บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 แอบรัก (3)

“ไม่จริงหรอกค่ะ หวานคิดว่าพี่ขมต้องมีใจให้คุณทศบ้างล่ะ สังเกตง่ายจะตาย พี่ขมไม่เคยสุงสิงกับใคร วัน ๆ เอาแต่หมกตัวอยู่กับงาน และการที่พี่ขมต้อนรับคุณทศก็เป็นสิ่งยืนยันว่าคุณทศคือคนพิเศษ”

พอได้ฟังเหตุผลสีหน้าของทศพลจึงดีขึ้น “คุณหวานพูดจริงนะครับ”

พอเห็นสายตาเป็นประกายด้วยความหวัง สุปราณีจึงพูดอะไรไม่ออกนอกจากพยักหน้างึก ๆ ยืนยันคำพูดของตัวเอง

“เยส! ผมดีใจจังเลย อย่างน้อยผมก็ยังพอมีความหวัง” ทศพลยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างสุขใจ ก่อนพารถเก๋งคู่ใจออกสู่ท้องถนนอีกครั้ง

แต่สำหรับสุปราณีที่โกหกให้อีกฝ่ายสบายใจกลับปิดปากเงียบตลอดทาง จนกระทั่งรถแล่นผ่านมหาวิทยาลัยที่เธอสอบได้ทุนเรียนฟรีนั่นล่ะ

“จอดให้หวานลงด้วยค่ะคุณทศ”

พอบอกให้หยุดรถกะทันหันทศพลจึงเหยียบเบรกจนตัวโก่ง พอรถหยุดสนิทแล้วนั่นล่ะทศพลจึงหันมาสนใจหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ

“ขอโทษทีคุณหวาน ผมใจลอยไปหน่อยเลยลืมส่งคุณหวานเลย” ชายหนุ่มลูบท้ายทอยของตัวเองแก้เก้อแล้วยิ้มแหยให้

สุปราณีที่แกล้งทำหน้างอจึงค้อนตาใส่ แต่สุดท้ายต้องเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ที่อีกฝ่ายขอโทษเธอซ้ำอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรค่ะหวานยกโทษให้ แต่ถ้าคราวหน้าคุณทศลืมหวานอีก หวานจะฟ้องพี่ขม” หญิงสาวทำย่นจมูกใส่พร้อมอมลมแก้มป่องซึ่งดูน่ารักมากกว่าจะน่ากลัว

ทศพลจึงยิ้มแหย ๆ แล้วรีบโบกมือห้ามทันที “อย่าเชียวนะครับคุณหวาน เดี๋ยวคุณขมโกรธ พลอยไม่ให้ผมเหยียบบ้าน”

“หวานล้อคุณทศเล่นค่ะ จะฟ้องพี่ขมทำไมคะ หวานซะอีกที่ต้องขอบคุณคุณทศที่ให้หวานติดรถมามหา’ลัย” หญิงสาวยิ้มหวานสมชื่อ

รอยยิ้มนั่นก็ทำเอาทศพลชะงักไปอึดใจ เพิ่งรู้สึกว่าดวงตากลมโตของหญิงสาวสวยกว่าทุกครั้งที่เขาเคยเห็นก็ตอนนี้นี่ล่ะ “โธ่คุณหวาน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ผมยินดีอยู่แล้วครับ”

ได้ยินอย่างนั้นสุปราณีจึงอมยิ้มแล้วพยักหน้าให้แต่ไม่วายแกล้งแหย่อีก

“ค่ะ คุณทศห้ามลืมหวานอีกนะคะ” สุปราณีบอกจริงจัง

ทศพลมองวงหน้าหวานที่มองเขาอยู่แล้วพยักหน้ารับ หากไม่ได้อุปโลกน์ไป ทศพลคิดว่าหญิงสาวแก้มแดงปลั่งขึ้นมาเพราะเขาเป็นสาเหตุ แต่จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ สุปราณีน่ารักสำหรับเขาเสมอ

“ได้ครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ แล้วเจอกัน” สุปราณียิ้มหวานให้อีกครั้งก่อนหอบเอาตำราเรียนลงจากรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่แล้วโบกมือให้ชายหนุ่ม

พอรถเก๋งของทศพลแล่นกลืนหายไปกับรถยนต์คันอื่นบนท้องถนน ใบหน้าสวยสดใสที่เปื้อนรอยยิ้มจึงค่อย ๆ หายไปแล้วแทนที่ด้วยความไม่สบายใจทันที

“เอานะยัยหวาน แค่ได้เห็นหน้าคุณทศก็พอแล้ว” หญิงสาวปลอบใจตัวเองแล้วควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบเก๋ของตัวเอง

ความว่างเปล่าทำให้เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอหยิบลงจากรถของทศพลไม่หมด หญิงสาวจึงผ่อนลมหายใจออกมาแล้วยิ้มให้ตัวเอง

เชื่อเถอะ ยังไงซะทศพลต้องแวะกลับมาหาเธอแน่นอน!

##### บทที่ 3

ท้าทาย

กลิ่นกาแฟร้อนหอมฉุยในช่วงบ่ายแก่กับรสชาติเข้มข้นหวานกลมกล่อมกระตุ้นให้สุชีรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า และมีความอดทนต่อการจัดการตัวเลขมากยิ่งขึ้น

หญิงสาวลุกขึ้นบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบซึ่งเกิดจากการนั่งเป็นเวลานาน ๆ พอสบายตัวแล้วนั่นล่ะ เธอจึงหย่อนสะโพกกลมลงบนเก้าอี้ตัวเดิมแล้วก้มหน้าก้มตาจัดการกับบัญชีค่าแรงคนงานต่อ

เสียงดีดลูกคิดดังก๊อกแก๊ก ๆ ตลอดเวลาจนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงรวบเอกสารที่จัดการจนหัวฟูมาหลายวันไปไว้มุมหนึ่งของโต๊ะทำงาน แล้วหยิบลูกคิดที่เธอใช้ได้ชำนาญกว่าเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิคส์ขึ้นมานั่งดู รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฎรอยบุ๋มข้างแก้มอย่างภาคภูมิใจซึ่งหาดูได้ยากฉายบนวงหน้าสวยจัดเมื่อคิดย้อนไปถึงเรื่องราวสามสี่ปีที่ผ่านมา

จากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศมหาอำนาจทางตะวันตกซึ่งกระทบมายังประเทศไทยนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังธุรกิจที่ครอบครัวของเธอทำโดยตรงด้วย หากเพียงปัจจัยเดียวคือเรื่องเศรษฐกิจ คงไม่นำความเสียหายมาให้มหาศาลเท่านี้

แต่เพราะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ครอบครัวเธอจึงเป็นหนี้เป็นสินอยู่หลายสิบล้าน และหนึ่งในบัญชีเจ้าหนี้รายใหญ่ ก็มีชื่อ ‘นายทวีสิญจน์ หรือ เสี่ยสิญจน์’ อยู่ในนั้นด้วย นี่เองจึงเป็นเหตุให้นายวาทีลูกชายเพียงคนเดียวของเสี่ยสิญจน์กล้าเข้ามา ‘กร่าง’ และวางอำนาจในบ้านของเธอโดยไม่ให้ความเกรงใจใครทั้งสิ้น

ใช่ว่าสุชีรากลัวนักเลงปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมรายนั้น นายวาทีเป็นเด็กรุ่นน้องที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เธอไม่ลงมือทำอะไรขั้นเด็ดขาด เป็นเพราะว่าครอบครัวของเธอยังตกอยู่ในฐานะลูกหนี้ชั้นดีของเสี่ยสิญจน์นั่นเอง อีกอย่างพ่อของเธอก็ไปมาหาสู่กับคนบ้านนั้นทุกวัน หากลงมือทำอะไรไปก็จะหมางใจกันเปล่า ๆ

“เฮ้อ...” หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อจัดการกับปัญหาที่ยืดเยื้อมานานนี้ไม่จบสักที

เธอไม่เข้าใจพ่อตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมพ่อถึงชอบไปสุงสิงกับคนพวกนั้น ทั้ง ๆ ที่ประวัติสองพ่อลูกนั่นไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ ยินข่าวแว่วเข้าหูตลอดว่าเสี่ยสิญจน์ค้าของเถื่อน และยังเปิดบ่อนพนันในบ้าน สุชีรายิ่งไม่อยากให้พรทวีเฉียดใกล้

เธอเคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมตำรวจถึงไม่จับ และคำตอบที่ได้ก็สร้างความระอาใจให้เธอยิ่งนัก เพราะอำนาจเงิน!!! เสี่ยสิญจน์เป็นผู้มีอำนาจในละแวก อีกทั้งมีเงินหนาพอสมควร เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับสินบนจึงไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย

มีระยะหลังมานี่ล่ะที่ข่าวเรื่องบ่อนพนันเงียบหายไป อาจเป็นเพราะเจ้าของบ้านได้กิจกรรมใหม่ทำก็เป็นได้ เพื่อนร่วมกระบวนการคิดเลขจึงพากันหันหน้ามา ‘ส่องพระเครื่อง’ กันเป็นแถว

ก็ยังดี... อย่างน้อยหันหน้าเข้าหาพระก็ยังฟังดูดีกว่าจับกลุ่มเล่นไพ่ แต่นั่นล่ะ จะไว้วางใจได้สักเท่าไหร่เชียวในเมื่อเสี่ยสิญจน์เป็นคนเจ้าเล่ห์ สุชีราส่ายหน้าแล้ววางลูกคิดอันเก่าลง ก่อนตวัดสายตาไปที่บานประตูเมื่อเสียงเคาะดังขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel