33
“พูดบ้าอะไรของเธอ...กลับไปซะแล้วอย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก” ชายหนุ่มต่อว่าไม่มีเยื่อใยก่อนจะหันหลังให้เพื่อจะเดินตามหาผู้หญิงอีกคนที่ก้าวเข้ามาเป็นคนสำคัญของเขาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าหล่อนหายไปไหนก็พอดีกับที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
“อะไรนะ.....เออ ๆ กูจะไปเดี๋ยวนี้” ปราบรีบร้อนออกไปที่ลานจอดรถ เพราะวาทิต โทรมาบอกว่าทิพย์วารีโดนรถเฉี่ยวอยู่ที่โรงพยาบาล
“พี่ปราบ...รอด้วยค่ะ” น้องอรวิ่งตามถึงแม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คงเป็นเรื่องสำคัญ หล่อนควรจะได้อยู่เคียงข้างเขาในเวลาแบบนี้ หล่อนยังเชื่อว่าเขาแค่โกรธเป็นไปไม่ได้ว่า จะหมดรัก........เพราะก่อนหน้านี้เขารักหล่อนมากมายจะเป็นจะตายเสียให้ได้เมื่อโดนหล่อนบอกเลิกในวันนั้น.....
ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงเรียกข้างหลัง... ใจเขาโลดแล่นไปถึงโรงพยาบาลแล้วด้วยซ้ำ ยัยเด็กเซ่อเอ้ย...ซุ่มซ่ามเดินไปให้รถเฉี่ยวทำไมวะ…….
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
“พี่วาทิต ขอบคุณนะคะ” ทิพย์วารียกมือไหว้ผู้ชายที่ให้การช่วยเหลือ ถือว่าโชคหล่อนยังดีที่ไม่เป็นอะไรมากและยังเจอเข้ากับพี่วาทิต พี่ชายที่แสนดีของพธูเพื่อนรักของหล่อนอีกต่างหาก
“เกิดอะไรขึ้น...ทำไมถึงได้เดินเหม่อลอยอย่างนั้นล่ะ” วาทิตนั่งลงข้างเตียง หลังจากคุณหมอได้เข้ามาตรวจอย่างละเอียดแล้วแจ้งว่าไม่น่าจะมีอะไรน่ากังวล ทีแรกเขานึกว่าเจ้าหล่อนจะต้องนอนโรงพยาบาลเสียอีก จึงได้โทรบอกเพื่อน แต่ปรากฏว่าทิพย์วารีไม่เป็นอะไรมากนอกจากแผลถลอกที่แขนนิดหน่อยแต่ว่ามีอาการมึนศีรษะ คุณหมอจึงให้นอนรอดูอาการอีกสักพัก ถ้าทุกอย่างปกติก็กลับบ้านได้
“เอ่อ...คือหนูกำลังจะกลับบ้านค่ะ” ทิพย์วารีตอบเสียงเบาใบหน้าเศร้าสลดหลีกเลี่ยงที่จะพูดตามความจริง…ความจริงที่หล่อนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลังจากรับรู้เรื่องราวการกลับมาของแฟนเก่าของพี่ปราบเต็มทั้งสองหูสองตาของตัวเอง.......
วาทิตเห็นอาการแล้วก็ไม่อยากจะคาดคั้น อีกสักครู่ไอ้ปราบคงจะมาถึง แล้วค่อยมาเคลียร์กันเองก็แล้วกัน อย่างน้อยเพื่อนของเขาก็ยังห่วงใยคงไม่มีอะไรร้ายแรง
“อีกเดี๋ยวไอ้ปราบก็มาแล้ว......ฟังเสียงมันตกใจน่าดู คงจะห่วงน้องน้ำมาก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ...บางทีพี่ปราบอาจจะรำคาญหนูก็ได้”
วาทิตเห็นแววตาวูบไหว น้ำเสียงแสดงความน้อยใจ....ชัดเลย...คู่นี้ต้องมีปัญหากันแน่นอน...ผู้กองหนุ่มสรุปในใจ
ปราบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหน้าตาตื่น ไม่เหลือมาดนักธุรกิจผู้เคร่งขรึมเลยสักนิด
“ใจเย็น ๆ ไอ้ปราบ น้องเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก” วาทิตรีบบอกเพื่อนพร้อมกับลุกขึ้นยืนแต่คนเป็นเพื่อนไม่ได้สนใจ เบนสายตาไปที่ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“เดินยังไงให้รถชนหึ....ไปไหนมาไหนก็ไม่บอก ทำเป็นเด็กไม่มีความคิดไปได้” ปราบทั้งห่วงทั้งโมโห...เมื่อเห็นแล้วว่าทิพย์วารีไม่เป็นอะไรมากก็อดที่จะต่อว่าไม่ได้…ยิ่งเห็นมือขาว ๆ จับชายเสื้อไอ้วาทิตเอาไว้แน่น ยิ่งหงุดหงิดหัวใจ
“เฮ้ย ! ไอ้ปราบมาถึงก็ปากหมาเลยนะมึง...ดูหน้าน้องน้ำสิ.....เขากลัวมึงจนจะร้องไห้อยู่แล้ว....ไอ้บ้าเอ้ย...” วาทิตกางปีกปกป้องน้องสาวร่วมโลกทันที
“เออ...ก็กูห่วง” ปราบยอมรับกับเพื่อนไม่มีกั๊ก...นาทีนี้ต้องชัดเจนเพราะเห็นแล้วว่ายัยตัวเล็กของเขาดูจะไว้ใจไอ้วาทิตมาก ถึงมันจะมีความดีความชอบแต่ก็ไม่อยากให้ผู้หญิงของเขาเห็นมันเป็นหลักให้พักพิงอยู่ดี...
