1 เจ้าสาวกลัวฝน (4)
จนเมื่อสี่ปีก่อนนายชุนได้พางามตามาฝากไว้กับเขา เพื่อให้งามตาทำงานในไร่
‘งามยังอายุไม่ถึงสิบแปด ฉันจ้างทำงานไม่ได้หรอก มันผิดกฎหมาย’
‘ถือว่าช่วยเด็กมันเถอะพ่อเลี้ยง ผมขอร้องล่ะ จะให้ไหว้ผมก็ยอม ผมกลัวนังรำไพจะเอางามไปขายซ่อง ตอนนี้งามมันไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ผมเลยมาของานให้งามมันทำ’
‘ทำไมถึงไม่เรียนต่อล่ะ?’
‘โถ... พ่อเลี้ยง ผมไม่มีปัญญาส่งหรอก หนี้สินท่วมหัวอย่างนี้ แค่มีกินไปวัน ๆ ก็ดีเท่าไหร่แล้ว อีกอย่างลูกผู้หญิงเรียนสูงไปก็เท่านั้น เดี๋ยวมันก็มีผัว เรียนไปก็ไม่ได้เอาไปใช้อยู่ดี’
คำว่า ‘มีผัว’ ของนายชุน ทำให้เขาต้องพิจารณางามตาอย่างจริงจัง
แล้วก็เป็นอย่างที่นายชุนว่า... งามตาเริ่มเป็นสาวแล้ว ซ้ำเจ้าหล่อนยังหน้าตาสะสวย ผิวพรรณดี แต่เพราะงามตายังตัดผมสั้นเสมอติ่งหูจึงทำให้งามตายังดูโตเป็นสาวไม่เต็มที่
ครั้นจะปฏิเสธไป เขาก็อดสงสารงามตาไม่ได้ เขาโตกว่างามตาสิบกว่าปี เห็นงามตาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เห็นแล้วเขาก็ใจร้ายไม่ลง ครั้นจะปล่อยให้เธอไปทำงานหนัก ๆ เหมือนคนงานผู้ชายคงจะไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงรับงามตาเข้าทำงาน ปล่อยให้เธอทำงานบ้านไป นอกจากนี้เขายังส่งให้งามตาได้เรียนต่อจนจบมัธยมปลาย...
เขาชอบที่เด็กสาวคนนี้ขยันขันแข็ง ไม่เคยเกี่ยงงาน ไม่ปากมาก ที่สำคัญเด็กสาวคนนี้ไม่ชอบทำงานเอาหน้า
พอเขากลับจากไร่ มักจะเห็นงามตายกขันน้ำเย็นชื่นใจลอยด้วยมะลิมาตั้งไว้ให้ แล้วเธอก็หลบหน้าเขาทุกครั้งไป ตลอดสี่ปีที่งามตาทำงานกับเขา เธอทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
เท่าที่รู้จากป้าเอม แม่บ้านคนเก่าที่ทำงานให้ครอบครัวเขาตั้งแต่สมัยแม่ยังมีชีวิตอยู่ ป้าเอมบอกว่างามตามีความสามารถเรื่องการทำอาหาร
ระยะหลังป้าเอมมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงยกหน้าที่ทำอาหารให้กับงามตารับผิดชอบเพียงผู้เดียว ซึ่งตัวเขาเองไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอาหารที่ยกมาให้กินอยู่ทุกวันนั้นไม่ใช่รสมือของป้าเอม
มารู้ตัวอีกทีงามตาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไป แม้จะไม่ค่อยได้พูดคุยกัน แต่เขาก็รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่เห็นเธอเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านของเขา
แค่ได้เห็นเธอ เขาก็มีความสุข...
จนกระทั่งเมื่อครึ่งปีก่อน หลังจากที่งามตาเรียนจบมัธยมปลายได้ไม่นาน นายชุนก็ประสบอุบัติเหตุถูกรถสิบล้อชนในตอนที่ขับรถเอาพืชผลการเกษตรในไร่อินทรเข้าไปส่งในเมือง อาการเบื้องต้นสาหัสพอดู
เขาเองได้ไปเยี่ยมนายชุนพร้อมงามตา ในตอนนั้นนายชุนได้ฝากฝังให้เขาดูแลงามตา ซึ่งเขาก็รับปาก
ยังไงเขาก็ไม่คิดที่จะทิ้งงามตาอยู่แล้ว เขาออกจะสงสารและเห็นใจหญิงสาวด้วยซ้ำเพราะรู้ดีว่างามตาไม่มีที่พึ่งที่ไหน หลังจากเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลไม่กี่วัน นายชุนก็เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาล
พองามตารู้ข่าวร้ายเท่านั้น เธอก็ร้องไห้ฟูมฟายกับร่างที่ไร้ลมหายใจของผู้เป็นพ่อจนเป็นลมล้มพับไป...
เห็นภาพบีบหัวใจนี้ก็พลอยให้เขารู้สึกหดหู่หัวใจตามไปด้วย เพราะนายชุนคือที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวที่งามตามี พอหมดนายชุน ก็เท่ากับว่างามตาไม่เหลือใครอีกต่อไป
หลังจากผ่านพ้นงานศพของนายชุนไปได้ไม่เท่าไหร่ นางรำไพก็เอาโฉนดที่ดินมาจำนองไว้ที่เขาอีก ก็ว่าจะปฏิเสธ เพราะเขามีที่ดินมากพอแล้ว
แต่เมื่อเห็นว่าที่ดินผืนนั้นติดกับไร่ของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงรับจำนองไว้ เขาเชื่อว่าคงอีกไม่นานนางรำไพคงต้องบอกขายที่ดินผืนนี้
แล้วก็เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด...
ไม่กี่เดือนนางรำไพก็ร้องห่มร้องไห้มาหาเขา พร้อมกับอ้อนวอนให้เขาช่วยซื้อที่ดินที่นางจำนองเอาไว้ ประจวบเหมาะที่แพรนุชเพื่อนสาวคนสนิทของเขายืมเงินไปลงทุนซื้อหุ้น เขาจึงไม่ตอบตกลง
‘หากพ่อเลี้ยงไม่ช่วยซื้อที่ดินผืนนี้ไว้ เจ้าหนี้ต้องเล่นงานฉันตายแน่ ๆ’
