ตอนที่ 14
เธอวางมือลงที่กล่องด้านนอก แต่ทว่าฝากล่องกลับเปิดอ้าออก ทำให้เธอยื่นมือไปประคองลูกแก้วนั้น แต่ทว่ากระแสเย็นจัดทำให้เธอต้องชักมือกลับแต่ยังคงจ้องมองอยู่ด้วยความสนใจ
“อะไรกันนี่ สวยจังเลย”
เด็กหญิงตัวน้อยยืนมองอยู่นานกว่าจะตัดสินใจยื่นมือไปจับอีกครั้ง คราวนี้จับได้ เมื่อยกขึ้นรัศมีนั้นพุ่งเข้าใส่ร่างของเธอ จนแทบล้ม แต่ยังไม่ยอมวางลูกแก้วลง
“คงไม่ใช่ของเล่นแล้วกระมัง”
เธอคิดในใจก่อนจะวางลงที่เดิมแล้วปิดฝากล่อง รัศมีของลูกแก้วก็แผ่กระจายเกิดแสงสว่างเรืองรอง มัชฌิมามองไปรอบตัวเห็นมีดอกไม้หลายอย่างในห้องนั้น
ส่งกลิ่นหอมอย่างมาก จึงเดินดมไปเรื่อย แล้วก็ออกมาจากห้องนั้น แต่สายตาก็มองไปเห็นประตูด้านข้างที่อยู่คู่กันเป็นสีแดงเพลิงมีรัศมีร้อนระอุ
“ในนี้มีอะไรนะ”
เธอครุ่นคิดด้วยความใคร่รู้ตามประสาเด็ก จึงตัดสินใจผลักประตูนั้นเข้าไป แต่ทว่ามันไม่เหมือนกลับประตูบานแรก มันเหมือนมีพลังบางอย่างดูดร่างของเธอให้พุ่งออกไป ราวกับทะลุไปอีกมิติหนึ่งหรือโลกหนึ่ง
ร่างเล็กบางหมุนวนแล้วลอยลิ่วออกมา เธอกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว ยามนี้เธอนึกถึงพ่อ แม่และคำหยาดขึ้นมา เธอพยายามร้องเรียกทุกคน หวังจะให้มีใครได้ยินเสียงของเธอ
“อยู่ที่ใดกันแน่เล่าคำหยาด นี่เจ้าพาข้าเดินไปรอบเมืองแล้วนะ มัชฌิมาอยู่ที่ใด บอกมาเดี๋ยวนี้ หรือเจ้ามีอะไรปิดบังข้าอยู่..ใช่หรือไม่”
คำหยาดค่อย ๆ หันกลับมามองหน้ารศยา แต่ในใจก็เฝ้าภาวนาว่า ป่านนี้มัชฌิมาคงน่าจะออกมาจากปราสาทนั้นแล้ว
“ข้าว่า น่าจะอยู่ที่พัก”
“แล้วเจ้าพาข้ามาเดินหาทำไมเล่า”
“ข้าคิดว่ามัชฌิมาน่าจะเล่นอยู่แถวนี้ แต่เมื่อหาไม่เจอก็ย่อมแสดงว่าต้องอยู่ที่พัก”
เพียงเท่านั้นรศยาก็รีบเดินกลับมายังที่พักของมัชฌิมาแล้วพยายามถามหาจากนางทาส ซึ่งต่างก็ปฏิเสธ ยามนี้ทำให้คำหยาดถึงกับเข่าอ่อน
“ข้าจักไปบอกท่านเจ้าเมือง”
รศยาหันหน้ามาหาคำหยาดที่หน้าเผือดซีด จากนั้นรศยาก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักใหญ่ เข้าพบท่านเจ้าเมืองพร้อมด้วยชุติมณีแม่ของมัชฌิมา ตามด้วยร่างของคำหยาดที่วิ่งกระหึดกระหอบตามไปติด ๆ
“รศยา มีกิจอันใดเร่งรีบกระนั้นหรือ ดูสีหน้าเจ้าเหนื่อยเหน็ดและมีกังวล”
ท่านเจ้าเมืองภพธรรม เป็นบุรุษวัยสี่สิบเศษที่มีใบหน้าหล่อเหล่า มีแววตาอบอุ่นแสดงออกถึงความจริงจังและเด็ดเดี่ยวเป็นผู้ที่มีอำนาจบารมี
“ข้าว่าน่าจะเกิดเรื่องกับมัชฌิมา”
“เหตุใดเล่ารศยา แจ้งมาเร็วเถิด”
ชุติมณีหญิงวัยสามสิบเศษร้องถามด้วยความห่วงใยในตัวธิดาองค์เดียว
“ข้าตั้งใจมาหามัชฌิมาด้วยความห่วงใย ปรารถนาจะให้ร่ำเรียนวิชางานเรือนต่าง ๆ แต่คำหยาดก็มิยอมบอกว่าอยู่ที่ใด พาข้าเดินหาจนทั่วเมือง แต่ว่า ตอนที่ข้าพบคำหยาด ข้าเห็นนางด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าปราสาทต้องห้าม”
“ปราสาทต้องห้าม!”
