บท
ตั้งค่า

บทที่1 คนงานใหม่ (2)

สุชีราได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจที่พ่อตัวเองเข้าข้างนายชื่นตลอดเวลา ก่อนเดินกอดอกกลับมาหย่อนสะโพกกลมลงบนโซฟาสีชาข้างผู้เป็นพ่อ

“เอาเถอะเรื่องนั้นช่างมันก่อน ขมอยากคุยเรื่องคนงานชุดใหม่กับเตี่ยให้รู้เรื่อง”

“ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา อาชื่นบอกว่าคนงานชุดนี้มีฝีมือหลายคนและเรียนรู้งานได้เร็วด้วย” พรทวีกระดิกเท้าไปมาอย่างสบายอกสบายใจ ไม่เหมือนสุชีราที่ปั้นหน้าราวแบกโลกไว้ทั้งใบ

“เฮ้อ ขมขอล่ะเตี่ย แค่เตี่ยปฏิเสธความปรารถนาดีจอมปลอมของเสี่ยสิญจน์เท่านั้น เดี๋ยวเรื่องจัดหาคนงานขมจัดการเอง”

พรทวีส่ายหน้ากับความเห็นของบุตรสาวทันที

“คงได้เรื่องหรอก เล่นไล่ตะเพิดออกไปหมดอย่างนั้น ใครจะกล้ามาสมัครงานกับเรา คราวก่อนเตี่ยต้องดึงตัวลูกน้องเสี่ยสิญจน์มาช่วยงานที่อู่ก็เพราะความเรื่องมากของเรานั่นล่ะอาขม”

ได้ยินอย่างนั้นสุชีราจึงหน้าหงิกกว่าเดิม “เตี่ยโทษขมเหรอ?”

“เปล่า แค่ยกตัวอย่างให้ฟังเฉย ๆ” พรทวีไหวไหล่ยังใจเย็นที่จะแจงเหตุผลของตัวเองให้บุตรสาวฟัง ทว่าบุตรสาวจอมดื้อก็ไม่วายหาเหตุผลของตัวเองขึ้นมาหักล้างอีกจนได้

“งานเสร็จ แต่ลูกน้องเสี่ยก็ก่อเรื่องให้เราไม่ใช่เหรอคะ นี่ไงที่ทำให้หนูกับยัยหวานต้องพกมีดพกปืนเหมือนอยู่ในช่วงศึกสงครามทั้ง ๆ ที่เป็นบ้านของเราแท้ ๆ”

พอหยิบเหตุผลข้อนี้ขึ้นมา พรทวีจึงเงียบไปเพราะค้านอะไรไม่ขึ้น ด้วยว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกน้องลุกขึ้นมาทำเช่นนั้นเพราะมีแรงกดดันจากบุตรสาวตัวเองเป็นเหตุด้วย

พอผู้เป็นพ่อเงียบไปสุชีราจึงเดินหน้าแจงเหตุผลของตัวเองต่อ “เตี่ยลองคิดดี ๆ ก็แล้วกันนะคะ ลองชั่งน้ำหนักดู ว่าส่วนได้กับส่วนเสียอันไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน ความปลอดภัยของหนูและยัยหวานแลกกับงานของอู่ต่อเรือเรา”

บอกจบหญิงสาวจึงลุกขึ้นแล้วยัดปืนกระบอกเล็กที่ไม่มีลูกใส่มือของพ่อ แล้วเดินกลับเข้าห้องนอนโดยไม่สนใจร่างท้วมที่นั่งตาปริบ ๆ บนเก้าอี้โซฟาสีชาตัวนุ่มนั่นอีก…

เสียงระฆังทองเหลืองขนาดกลางซึ่งแขวนไว้หน้าบันไดออฟฟิศดังขึ้นเมื่อคำสั่งเรียกคนงานเข้าประชุมของสุชีราถูกถ่ายทอดออกไป เวลาเพียงอึดใจเหล่าคนงานจึงทยอยมารวมตัวกันที่หน้าออฟฟิศ

กระนั้นหญิงสาวที่รวบผมเป็นพวงหางม้ายกสูงดูทะมัดทะแมงสวมเสื้อเชิ้ตสีครีม กางเกงยีนส์เข้ากับรูปร่างยังยืนจิบกาแฟและให้อาหารปลาทองในตู้กระจกไปพลาง ๆ อย่างใจเย็น

พอเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงเปิดและปิดประตู วงหน้าหวานที่ขัดกับอุปนิสัยจึงหันไปมองแล้วหยุดสายตาไว้ที่ผู้ก้าวเข้ามา คิ้วโก่งรับกับวงหน้ารูปไข่ยกขึ้นสูงแทนคำถาม นายชื่นจึงค้อมศีรษะให้

“คนงานทั้งหมดพร้อมแล้วครับคุณขม”

สุชีราเพียงพยักหน้ารับรู้แล้วโบกมือให้นายชื่นกลับไป ส่วนตัวเธอเองยังคงใจเย็นไม่รีบร้อนมากนัก