“หนูขอโทษ….ก็เห็นว่าพี่ปราบคุยธุระอยู่กับ...เอ่อ..คุณอร....หนูก็เลยคิดว่าจะกลับบ้านก่อนน่ะค่ะ” ทิพย์วารีอธิบายออกไปเสียงเบาหวิว หลบแววตาคมดุไม่กล้าสบตาด้วย ได้แต่เสมองมือตัวเองที่เผลอจับชายเสื้อของพี่วาทิตไว้โดยไม่รู้ตัว จึงรีบปล่อยมือ......ต้องรอให้ตายก่อนหรือไงเขาถึงจะเห็นใจ....นี่คงจะรำคาญมากล่ะสิ....เพราะแทนที่จะอยู่ปรับความเข้าใจกับแฟนสาวต้องรีบมาดูหล่อน ถึงได้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้…..
“น้องอร?...” วาทิตหันมองหน้าเพื่อนคอแทบหักพลางเลิกคิ้วถาม ไม่มั่นใจว่าใช่น้องอรแฟนเก่าของมันหรือเปล่า ก็คนนั้นไปเรียนแล้วนี่หว่า...ที่สำคัญ เลิกกันแล้วด้วย
“อืม....กูก็ไม่รู้ว่าเขากลับมาทำไม” ปราบตอบเสียงเข้ม
วาทิตหันมองหน้าเพื่อนตาแทบถลนกับข้อมูลใหม่....ซวยแล้วมึงไอ้ปราบ......
“คุยกันเองก็แล้วกัน...กูไปล่ะ...ปากมึงก็เพลาๆ ลงหน่อยก็ดี” วาทิตเห็น คนบนเตียงน้ำตาเอ่อจะหยดมิหยดแหล่ก็ให้รู้สึกสงสาร อยากปกป้องไม่ต่างจากความรู้สึกที่เขามีให้กับน้องสาวแท้ ๆ อย่างพธู ถึงแม้จะเพิ่งได้รู้จักกันก็ตาม
“ทีหลังอย่าคิดเอาเองรู้ไหม...มีอะไรให้ถามพี่ก่อน” ปราบหันมาพูดกับทิพย์วารีอย่างอ่อนโยน ผิดกับเมื่อสักครู่ลิบลับ
“หนูไม่ได้คิดไปเองนะคะ ได้ยินเองเต็มสองหูนี่คะ” ทิพย์วารีเถียงอุบอิบ
ยังไม่ทันที่ปราบจะพูดอะไรต่อก็พอดีกับคุณหมอเข้ามาตรวจอีกครั้งและอนุญาตให้กลับบ้านได้
ทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ คนปากร้ายก็รั้งร่างบางเข้ามากอดโดยไม่พูดอะไรสักคำเป็นนานกว่าจะปล่อยให้ทิพย์วารีเป็นอิสระจึงได้เห็นน้ำตาของหล่อนไหลเป็นทางอาบสองข้างแก้ม
“ร้องไห้ทำไมหึ...ยังเจ็บอยู่หรือไง” แกล้งทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน เขาไม่รู้ว่าจะปลอบหรือจะดุดีวันหลังหล่อนจะได้ไม่คิดเองเออเองแบบนี้อีก
“ปะ...เปล่าค่ะ” ทิพย์วารียกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา โดยที่ปราบเห็นแล้วสงสัย จ้องมองผ้าผืนนั้นเขม็ง เพราะไม่น่าจะใช่ของเจ้าหล่อน
“ผ้าเช็ดหน้าของใคร” ชายหนุ่มถามเสียงเย็น
“ของพี่วาทิตค่ะ”
“เอาทิ้งไปซะ”
“ไม่ค่ะ พี่วาทิตให้หนู”
“พี่บอกให้ทิ้งไป” ปราบสั่งเสียงแข็ง
ทิพย์วารีนั่งเม้มปาก กำผ้าผืนน้อยเอาไว้แน่น....เขาไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเองตั้งใจจะหาเรื่องพาลใส่กันชัด ๆ .....หญิงสาวตะโกนก้องในใจแต่ไม่กล้าเถียงออกไป
