถเก๋งคันหรู