เจ้าเมืองภพธรรมเอ่ยซ้ำเพื่อให้แน่ใจก่อนจะมองหน้าคำหยาดที่ก้มงุด
“พี่ข้า หลานเล่า”
ชุติมณีเอ่ยถามเสียงเครือ ทำให้คำหยาดจำต้องเงยหน้าขึ้นแล้วสะอื้นไห้ออกมาเบา ๆ
“พี่ข้า! หรือว่า”
คำหยาดพยักหน้าช้า ก่อนจะคลานเข่าเข้าไปหาท่านเจ้าเมืองหมอบกราบแทบเบื้องบาท
“ท่านเจ้าเมืองที่เคารพ โปรดอดโทษให้เด็กที่ไม่ประสา แล้วลงโทษข้าแทนเถิดหนา ข้ามิดีเองที่นำทางหลานไปท่องเที่ยวแถวนั้น”
“นานเพียงใดแล้ว”
“นานมากแล้วท่านพี่”
รศยาชิงตอบพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเขา
“เร็วเข้าเถิด”
ท่านเจ้าเมืองพูดจบก็รีบเดินนำออกไปทันทีท่ามกลางความคลางแคลงใจสงสัยของทุกคน
“มัชฌิมา มัชฌิมา”
เมื่อไปถึงปราสาท บุคคลที่สามารถเข้าไปได้ก็คือท่านเจ้าเมืองและพระชายาเอกเพียงคนเดียวเท่านั้น ทุกคนแม้อยากจะเข้าไปก็ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนกฎบัญญัติ ทั้งสองแยกย้ายกันหาลูก ร้องเรียกหาธิดาเพียงองค์เดียวไปทั่วทั้งปราสาทแต่ก็หาไม่พบ ท่านเจ้าเมืองภพธรรมเดินมาถึงประตูบานสีแดงเพลิง มันเปิดอ้าอยู่ ทำให้เขารู้สึกใจหาย
“มัชฌิมา ลูกรักของพ่อ!”
ร่างสูงใหญ่ถึงกับเซจนต้องใช้มือยันผนังเอาไว้
“ใยเจ้าซุกซนเช่นนี้ลูกรักของพ่อ เจ้าจักกลับมาหาพ่อได้เช่นใดกัน เจ้ายังเล็กนัก”
เมื่อมองเห็นประตูบานนี้ที่เปิดอ้าอยู่ หวนให้เขาระลึกถึงเมื่อสิบกว่าปีก่อนหน้านี้ ได้มีหญิงสาวที่แสนโสภานางหนึ่งเธอปรากฏกายขึ้นที่นี่ในวันที่เขาได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าผู้ครองนคร แต่ยังขาดพระชายา
เธอออกมาจากประตูบานนี้ ได้แล้วพบเขาที่เข้ามาเก็บตัวเงียบอยู่ในปราสาทต้องห้าม อันเป็นที่เก็บสิ่งของสำคัญของแผ่นดิน ด้านหลังของปราสาทแห่งนี้ คือสุสานของบรรพบุรุษที่สืบทอดการครองแผ่นดินมาอย่างยาวนาน
และในวันที่แสนกลัดกลุ้มของเขาเพราะไม่สามารถจะหาพระชายาได้ มีคนเสนอหญิงงามให้เขามากมายและหนึ่งในนั้นคือ รศยา แต่เขาไม่ปรารถนาสักคนเดียว จึงมาที่นี่เพื่อขอร้องและวิงวอนต่อบรรพบุรุษขอชายาคู่ใจ ที่ทำให้เขาสามารถอยู่ครองคู่อย่างมีความสุขได้
แล้วเขาก็ได้เห็นนางนั้นเดินออกมาจากประบานประตูสีเพลิง นางงดงามแช่มช้อย แล้วนางก็คือ ชุติมณี หญิงสาวเมืองมนุษย์ที่หลงทางเดินมาเรื่อยจนกระทั่งมาหยุดที่นี่ตรงหน้าของเขา เมื่อนั้นนางจึงรู้สึกตัวเหมือนหลับฝันแล้วได้พบชายหนุ่มที่แสนงดงาม
เขาเลือกเธอเป็นชายาท่ามกลางความเสียใจและแค้นเคืองของหญิงสาวจำนวนมาก จากนั้นชุติมณีก็ไม่เคยได้ย่างกายกลับเมืองมนุษย์อีกเลย เพราะเธอตัดสินใจเลือกที่จะอยู่กับเขา มีลูกกับเขา
แต่มาวันนี้ เขากลับต้องเสียลูกสาวเพียงคนเดียวไป เธอหายไปในเส้นทางเดินที่แม่ของเธอจากมา ทำให้เขาได้แต่น้ำตาตกใน ด้วยความห่วงใยและคิดถึงเหลือเกิน