อึดใจต่อมาเธอจึงคว้าหมวกปีกกว้างมาสวมแล้วเดินลงมาหยุดข้างบิดาตนเองที่ยืนอยู่หัวบันไดซึ่งถูกยกสูงพอใช้แทนเวที เธอฟังเถ้าแก่ใหญ่พูดคุยกับลูกน้องเงียบ ๆ กระนั้นสายตาคมเฉี่ยวแฝงแววดุดันก็ไม่วายกวาดมองลูกน้องชุดใหม่ที่เพิ่งถูกส่งตรงมาจากเสี่ยสิญจน์คร่าว ๆ

“เอาล่ะ ลูกสาวผมมาแล้ว เธอมีเรื่องจะคุยกับทุกคน” พรทวีถอยหลังเพียงสามก้าว พร้อมส่งเครื่องขยายเสียงให้บุตรสาว

ทันทีที่ก้าวมายืนแทนตำแหน่งของเถ้าแก่ใหญ่ สุชีราจึงกวาดสายตามองคนงานชายทั้งเก่าและใหม่ของเธอจนครบ หลายคนหลบสายตา หลายคนอยู่ในกิริยานอบน้อม แต่เธอสะดุดสายตาเข้ากับ ’ใครบางคน’ ความโดดเด่นและแตกต่างของคนผู้นั้นซึ่งยืนอยู่ท้ายแถวสุดทำให้สุชีราที่กวาดสายตาผ่านไปแล้วต้องตวัดสายตากลับมาอีกครั้ง

ชายหนุ่มผิวทองแดงอย่างผู้กรำงานหนักอยู่ท่ามกลางแสงแดดท่าทางอวดดี ยืนกระหยิ่มยิ้มย่องและส่งสายตาพึงพอใจมายังเธออย่างเปิดเผย!!

ใช่เพียงสายตาแทะโลมเท่านั้นที่สร้างความไม่พอใจให้หญิงสาว แต่เป็นการแต่งกายอันกวนโทสะที่คล้ายลูกเรือโจรสลัดนั่นด้วยที่กระตุ้นต่อมความโกรธให้ทำงานขึ้นมา หญิงสาวจ้องตาเขม็งเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเธอไม่พอใจ ก่อนละสายตาคมเฉี่ยวไปทางอื่น

“สวัสดีทุกคน ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ทั้งหมดเข้าสู่อู่ต่อเรือพรทวีพาณิชย์” หญิงสาวกรอกเสียงหนักแน่นลงไปในเครื่องขยายเสียงพร้อมกวาดสายตามองผู้ฟังไปรอบ ๆ

“ที่ฉันเรียกทุกคนมาประชุมก่อนเวลางานในวันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้งให้ทุกคนทราบ” ร่างระหงสวยสะอาดตาในสายตาของคนงานเว้นจังหวะการพูด

“สืบเนื่องจากเรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อนที่มีคนงานเข้ามาก่อความไม่สงบในบ้าน ฉันกับเถ้าแก่ทวีจึงขอสั่งห้ามทุกคนเข้าไปยุ่งวุ่นวายบริเวณบ้านหลังจากเลิกงานเป็นอันขาด และหากใครฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”

“ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินละครับคุณขม?” ไม่วายมีผู้ใจถึงกล้ายกมือขึ้นถามอย่างสงสัย

“ถ้าไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตายก็ไม่ต้องเข้าไปเหยียบ ให้โทรเข้าเบอร์บ้านแจ้งเหตุละกัน เดี๋ยวฉันจัดการธุระนั่นให้” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

“สมมติว่าไม่มีใครรับสายล่ะครับ?” พอมีคนใจกล้านำทีม คนงานผู้มาใหม่จึงป้อนคำถามกวน ๆ มาให้ ซึ่งสุชีราต้องใช้ความอดทนอดกลั้นในการตอบคำถามเป็นอย่างมากเลยเชียว

“ก็ปล่อยให้ตายไปเลย!” หญิงสาวตอบฉุนเฉียว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าดุดันราวแม่เสือ

แน่นอนว่าคนป้อนคำถามยียวนรีบกลืนน้ำลายลงคอแล้วก้มหน้างุดทันทีที่สบดวงตาฉายแววเอาเรื่องของแม่เสือสาว ซึ่งกิริยาราวนางพญาของหญิงสาวนี่เองที่เรียกรอยยิ้มและสร้างความพึงพอใจให้กับชายหนุ่มซึ่งตัวสูงที่สุดในกลุ่มคนงานเป็นอย่างดี เขากวาดสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าโดยไม่ปล่อยให้รายละเอียดของเธอตกหายไปแม้แต่น้อย

เส้นผมสีดำมันขลับบ่งบอกถึงความเอาใจใส่เป็นอย่างดีตัดกับวงหน้าขาวอมชมพูรูปไข่ที่สวย... สวยไม่มีที่ติ คิ้วโก่งได้รูปรับกับวงหน้า ดวงตาคมเฉี่ยวดุดันประดับแพขนตาที่หนาและเข้มโดยไม่ต้องแต่งแต้มเครื่องสำอาง จมูกโด่งเป็นสัน พวงแก้มขาวแดงระเรื่อเพราะความร้อนของแสงแดด เขาหยุดสายตาเอาไว้ที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีกลีบกุหลาบและจัดจ้านนั่น

ชายหนุ่มบอกตัวเองในวินาทีนี้เลยว่า เขาต้องตาต้องใจแม่เสือสาวคนนี้เข้าให้ซะแล้ว

“มีใครสงสัยอะไรอีกมั้ย?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel