บทที่1 คนงานใหม่ (3)
คนงานทุกคนยังเอาแต่เงียบ สุชีราจึงปล่อยให้ความเงียบอยู่ในที่ประชุมนานเป็นอึดใจ แล้วจึงเปลี่ยนคำถามใหม่
“มีใครมีปัญหาเรื่องงานมั้ย?”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมานอกจากก้มหน้าก้มตา สุชีราจึงกวาดสายตาไปยังคนงานใหม่ร่วมสิบนายที่ยืนฟังเธอด้วยกิริยาท้าทายอยากลองดี โดยเฉพาะคนตัวสูงที่สุดในกลุ่ม...
“เอาล่ะในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็ขอขอบใจทุกคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เดี๋ยวแยกย้ายกันไปทำงานได้ ส่วนคนงานใหม่อยู่ก่อน”
สุชีราลดเครื่องขยายเสียงลงแล้วรอให้คนงานแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นเธอจึงเดินลงมาเผชิญหน้ากับคนงานใหม่ที่ให้ความสนใจในตัวเธอเป็นพิเศษ
หญิงสาวเอามือไพล่หลังแล้วกวาดสายตาคมเฉี่ยวไปยังใบหน้าคนงานชายทีละคนเพื่อจดจำลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนหยุดสายตาไว้กับคนที่เธอ ‘เหม็นขี้หน้า’ ตั้งแต่แรกเห็น
“ที่นี่ทำงานกันสบาย ๆ เราอยู่แบบช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีข้าวปลาอาหารให้สองมื้อ มีที่พัก มีสวัสดิการและเบี้ยเลี้ยงให้ครบ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎเพื่อความสงบสุข
ดังนั้นกฎของที่นี่ข้อแรกก็คือ ห้ามทะเลาะเบาะแว้งกันเด็ดขาด ฉันยึดถือความสามัคคีในการทำงานเป็นหลัก หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันจะไล่ออกจากงานทั้งคู่โดยไม่มีการสอบปากคำทั้งสิ้น”
หญิงสาวบอกเสียงดังฟังชัดโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องขยายเสียงเหมือนเมื่อครู่ แล้วลอบสังเกตปฏิกิริยาของลูกน้องทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มที่ยืนหน้ากระดานเรียงแถวเหมือนทหารเกณฑ์
“ข้อสอง เรื่องผิดกฎหมายและสิ่งเสพติด อันนี้ฉันคิดว่าเป็นข้อห้ามที่ทุกคนพอจะรู้อยู่แล้ว จึงไม่ขอพูดรายละเอียดอะไรมาก แต่ถ้าพบ ฉันขอส่งมอบตัวให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการก็แล้วกัน”
คนงานชายพยักหน้ารับ สุชีราจึงก้าวมาอยู่กึ่งกลางแล้วหันหน้าเผชิญกับคนงานของเธอ
“อีกเรื่อง” สุชีราเว้นวรรค พลางกวาดสายตามองหน้าคนงาน “ฉันไม่ชอบพวกขี้คุกขี้ตะราง ไม่ว่าพวกนายเคยผ่านอะไรมา จะเป็นเสือ สิงห์ที่ไหนมาก็ขอให้ทิ้งพฤติกรรมพวกนั้นซะ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ที่นี่”
ถ้อยคำนั้นของสุชีราจี้ใจดำของใครหลาย ๆ คนที่รับฟังอยู่มากโดยเฉพาะ ’ชนินทร์’ ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก สายตายังไม่ละไปจากวงหน้าหวานจัด โดยเฉพาะริมฝีปากอวบอิ่มที่ขยับสั่งนั่นสั่งนี่ราวกับเป็นนางพญา
“สิ่งที่ฉันอยากขอความร่วมมือจากทุกคนอีกเรื่องก็คือเรื่องบุคลิกภาพ ที่นี่ไม่ใช่รังโจร ดังนั้นขอความกรุณาช่วยตัดผม โกนหนวดโกนเคราให้เรียบร้อยด้วย
ถ้าใครไม่มีเงินค่าตัดผม ทางอู่ต่อเรือเรามีบริการตัดผมให้ฟรี แต่ต้องเป็นหลังเลิกงานไปแล้ว ส่วนเรื่องที่พัก เดี๋ยวนายชื่นซึ่งเป็นหัวหน้าพวกเราจะเป็นคนจัดการให้”
ทุกคนพยักหน้ารับรู้ หากจะมีก็แค่คนเดียวเท่านั้นที่ทำกะลิ้มกะเหลี่ยและแสดงสีหน้าท่าทางอวดดีใส่เธอ สุชีรากระตุกมุมปากขึ้นจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้ม แล้วหยุดสายตาดุดันแฝงความไม่พอใจไว้ที่ชายหนุ่มซึ่งกล้าลองดีกับเธอ ก่อนตัดบทสั้น ๆ
“ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ เอาล่ะแยกย้ายไปทำหน้าที่ได้” เธอผายมือเชิญ รอให้คนงานทุกคนแยกย้ายไปทำงานแล้วจึงหันมาหาเถ้าแก่ใหญ่
ทว่าความสูงอันโดดเด่นและท่าทางอวดดีของใครคนเดิมที่ส่งสายตาเจ้าชู้และท้าทายมาให้ ก็ทำให้ต่อมหงุดหงิดของสุชีราทำงานขึ้นมาทันที เธอหรี่ตาลงแล้วสบตากับชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ แต่พอมือใหญ่วางลงมาที่ไหล่บาง หญิงสาวจึงละสายตาจากผู้อวดดีมายังเถ้าแก่ใหญ่
“ใจเย็น ๆ นะอาขม ค่อยพูดค่อยจากันนะ คนงานใหม่ต้องให้เวลาปรับตัวกันบ้าง”
“ค่ะ” เจ้าของวงหน้าขาวสะอาดที่แดงระเรื่อเพราะแสงแดดยามเช้าพยักหน้ารับ ก่อนเดินเข้าไปหานายชื่นหัวหน้าคนงานที่กำลังแบ่งงานให้ลูกน้อง
“มีอะไรครับคุณขม?” นายชื่นหัวหน้าช่างผสานมือเข้าหากันเมื่อหันมาพูดกับนายสาว
“ฉันฝากนายชื่นเป็นธุระช่วยอบรมสั่งสอนคนงานใหม่ด้วยละกัน โดยเฉพาะนายหัวหย็องอวดดีนั่น” สุชีราเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำพร้อมเดินหน้าเอาเรื่องคนงานใหม่เต็มที่ น้ำเสียงที่อัดแน่นด้วยความไม่พอใจนั่นก็ทำเอาผู้รับคำสั่งถึงกับเสียวสันหลังแทน
“ครับคุณขม”
พอนายจ้างสาวที่ดุราวแม่เสือกลับขึ้นออฟฟิศพร้อมกับเถ้าแก่ใหญ่แล้ว นายชื่นจึงถอดหมวกลูบศีรษะที่ล้านเตียนของตัวเองแล้วบ่นกระปอดกระแปดกับลูกน้องหัวหย็องที่ถูกนางพญาเสือหมายหัวไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า
“มีอะไรครับหัวหน้า?” ชนินทร์ยกคิ้วขึ้นสูงเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไร ทั้งที่เมื่อครู่ได้ยินถ้อยคำของนายสาวเต็มสองรูหู
“ยังจะมีหน้ามาถามอีกไอ้ห่าลาก ไปทำรุ่มร่ามอะไรไว้กับคุณขม งานเลยเข้ากูแล้วไงไอ้รหัส”
ผู้ถูกเอ่ยนามยิงฟันขาวทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วตวัดสายตารียาวไปยังออฟฟิศติดแอร์ที่อยู่สูงกว่าหัวตน
“ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่ครับ” ชายหนุ่มไหวไหล่ถือดี แต่ผู้อยู่มานานและได้เห็นอะไรมานักต่อนักถึงกลับส่ายหน้า
“เออ อวดดีไปเถอะมึง ยังไม่เจอฤทธิ์แม่เสือ ก็ซ่าอย่างนี้ล่ะ”
“จะขนาดไหนเชียว?” ชนินทร์ยิ้มมุมปาก นึกขันด้วยซ้ำที่คนงานชายห้าสิบกว่าชีวิตกลัวผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียว
“เอ็งนี่ไม่มีสลดเลยนะ จะบอกให้ฟัง คุณขมเล่นงานคนงานที่อวดดีเหมือนเอ็งจนไปไม่เป็นมานักต่อนักแล้ว ถึงขนาดเยี่ยวราดวิ่งหนีลูกปืนหัวซุกหัวซุนยังมี” นายชื่นทำหน้าแขยงเมื่อภาพเหตุการณ์สัปดาห์ที่แล้วผ่านเข้ามาในหัว แต่คนฟังกลับยิ้มกริ่มชอบใจยิ่งกว่าเดิม
“โอ้ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“เออ รู้แล้วก็หัดจำใส่กะลาหัวตัวเองไว้บ้าง เดี๋ยวเจอฤทธิ์แม่เสือเข้าไปจะหาว่าข้าไม่เตือน”
คำเตือนด้วยความหวังดีของหัวหน้าคนงานกลับกลายเป็นความท้าทายแปลกใหม่ของชนินทร์ไป ชายหนุ่มยกคิ้วขึ้นสูงพร้อมรอยยิ้มทะเล้น
“ชักน่าสนใจแล้วสิครับ”
“เฮ้อ หาเรื่องใส่ตัวแล้วไงไอ้สาหัส ไป! ไปทำงานของเอ็งได้แล้ว”
พอโดนหัวหน้าคนงานไล่ ชนินทร์จึงยิ้มทะเล้นให้แล้วเดินเอื่อย ๆ ตามเพื่อนร่วมงานเข้าไปในอาคารไม้เปิดโล่งที่มีโครงเรือประมงวางอยู่...
